ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 15 ท่านอ๋องรองมอบของขวัญให้
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 15 ท่านอ๋องรองมอบของขวัญให้
“เจ้า!”
กู้ชิวเหลิ่งปัดมือของอวี่เหวินหวายที่จับคอเสื้อของนางออกเบาๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบว่า: “ท่านอ๋องหกพูดแต่เซียงเอ๋อร์อยู่เสมอ ข้าคิดว่าท่านคงจะชอบพี่ใหญ่สินะ ข้ารู้ว่าฐานะของตัวเองนั้นต่ำต้อย ไม่คู่ควรกับท่านอ๋องหก หากท่านอ๋องเต็มใจ พวกข้าสามารถไปเจรจากับฝ่าบาท ถอนงานแต่งของข้าและท่านทิ้งได้”
อวี่เหวินหวายทำเสียงเชอะอย่างเย็นชา: “เจ้าพูดเหมือนง่ายนัก ข้าเคยไปขอถอนหมั้นก่อนหน้านี้แล้ว เสด็จพี่ไม่เห็นด้วย มิฉะนั้นใครอยากจะแต่งงานกับเจ้า……”
ถ้อยคำของอวี่เหวินหวายผุดมาถึงริมปาก แต่เมื่อมองดูใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกเหมือนยากที่จะพูดมันออกมานัก หากเป็นอดีต เขาต้องชี้หน้าด่ากู้ชิวเหลิ่งแน่นอน แต่ตอนนี้รอบกายของกู้ชิวเหลิ่งนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายเย็นชา จากรูปลักษณ์ที่ธรรมดาๆจนกลายมาเป็นรูปลักษณ์สวยงาม จากคนใบ้ที่พูดติดอ่างจนกลายมาเป็นผู้หญิงที่พูดคล่องโน้มน้าวจิตใจเก่ง เพียงเวลาสามวันก็เปลี่ยนจนเขาไม่รู้จัก
กู้ชิวเหลิ่งดึงคอเสื้อแล้วพูดว่า:”ท่านอ๋องสามารถไปพูดได้เลย เพราะไม่กี่วันก่อนข้าถูกท่านอ๋องเตะลงน้ำ ดังนั้นฝ่าบาทจึงรู้สึกอับอายละอายใจ ฉวยโอกาสขออะไรบางอย่างกับฝ่าบาทตอนที่ความละอายใจนี้ยังไม่จางหายไป ตอนนี้ไม่เอ่ยปาก จะรอถึงเมื่อใด?”
อวี่เหวินหวายลองนึกคิดดูดีๆเกี่ยวกับคำพูดของกู้ชิวเหลิ่ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลยิ่ง ช่วงนี้เห็นๆอยู่ว่าอวี้ฉือกงไม่ได้ลงโทษเขา แถมยังให้เขาหยุดพักไปตั้งครึ่งเดือน มิฉะนั้นเขาก็จะไม่ปรากฏตัวอยู่ในลานของกู้ชิวเหลิ่งในตอนนี้ หากไปพูดตอนนี้ ไม่แน่อวี้ฉือกงอาจเห็นด้วยก็ได้
อวี่เหวินหวายสะบัดแขนเสื้อแล้วกำลังจะจากไป กู้ชิวเหลิ่งก็พูดว่า:”สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือตอนนี้กำลังนอนสงบอยู่ที่ลานของพี่ใหญ่ข้า ท่านอ๋องหกเพิ่งออกมาจากลานของข้า เดี๋ยวพี่ใหญ่ก็รู้เข้าแล้ว ไม่รู้ว่าในใจจะคิดท่านอย่างไร ข้าว่านะ ท่านอ๋องควรไปถามไถ่สารทุกข์สุขดิบที่ด้านนอกลานของพี่ใหญ่ก่อน เผื่อพี่ใหญ่เกิดข้อสงสัยในใจ ออกเหินห่างจากท่าน”
อวี่เหวินหวายขมวดคิ้ว พูดว่า:”เรื่องเล็กแค่นี้ ยังไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาเตือนข้า!”
อวี่เหวินหวายเพิ่งเดินออกจากสวนยีชุ่ย จูเอ๋อร์ก็วิ่งเข้ามาเลย และถามอย่างวิตกกังวลว่า: “คุณหนู ท่านอ๋องหก……”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มและพูดว่า:”เขา? ดูเหมือนว่าใช้คำว่าคนโง่เขลามาเปรียบเทียบอวี่เหวินหวายนี้นั้นไม่ผิดจริงๆเลย”
“ห๊ะ? คุณหนูจะเรียกชื่อของท่านอ๋องหกโดยตรงเช่นนี้ได้อย่างไรกันเจ้าค่ะ? หากให้คนอื่นรู้เข้า คงต้องพิจารณาโทษคุณหนูแน่เลยเจ้าค่ะ! ”
กู้ชิวเหลิ่งเป่าชาร้อนในมือและพูดว่า:”หากจะพูดถึงการพิจารณาโทษ พรุ่งนี้โทษของอวี่เหวินหวายคงจะมาแล้ว”
จูเอ๋อร์มองดูกู้ชิวเหลิ่งอย่างสงสัย และในขณะที่ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น กู้ชิวเหลิ่งก็ถามว่า:”คนที่ชื่อญาชิงนั้น จะส่งของที่ท่านอ๋องรองมอบให้มาในยามใด?”
จูเอ๋อร์กล่าวว่า:”ประมาณยามอู่ เมื่อก่อนตอนท่านอ๋องรองให้ญาชิงส่งของมาให้นั้น ส่วนใหญ่ก็ตอนยามอู่”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า ตอนนางถามชื่อของญาชิงในวันนั้น นางเห็นสีหน้าแปลกๆบนใบหน้าของญาชิง แม้จะเป็นเพียงชั่วพริบตา แต่นางก็คิดได้ว่า กู้ชิวเหลิ่งในอดีตนั้นเคยติดต่อกับญาชิง
ดูเวลาแล้ว ญาชิงก็ใกล้ถึงแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งสั่งว่า:”นำอาหารในครัวมา”
จูเอ๋อร์ตอบว่า:”เจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งพิงอยู่ในตั่งนอนที่นุ่มนวล แสงแดดข้างนอกเหมือนถูกหมอกปกคลุมเอาไว้ เป็นยามอู่แล้วแท้ๆ แต่กลับไม่แสบตาสักนิดเลย
ในสวนเซียงลู่ กู้ชิวเซียงหงุดหงิดยิ่งกว่าเมื่อวาน มองดูสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะ ไม่มีอารมณ์ของการได้อะไรกลับจากการสูญเสียสักนิดเลย สิ่งที่มาแทนคือความโกรธ
แม่นมโจวกำลังคุกเข่าลงกับพื้น นางอายุเกินสี่สิบแล้ว ปกติก็ไม่เคยคุกเข่าแบบนี้มาก่อน ฮูหยินใหญ่พูดอย่างเย็นชาว่า:”เมื่อวานเรื่องที่ข้าสั่งให้เจ้าทำนี้ เจ้าทำมันยังไงกันแน่?ให้กู้ชิวเหลิ่งแสดงหน้าต่อหน้าท่านอ๋องรอง? ข้าสั่งเจ้าเยี่ยงนี้รึ! ”
แม่นมโจวตัวสั่นและพูดว่า:”ฮูหยิน! บ่าวไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดอะไรขึ้น! นี้……นางก็ดูให้ความร่วมมือมากนัก บ่าวคิดว่าแผนการสำเร็จแล้ว……ใครจะไปรู้ว่าอีนังหนูนั้นมันฉลาดยิ่งนัก ไม่แต่งอะไรลงบนหน้าเลย! ”
กู้ชิวเซียงพูดอย่างโกรธเคืองว่า:”กู้ชิวเหลิ่งเป็นเพียงคนขี้อ่อนเท่านั้น ในอดีตไม่ว่าจะทำอะไรนางก็ไม่เคยเห็นนางต่อต้านเลย ครานี้เป็นเพราะเจ้าทำงานไม่ได้เรื่องชัดๆ!”
แม่นมโจวนอนคว่ำอยู่บนพื้น ตะโกนว่า:”บ่าวถูกใส่ร้ายนะเจ้าค่ะ! ในอดีตเรื่องเหล่านั้นล้วนทำโดยแม่นมฉีกับปี้เถา เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นคุณหนูรองอยู่ในสายตา ดังนั้นนอกจากแม่นมฉีกับปี้เถาแล้ว บ่าวก็เลยไม่ได้สั่งให้คนอื่นทำ อิงเอ๋อร์ก็เพิ่งถูกขายเข้ามาในจวน ภูมิหลังสะอาด เดิมทีบ่าวนึกว่า……ใครจะไปรู้ว่าอีนังหนูนั้นขี้ขลาดมากเช่นนั้น ทำอ่างน้ำหกลงบนแป้งชาดที่ถูกส่งไป จึง……”
ฮูหยินใหญ่ตบโต๊ะและพูดอย่างโกรธเคืองว่า:”ยังไงก็เป็นเพราะเจ้าทำงานไม่ได้เรื่อง! เจ้าอยู่กับข้ามาหลายปี ทำไรไม่เคยพลาดมาก่อน ทำไมถึงต้องเป็นครั้งนี้ด้วย!”
“ท่านแม่! ข้าว่าบ่าวเฒ่านี้เห็นหลานสาวของนางตายอยู่ในมือของพวกข้า จึงเกิดความแค้นในใจ อยากแกล้งข้า! ”
กู้ชิวเซียงมักถูกเลี้ยงดูอยู่แต่ในห้องไม่ออกไปไหน นอกจากเคยเห็นอวี่เหวินเจี๋ยสองสามครั้งตอนยังเด็กแล้ว ปกติก็ไม่ง่ายที่จะได้เห็นอวี่เหวินเจี๋ยนัก ครั้งนี้นางได้โอกาสดีเยี่ยงนี้ แต่กลับเสียไปเปล่าอย่างนี้ แถมยังปล่อยให้อวี่เหวินเจี๋ยสังเกตเห็นถึงกู้ชิวเหลิ่ง นางจะทนได้อย่างไรกัน?
แม่นมโจวถูกใส่ร้ายอย่างไร้สาเหตุและไร้เหตุผลเช่นนี้ ช่างเป็นอะไรที่ทุกข์อย่างแสนสาหัสยิ่งนัก กำลังจะแก้ตัว ฮูหยินใหญ่ก็ได้กวักมือไปมาอย่างใจร้อนแล้วพูดว่า: “ก็แค่เป็นเพียงอีนังหนูใบ้ที่มีอายุสิบสี่เท่านั้น กู้ชิวเหลิ่งขี้กลัวจนเคยชินแล้ว ข้าไม่ใส่ใจ คราวนี้พลาดโอกาสที่ดีไป งั้นก็คงต้องแสดงความสามารถที่โดดเด่นในงานเลี้ยงแห่งแคว้นแล้ว เซียงเอ๋อร์ เจ้าพร้อมหรือยัง?”
กู้ชิวเซียงทำจิตใจให้สงบ และพูดอย่างได้ใจว่า: “ท่านแม่วางใจได้เจ้าค่ะ ก็แค่ความสามารถเท่านั้น ลูกเป็นหญิงที่มีความรู้ความสามารถเป็นเยี่ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวง สมกับชื่อเสียงที่ได้ ไม่เหมือนกับนังกู้ชิวเหลิ่ง แม้แต่โอกาสที่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงยังไม่มีด้วยซ้ำ”
ฮูหยินใหญ่ตบมือของกู้ชิวเซียงด้วยความภาคภูมิใจและพูดว่า:”เจ้าไว้ใจ ก็แค่บุตรีอนุภรรยาคนหนึ่ง ยังไงก็ไม่มีวันรังแกเจ้าได้หรอก ขอแค่เจ้าแสดงตนอย่างโดดเด่นในงานเลี้ยงแห่งแคว้น ท่านอ๋องรองก็จะสังเกตเห็นเจ้าแน่นอน”
แก้มของกู้ชิวเซียงเริ่มแดง จากนั้นก็พูดอย่างเชื่อฟังว่า:”ลูกเข้าใจ”
อาหารบนโต๊ะดีกว่าตอนอยู่เรือนจั๋วยู่มากแล้ว แต่ก็มีเพียงแค่ผักหนึ่ง ซุปหนึ่งเอง ในผักไม่เห็นมีเนื้อแม้แต่นิดเลย และในซุปก็ยากที่จะได้เห็นไข่
ตั้งแต่กู้ชิวเหลิ่งให้จูเอ๋อร์ยกอาหารมา นางก็ไม่เคยแลดูอาหารบนโต๊ะเลย แต่กลับนั่งไว้หน้าหน้าต่าง และใช้มือเคาะขอบหน้าต่างเบาๆ
จูเอ๋อร์มองดูอาหารบนโต๊ะ ก็อดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ อาหารกลางวันของนางแย่กว่ากู้ชิวเหลิ่ง มีเพียงข้าวเย็นถ้วยหนึ่งและใบกะหล่ำปลีสองสามใบ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซุปร้อนๆเลย
กู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างเฉยชาว่า:”ถ้าเจ้าหิวก็กินเลย บนโต๊ะนี้เป็นของเจ้าหมด”
จูเอ๋อร์ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว:”ได้อย่างไรเจ้าค่ะ! คุณหนูไม่ได้ทานข้าวมาตั้งแต่เช้าแล้ว บ่าว……”
จู่ๆกู้ชิวเหลิ่งก็ยิ้ม ราวกับว่านางได้วางแผนอะไรไว้แล้ว สั่งว่า: “กิน ข้าให้กินเอง”