ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 150 ศึกษาเรื่องดอกไม้มามาก
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 150 ศึกษาเรื่องดอกไม้มามาก
อดีตชาตินางชอบดอกไห่ถัง ชาตินี้ก็ยังคงเป็นความคุ้นเคยเดิม จวินฉีเซิ่งจ้องนางเขม็ง ราวกับต้องการจับผิดอะไร
กู้ชิวเหลิ่งตอบ “หม่อมฉันชอบจริงเพคะ เพียงแต่ที่ชอบมากที่สุดยังคงเป็นไผ่เขียว”
ทันใดนั้นก็ไม่ทราบว่าหินจากที่ใดกระทบกับเข่าของนาง กู้ชิวเหลิ่งไม่ทันระวังจึงล้มลงกับพื้น ดีที่จวินฉีเซิ่งพยุงนางไว้ได้อย่างมือเร็วตาไว
มือของจวินฉีเซิ่งรองอยู่ที่แขนของกู้ชิวเหลิ่ง สัมผัสเบาๆ เท่านั้น แต่ก็ทำให้กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกอึดอัด สมองพลันปรากฏภาพการเสียชีวิตอย่างอนาถของบิดาและพี่ชาย ยังมีความทรมานเหลือแสนของนิ้วทั้งสิบอีก กู้ชิวเหลิ่งใช้นิ้วจับแขนของจวินฉีเซิ่งตามสัญชาตญาณ
จวินฉีเซิ่งเจ็บนิดๆ เซียวอวิ๋นเซิงเร่งรุดมากับอวี่เหวินเจี๋ยแล้ว กู้ชิวเหลิ่งจึงรีบดึงมือกลับ เอ่ย “หม่อมฉันเท้าแพลง มิได้จงใจ พระหัตถ์ของฝ่าบาท…”
จวินฉีเซิ่งยืนเอามือไพล่หลัง เอ่ย “ไม่เป็นไร”
ขณะที่อวี่เหวินเจี๋ยกำลังมาบังเอิญได้ยินถ้อยคำของกู้ชิวเหลิ่งพอดี โดยเฉพาะประโยคนั้นที่ว่า ‘ที่ชอบมากที่สุดยังคงเป็นไผ่เขียว’ ทำให้หัวใจอวี่เหวินเจี๋ยบีบรัดแน่น
กู้ชิวเหลิ่งมองเซียวอวิ๋นเซิง เห็นใบหน้าอีกฝ่ายขรึมอย่างไม่ทราบสาเหตุ
มือของเซียวอวิ๋นเซิงหิ้วกวางที่ตายสนิทแล้วตัวหนึ่ง เอ่ย “กวางนี่ก็ล่ามาได้แล้ว อาศัยที่ฟ้ายังสว่าง พวกเรามาย่างรับประทานกันเถอะ พอแบ่งให้สี่คนพอดี”
กู้ชิวเหลิ่งย่อตัวนิดๆ เอ่ย “เย็นมากแล้ว หม่อมฉันควรกลับไปเสียมี”
เซียวอวิ๋นเซิงเอ่ย “ยังไม่เย็นมาก ฟ้ายังไม่มืดเลย รอให้ฟ้าใกล้มืดแล้วข้าจะส่งเจ้ากลับไปเอง”
จวินฉีเซิ่งสมทบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น ตอนนี้เช้าอยู่ ท่านอ๋องรองกับเซียวโหวเย๋น้อยก็ล่าได้ของดีมา หากหนิงจวิ้นจู่ทานยังจะบำรุงร่างกายได้ดีอีกด้วย”
อวี่เหวินเจี๋ยมองกู้ชิวเหลิ่งอย่างไม่กะพริบตา จิตใจล่องลอยออกไปนอกสุดขอบฟ้าแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งกำหมัดแน่นซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ แทบอยากปาดจุดที่จวินฉีเซิ่งแตะถูกเมื่อสักครู่ออกไป
แม้นางไม่ทราบว่าคราวนี้เซียวอวิ๋นเซิงจะมาไม้ไหน แต่ต้องเกี่ยวข้องกับจวินฉีเซิ่งแน่
เมื่อครู่ที่ดีดหินมาที่เข่านาง ก็น่าจะเป็นเซียวอวิ๋นเซิงด้วย
เซียวอวิ๋นเซิงทำเช่นนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
“นี่ นังหนู ฝ่าบาทก็ทรงตรัสเช่นนี้แล้ว เจ้าจะว่าอย่างไร?”
กู้ชิวเหลิ่ง ตอบ “ในเมื่อเซียวโหวเย๋น้อยกับฝ่าบาทต่างว่าเช่นนี้ หม่อมฉันก็จะอยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่ต้องกลับถึงจวนก่อนตะวันจะตกดินนะเพคะ”
มือข้างหนึ่งของเซียวอวิ๋นเซิงแตะกับบ่าของกู้ชิวเหลิ่ง เอ่ย “นี่สิจึงจะถูกต้อง เจ้าวางใจเถอะ มีข้าอยู่ ถึงตะวันจะลับฟ้าแล้วก็ส่งเจ้ากลับจวนกู้โหวได้อย่างปลอดภัยแน่นอน”
เสียงของกู้ชิวเหลิ่งเย็นชาเล็กน้อย “เช่นนั้นต้องขอบคุณเซียวโหวเย๋น้อยล่วงหน้าแล้ว”
“มิต้อง มิต้อง!”
จากนั้นเซียวอวิ๋นเซิงก็เดินไปอยู่ตรงหน้าอวี่เหวินเจี๋ยอีก เอ่ย “ท่านอ๋องรอง เหม่ออะไรน่ะ?”
“เปล่า กวางตัวนี้เจ้าได้มันมาก่อน เช่นนั้นข้าจะสั่งให้คนไปก่อกองไฟ”
“ดี”
เซียวอวิ๋นเซิงยิ้มตาหยีมองกู้ชิวเหลิ่ง เอ่ย “ไม่ใช่ว่าเหนื่อยหรือ? ข้าจะพาเจ้าไปพักผ่อน ฝ่าบาทก็เสด็จไปด้วยกันสิพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋องรองแพ้แล้ว ดังนั้นงานสกปรกงานเหนื่อยอะไรก็ให้เขาทำไป”
จวินฉีเซิ่งเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้างหน้าได้ตั้งกระโจมแล้ว พวกเราก็เข้าไปดื่มชาสักสองจอกเถอะ”
เซียวอวิ๋นเซิงพยักหน้าเห็นด้วย เอ่ย “ดีพ่ะย่ะค่ะ เดินมาครึ่งวัน กระหม่อมกระหายแล้ว หนิงจวิ้นจู่ สตรีก่อน เชิญ”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้าน้อยๆ เดินนำอยู่เบื้องหน้า นางเห็นกระโจมที่ไม่นับว่าเล็กหลังหนึ่งอย่างที่คิด ทว่าในใจก็กำลังคิดว่าจะกลับก่อนอย่างไรดี จุดที่จวินฉีเซิ่งสัมผัสเมื่อครู่มิทำให้นางรู้สึกอึดอัดใจยิ่ง
เซียวอวิ๋นเซิงเห็นท่าทางอดกลั้นของกู้ชิวเหลิ่งแล้วก็อดหันไปมองจวินฉีเซิ่งไม่ได้ ที่เขาจงใจวางแผนนี้ ก็เพื่ออยากดูว่ากู้ชิวเหลิ่งมีความสัมพันธ์อะไรกับจวินฉีเซิ่ง และกู้ชิวเหลิ่งมีความสัมพันธ์อะไรกับมู่หรงชิวกันแน่
เซียวอวิ๋นเซิงลอบกำผ้าเช็ดหน้าในแขนเสื้อแน่น ก่อนหน้านี้เขาเห็นแล้วก็รู้สึกคุ้นตานัก ครั้นคิดอย่างถี่ถ้วนก็พลันนึกขึ้นได้ว่าตัวอักษรแล้วดอกไม้ในผ้าเช็ดหน้าเหมือนกับสิ่งของของมู่หรงชิวยิ่ง คนอื่นอาจไม่มีความเคยชินนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าสัญลักษณ์ของทั้งสองต่างเป็นดอกไห่ถังเหมือนกัน
อักษรชิวของตระกูลกู้คืออักษรรุ่น มิใช่ชื่อ หากกู้ชิวเหลิ่งต้องการทำสัญลักษณ์ เหตุใดจึงไม่ใช้คำว่าเหลิ่ง แต่กลับใช้ชิวแทน?
แม้เซียวอวิ๋นเซิงรู้สึกว่าความคิดนี้ของตัวเองพิสดารมาก แต่หากเป็นตามคาด เบาะแสทุกอย่างก็สามารถร้อยเรียงกันได้แล้ว
ในกระโจมเย็นสบายกว่าข้างนอกมาก ข้าราชบริพารสี่คนกำลังนำก้อนน้ำแข็งจากอุโมงค์ใต้ดินวางไว้ในอ่างใบใหญ่ โบกพักให้เย็น ดังนั้นจึงทำให้พวกเขาที่ร้อนในเมื่อครู่กลายเป็นจิตใจสงบในทันที
“หนิงจวิ้นจู่ ฝ่าบาท เชิญเสวยพระสุธารสชาพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอวิ๋นเซิงยื่นจอกน้ำชาในมือให้กู้ชิวเหลิ่งกับจวินฉีเซิ่ง แย้มยิ้มเอ่ย “ไม่ทราบเมื่อครู่เท้าที่บาดเจ็บของหนิงจวิ้นจู่มีปัญหาอะไรหรือไม่ หากยังเจ็บอยู่ ข้าก็ช่วยนวดให้ได้”
กู้ชิวเหลิ่งทราบว่าเซียวอวิ๋นเซิงเป็นคนไม่เป็นการเป็นงานมาตลอด ดังนั้นจึงกล่าว “แค่ไม่ระวังแพลงนิดหน่อย โชคดีที่ฝ่าบาทพยุงเอาไว้ ดังนั้นจึงไม่เป็นอะไรมาก”
เซียวอวิ๋นเซิงจึงเอ่ยอย่างอยากร่วมสนุก “เห็นเมื่อครู่เหมือนกำลังพูดเรื่องน่าสนใจอะไร เกี่ยวกับดอกไม้? พอดีเลย ข้าก็ศึกษาเรื่องดอกไม้มามาก อ้างอิงให้ได้”
กู้ชิวเหลิ่งชิงกล่าวก่อน “ฝ่าบาททอดพระเนตรเห็นว่าชุดขี่ม้าของหม่อมฉันปักดอกไห่ถัง ดังนั้นจึงถาม เซียวโหวเย๋น้อยนิยมเข้าตามตรอกมวลบุปผาแสงสี เถาหอง เซียนเสาอะไรที่ท่านรู้จักคงทำมาใช้อ้างอิงมิได้หรอก”
รอยยิ้มของเซียวอวิ๋นเซิงพลันแข็งกระด้าง ถึงภายนอกเขาจะดูไม่เป็นการเป็นงาน แต่ก็ไม่เคยไปสถานที่มวลบุปผาแสงสี กู้ชิวเหลิ่งจงใจใช้ถ้อยคำพวกนี้สร้างมลทินกับเขา เขาจะได้ไม่พูดต่อไม่ได้
เมื่อฟังมาถึงตอนนี้ กู้ชิวเหลิ่งก็พอทราบจุดประสงค์ของเซียวอวิ๋นเซิงสามสี่ส่วน คงเพราะเก็บผ้าเช็ดหน้าที่นางทำหล่นเมื่อคราวก่อน เห็นดอกไม้กับตัวอักษรในนั้นจึงเริ่มสงสัยนาง
เรื่องอื่นไม่กล้าพูด แต่เรื่องการดูของล้ำค่าเรื่องนี้เซียวอวิ๋นเซิงกลับชำนาญยิ่ง ผ้าเช็ดหน้าสีเขียวไม่ควรปักลายดอกไห่ถัง คงเป็นเพราะเซียวอวิ๋นเซิงดูอะไรออกจึงวางแผนดูปฏิกิริยาของนางกับจวินฉีเซิ่งแน่
จวินฉีเซิ่งค้นพบนานแล้วว่าเซียวอวิ๋นเซิงพิเศษต่อกู้ชิวเหลิ่ง ดังนั้นจึงเอ่ย “เห็นความสัมพันธ์ของเซียวโหวเย๋น้อยกับหนิงจวิ้นจู่แล้ว คล้ายว่าจะพิเศษอยู่บ้าง?”
เซียวอวิ๋นเซิงตบหน้าขาฉาด เอ่ย “ฝ่าบาทช่างตรัสได้…”
“ฝ่าบาทโปรดระวังด้วย หม่อมฉันยังไม่ได้ออกเรือน จะมีความสัมพันธ์พิเศษกับบุรุษได้อย่างไรเพคะ?”
ดวงตาลุ่มลึกของจวินฉีเซิ่งจับจดอยู่แต่กับกู้ชิวเหลิ่ง น้ำเสียงนั้น เหตุใดจู่ๆ ก็ทำให้เขานึกถึงมู่หรงชิวเล่า?
“เป็นข้าที่ล่วงเกิน ข้าจะขอใช้น้ำชาแทนสุรา คารวะหนิงจวิ้นจู่หนึ่งจอก”
จวินฉีเซิ่งหยิบชาขึ้นมาจริง ดื่มไปจอกหนึ่ง กู้ชิวเหลิ่งก็หยิบชาขึ้นมาด้วย จวินฉีเซิ่งจำได้ว่าตอนที่มู่หรงชิวยังมีชีวิตอยู่ ขณะดื่มชาจะมีความเคยชินอย่างหนึ่ง