ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 155 คืนวันแต่งงาน
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 155 คืนวันแต่งงาน
กู้ชิวเหลิ่งเก็บรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี้เอาไว้ในสายตา นางเดาความคิดและความทะเยอทะยานของฉินโม่เอ๋อร์ได้มากกว่าครึ่งแล้ว เพียงแต่ไม่พูดออกมาเท่านั้น
ในค่ำคืนนี้ ณ จวนอ๋องหก
อวี่เหวินหวายดื่มจนเมามายไม่ได้สติ แขกที่มาในงานเลี้ยงล้วนเป็นพวกบรรดาคุณชายทั้งนั้น ปกติจะคบหาอยู่ด้วยกัน ดังนั้นมอมเหล้าขึ้นมาจึงไม่รู้จักหนักเบากัน
อวี่เหวินหวายถูกบ่าวรับใช้ชายประคองไปยังห้องหออย่างโซซัดโซเซทิ่มหน้าถอยหลัง ใบหน้าของอวี่เหวินหวายแดงก่ำเพราะเหล้า ผลักบ่าวรับใช้ชายที่อยู่ข้างกายออกไป และคำรามขึ้นมา: “ไสหัวออกไปให้หมด!”
บ่าวรับใช้ชายสองคนวิ่งออกไปอย่างลนลาน แม่เฒ่าที่คุกเข่าอยู่หน้าประตู กล่าวว่า: “ท่านอ๋อง พิธียัง……”
อวี่เหวินหวายยิ้มเยาะเย้ย: “พิธี? เจ้าไสหัวออกไปเลยนะ! ไล่ทุกคนที่อยู่ในห้องออกไปให้หมด! วันนี้ เป็นวันดีของข้ากับพระชายา ใครก็ห้ามมารบกวนทั้งนั้น! ยังไม่รีบไปอีก!”
เสียงตะโกนของอวี่เหวินหวายดังมาก องค์หญิงอานไท่ที่อยู่ในห้องได้ยินอย่างชัดเจน แต่กลับคิดว่าอวี่เหวินหวายใจร้อนอยากจะรีบร่วมหอ อดที่จะทำหน้าเขินอายไม่ได้ กล่าวกับสาวใช้สองสามคนที่มาจากวังที่อยู่ข้างกาย: “ได้ยินคำพูดของท่านอ๋องแล้ว? ยังไม่ออกไปกันอีก?”
นางกำนัลสองสามคนโค้งคำนับเล็กน้อย กำลังจะเปิดประตูห้องออก ก็เห็นอวี่เหวินหวายเมาหนักจนเกือบจะล้มอยู่ตรงหน้าประตู นางกำนัลกำลังจะไปประคอง ก็ถูกอวี่เหวินหวายผลักออกไป หันหลังกลับไปก็ลงกลอนประตูเอาไว้อย่างแน่นหนา
ริมฝีปากแดงขององค์หญิงอานไท่เปิดออกเล็กน้อย ออดอ้อนอย่างสุดพรรณนา: “ท่านอ๋อง……”
สายตาของอวี่เหวินหวายพร่ามัว เดินโซเซไปถึงหน้ามุ้งเตียงนอน องค์หญิงอานไท่ยังคงสวมผ้าบางสีแดง สามารถมองเห็นใบหน้าที่งดงามนั่นได้รางๆ
องค์หญิงอานไท่เงยหน้าขึ้นมา กล่าวว่า: “ท่านอ๋อง ทำไมถึงไม่ถอดผ้าคลุมหน้าของข้าออกล่ะ? มองดูเช่นนี้ จะไม่อึดอัดหรอกหรือ?”
อวี่เหวินหวายเผยรอยยิ้มเย้ยหยันออกมา กลับไม่ได้พูดอะไร จากนั้นก็ถอดผ้าบางสีแดงที่อยู่บนหัวขององค์หญิงอานไท่ออก
การกระทำนี้ไม่มีความอ่อนโยนทะนุถนอมเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับหยาบคายอย่างสุดจะพรรณนา
องค์หญิงอานไท่ถึงได้รู้สึกถึงความผิดปกติ รอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อ เห็นเพียงอวี่เหวินหวายหรี่ตาลงเล็กน้อย สายตานั่นมันคือสายตาที่กำลังมองดูหมูหมาชัดๆ
“ท่านอ๋อง?”
“นังแพศยา!”
อวี่เหวินหวายตบไปบนหน้าขององค์หญิงอานไท่กะทันหัน ใบหน้าครึ่งหนึ่งขององค์หญิงอานไท่บวมขึ้นมาในชั่วพริบตา
องค์หญิงอานไท่มองดูอวี่เหวินหวายอย่างไม่อยากจะเชื่อ การแสดงออกทางสีหน้านั่นเต็มไปด้วยความตกตะลึง นางเคยถูกผู้ชายตบตีเมื่อไหร่กัน? ตั้งแต่เล็กจนโตมีแต่นางที่เป็นฝ่ายเฆี่ยนตีผู้ชาย แต่แล้ววันนี้กลับถูกสามีตบตีในคืนวันแต่งงาน
“ท่าน! นี่ท่านตบข้าหรือ?”
อย่าว่าแต่จะเป็นการแต่งงานของสองแคว้นเลย ถึงแม้ว่านางจะลดตัวมาแต่งงานในฐานะองค์หญิง ก็ไม่สามารถรับกับความคับข้องใจแบบนี้เด็ดขาด
อวี่เหวินหวายกล่าวอย่างดุดัน: “ข้าไม่เพียงจะตบตีเจ้าเท่านั้น! ยังจะเอาชีวิตของเจ้าด้วย!”
องค์หญิงอานไท่จ้องมองด้วยความโกรธทันที นางไม่เคยกลัวผู้ชายมาก่อน ในซีจิ้งผู้ชายล้วนเป็นทาส ใช้เพื่อความสนุกสนานทั้งนั้น ตอนนี้นางประจบประแจงผู้ชายคนหนึ่ง กลับได้รับการปฏิบัติด้วยแบบนี้ นางไม่มีทางยอมวางมือยุติเรื่องราวเด็ดขาด
อวี่เหวินหวายดึงผมขององค์หญิงอานไท่ขึ้นมา นึกถึงคำพูดที่หงฝูนำกลับมาบอกในวันนั้น อดทนมาหลายวันแล้ว วันนี้อาศัยตอนที่ดื่มจนเมา ระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกันทีเดียว
“ท่าน! ท่านปล่อยนะ!”
องค์หญิงอานไท่ยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง กลับถูกมืออีกข้างของอวี่เหวินหวายจับเอาไว้ อวี่เหวินหวายกล่าวด้วยความโกรธ: “นังแพศยา! ยังกล้าตอบโต้?”
อวี่เหวินหวายเห็นองค์หญิงอานไท่กำลังจะร้องตะโกน ก็ยิ่งโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เอาผ้าบางที่ถอดลงมาเมื่อครู่นี้ยัดเข้าไปในปากขององค์หญิงอานไท่
องค์หญิงอานไท่ร้องตะโกนออกมาไม่ได้ อานูที่อยู่ข้างกายก็ถูกนางส่งไปฆ่าหงฝูในเช้าวันนี้แล้ว ตอนนี้กลับยังไม่กลับมาอีก
ใบหน้าครึ่งหนึ่งขององค์หญิงอานไท่รู้สึกเจ็บปวด อวี่เหวินหวายหยิบคันชั่งที่อยู่ด้านข้างขึ้นมา ฟาดลงไปบนร่างกายขององค์หญิงอานไท่อย่างแรง
“อุ๊บ——!!”
เดิมทีอวี่เหวินหวายลงมือก็ไม่รู้จักควบคุมน้ำหนักมืออยู่แล้ว บวกกับดื่มเหล้าเข้าไปอีก ก็ยิ่งลงมือโหดมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เสื้อผ้าขององค์หญิงอานไท่ถูกฉีกขาด เผยผิวที่ขาวผุดผ่องออกมา
อวี่เหวินหวายยกคันชั่งขึ้นแล้วฟาดลงไปบนแขนขององค์หญิงอานไท่อีกครั้ง บนผิวที่ขาวสะอาดหมดจดปรากฏเป็นรอยบวมแดงในชั่วพริบตา
อวี่เหวินหวาย “ถุย” ออกมาอย่างดุดัน กดทั้งตัวขององค์หญิงอานไท่ลงบนเตียง ฉีกเสื้อผ้าที่เหลือออก หยิกไปบนตัวขององค์หญิงอานไท่อย่างแรงจนเป็นรอยเขียวช้ำหลายจุด
องค์หญิงอานไท่รู้สึกช่วงล่างเย็นวาบขึ้นมา อวี่เหวินหวายถอดกางเกงชั้นในของนางออกแล้วจริงๆ ไม่มีความอ่อนโยนเลยแม้แต่น้อย
องค์หญิงอานไท่รู้สึกสูญสิ้นความคาดหวังชินชาไปกว่าครึ่งแล้ว รู้สึกว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเป็นเหมือนสัตว์ป่าดุร้าย
“อุ๊บ——!!”
ค่ำคืนนี้ผ่านไป ในตอนที่องค์หญิงอานไท่ตื่นขึ้นมา อวี่เหวินหวายก็หายไปนานแล้ว
แม้แต่ผ้าเช็ดหลังเสร็จกิจที่อยู่บนเตียงก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย นางไม่ใช่สาวพรหมจรรย์นานแล้ว ผ้าเช็ดหลังเสร็จกิจนี้ก็ย่อมไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว
บนใบหน้าขององค์หญิงอานไท่มีสีหน้าของความโหดเหี้ยมอำมหิตแวบผ่านไป นางยังไม่เคยได้รับความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน ความเจ็บปวดที่อยู่บนร่างกายยังไม่ทันหาย สาวใช้หงฝูก็เดินเข้ามาจากด้านนอกประตูแล้ว
หลังจากที่องค์หญิงอานไท่เป็นหน้าตาของคนที่มาชัดเจนแล้ว ก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นด้วยความตกตะลึง: “เจ้าเองหรือ? !”
หงฝูโค้งคำนับ กล่าวว่า: “พระชายา บ่าวคือคนที่ฝ่าบาทส่งมาสอนมารยาทในจวนอ๋องให้กับพระชายา”
องค์หญิงอานไท่จำได้ว่าเมื่อวานได้สั่งการอานูให้ไปเด็ดหัวหงฝูลงมาแล้วแท้ๆ แต่ว่าตอนนี้หงฝูกลับยืนอยู่ตรงนี้อย่างปลอดภัย
องค์หญิงอานไท่รู้สึกได้ในทันทีว่าทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผน กล่าวถามด้วยความระมัดระวัง: “อานูล่ะ?”
“อานูอะไรเพคะ? บ่าวไม่เคยเห็นมาก่อน”
“อย่าทำไขสือ! ผู้ชายที่เจ้าเห็นอยู่ข้างกายของข้าครั้งก่อนคนนั้น ตอนนี้ไปอยู่ไหนแล้ว? !”
หงฝูทำราวกับไม่เคยได้ยิน กล่าวว่า: “พระชายาควรใช้สรรพนามแทนตัวเองด้วยข้าที่เป็นพระชายา นอกจากท่านอ๋องผู้ชายเพียงคนเดียวที่สามารถพูดถึงได้บ่อยๆแล้ว ไม่สามารถวางผู้ชายคนอื่นเข้าไปอยู่ในใจได้ อภัยที่บ่าวไม่รู้ว่าอานูเป็นใคร และก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน เพียงแต่ว่าไม่ว่าตอนนี้เขาจะเป็นอย่างไร วันหน้าก็ไม่สามารถปรากฏตัวอยู่ข้างกายของพระชายาอีกเป็นอันขาด”
“เจ้า! ในเมื่อข้าคือพระชายา สิ่งที่สั่งให้เจ้าไปทำเจ้าก็ต้องไปทำ! ข้าขอสั่งให้เจ้าไปพาอานูกลับมาเดี๋ยวนี้เลย!”
หงฝูกล่าวอย่างเคารพนบนอบ: “เกรงว่าพระชายาคงจะเข้าใจอะไรผิดแล้ว บ่าวเป็นคนที่ฝ่าบาทส่งมาสอนมารยาทให้กับพระชายา ไม่ยุ่งกับเรื่องทั่วไป ช่วงนี้พระชายาทำได้แค่อยู่แต่ในเรือนไม่ออกไปไหน เรียนรู้มารยาทของจวนอ๋อง ระเบียบของต้าเยียน ทางที่ดีที่สุดคืออย่าใช้ความคิดไปกับเรื่องอื่นถึงจะเหมาะสม”
องค์หญิงอานไท่ได้ยินคำพูดนี้ รู้สึกโกรธจนถึงขีดสุดนานแล้ว บวกกับความเฉยเมยและความหยาบคายที่อวี่เหวินหวายมีต่อนางเมื่อคืนนี้ ความโกรธในใจแทบจะไหลออกมาจากดวงตาและรูจมูก
“จะกบฏหรือเจ้า!”
องค์หญิงอานไท่ยื่นมือออกไปข้างหนึ่ง แต่มือข้างนี้ยังไม่ทันได้ตบไปบนใบหน้าของหงฝู ก็ถูกหงฝูคว้าเอาไว้แล้ว องค์หญิงอานไท่ไม่มีกำลังตอบโต้ได้เลย แม้จะดิ้นรนก็ไม่สามารถดิ้นหลุดได้
จู่ๆหงฝูก็ปล่อยมือ ทำให้องค์หญิงอานไท่ถอยหลังไปหลายก้าว ถึงได้กล่าวว่า: “พระชายาต้องมีกิริยาท่าทางสง่างามเหมาะสมตลอดเวลา อยู่ต่อหน้าคนนอกห้ามแสดงความโกรธตามอำเภอใจ ยิ่งไม่สามารถให้คนเห็นว่าทุบตีบ่าวหรือว่าตะโกนโหวกเหวกราวกับหญิงปากร้าย”
“เจ้าถือเป็นตัวอะไร ถึงได้กล้ามาสั่งสอนข้า!”
หงฝูกล่าวว่า: “พระชายาอยู่ซีจิ้งจนเคยชิน เกรงว่าคงจะไม่รู้กฎของต้าเยียนเรา ต้าเยียนมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ไม่ใช่สิ่งที่พระชายาสามารถเรียนรู้ได้ในชั่วข้ามคืนอย่างแน่นอน”