ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 157 สินเดิมของกู้ชิวเซียง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 157 สินเดิมของกู้ชิวเซียง
วันนี้ ผู้คนในเมืองหลวงต่างสนทนาในเรื่องเดียวกัน เซ่อเจิ้งหวางอวี้ฉือจ้านได้ทำการหมั้นหมายกับคุณหนูคนรองของตระกูลกู้ กู้ชิวเหลิ่ง นี่ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่โตสำหรับต้าเยียน
ต้องรู้ก่อนว่าบัดนี้เซ่อเจิ้งหวางอย่างอวี้ฉือจ้านนั้น แม้นเขาอายุ 30 แล้ว แต่มิเคยมีสตรีคนใดเคยเข้าใกล้เขามาก่อน มิต้องกล่าวถึงนางสนม มิว่าจะเป็นสตรีคนใด อวี้ฉือจ้านก็มิเคยเข้าใกล้ทั้งนั้น ผู้ใดจะไปรู้หลังจากการแต่งงานของสองแคว้นใหญ่ อวี้ฉือจ้านกลับเสนอการหมั้นกับคุณหนูรองที่มีชื่อเสียงของตระกูลกู้?
กู้หนานเฉิงยืนอยู่ในห้องโถง เห็นของหมั้นวางกองเต็มพื้นก็รู้สึกหนักใจเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าตนกำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันสิ้นหวัง ใครจะไปรู้เล่าว่าจะได้พึ่งพาเซ่อเจิ้งหวางในระยะเวลาชั่วข้ามคืน
ใบหน้าของกู้ชิวถางดูบูดบึ้ง ก่อนหน้านี้เขารู้สึกได้ว่าอวี้ฉือจ้านปฏิบัติต่อน้องสาวของตนแปลกไป บัดนี้เมื่อลองคิดทบทวนดู จึงพบว่ามีความเสน่หาที่ซ่อนอยู่จริง
เมื่อดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในบัดนี้ กู้หนานเฉิงคงต้องเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้อย่างแน่นอน ที่จริงต่อให้กู้หนานเฉิงมิเห็นด้วย อีกฝ่ายเป็นถึงเซ่อเจิ้งหวาง กู้หนานเฉิงก็มิมีทางปฏิเสธออกไปได้
เป็นไปดั่งที่คิด กู้หนานเฉิงเอ่ยถามออกมาอย่างเคร่งขรึมว่า “น้องสาวของเจ้าอยู่ที่ใด?”
กู้ชิวถางกล่าวด้วยความเคารพ “ท่านพ่อ เหลิ่งเอ๋อร์น่าจะกำลังอยู่ในสวน และยังมิรู้เรื่องนี้”
กู้หนานเฉิงพยักหน้าพร้อมกล่าวว่า “ไป ไปเรียกน้องสาวของเจ้ามา”
กู้ชิวถางกล่าวว่า “ลูกจะไปเดี๋ยวนี้”
เอี้ยนซานเหนียงที่นั่งอยู่ด้านข้างกล่าวออกมาว่า “เซ่อเจิ้งหวางผู้นี้ช่างเป็นคนใจกว้าง ซานเหนียงเคยได้ยินมาว่าเซ่อเจิ้งหวางมิเคยเข้าใกล้สตรีคนไหนมาก่อน ครั้งนี้กลับตกหลุมรักเหลิ่งเอ๋อร์ มันช่างเป็นเรื่องน่ายินดีเหลือเกิน เหลิ่งเอ๋อร์เองก็จะได้มีที่พึ่งพิงที่ดีอย่างแน่นอน”
กู้หนานเฉิงมิได้สนใจว่ากู้ชิวเหลิ่งจะมีที่พึ่งพิงหรือไม่ สิ่งที่เขาสนใจคือความหมายเบื้องหลังของอวี้ฉือจ้าน
ที่อวี้ฉือจ้านส่งกล่องของหมั้นมามากมายเช่นนี้ มีความหมายครอบครองเขาหรือไม่?
หรือจะเป็นการร่วมมือกับเขา เพื่อต่อกรกับตระกูลฉิน?
กู้หนานเฉิงครุ่นคิดความหมายของหมั้นจากอวี้ฉือจ้านที่ส่งสินสอดทองหมั้นมา แต่กลับไท่ได้คิดถึงว่าการกระทำของอวี้ฉือจ้านนั้นมาจากความรักอันบริสุทธิ์ที่เขามีต่อกู้ชิวเหลิ่ง
ในตอนที่กู้ชิวเหลิ่งมาถึง กู้หนานเฉิงเพิ่งจะได้สติกลับคืนมา เขาจ้องมองไปยังบุตรสาวคนนี้ของตน มิเจอกันเพียงมิกี่วัน ความสูงของกู้ชิวเหลิ่งเพิ่มขึ้นมาก ใบหน้าก็ดูโตขึ้น เมื่อมองดูดีๆ นางงดงามกว่ากู้ชิวเซียงเสียอีก
หากจะกล่าวว่าอวี้ฉือจ้านหลงใหลในรูปลักษณ์บุตรสาวคนนี้ของตน ด้วยเหตุผลนี้มันก็พอเป็นไปได้
กู้หนานเฉิงชี้ไปยังกล่องแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นว่า “นี่เป็นของหมั้นที่เซ่อเจิ้งหวางส่งมา ตามที่พ่อได้พูดคุยกับเซ่อเจิ้งหวาง งานแต่งงานจะจัดขึ้นในครึ่งเดือนหลังจากนี้”
ที่จริงนี่มิใช่การสนทนาระหว่างกู้หนานเฉิงกับอวี้ฉือจ้าน แต่จากสิ่งที่อวี้ฉือจ้านส่งมา เมื่ออีกฝ่ายบอกว่างานแต่งจะถูกจัดขึ้นในครึ่งเดือนข้างหน้า กู้หนานเฉิงก็มิสามารถคัดค้านได้แต่อย่างใด
กู้ชิวเหลิ่งเพิ่งจะถูกอวี้ฉือจ้านส่งไปยังสวนเฉินเซียง ผ่านไปได้มิถึงครึ่งชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ อวี้ฉือจ้านก็ได้นำของหมั้นมาส่งเป็นอันเรียบร้อยแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “ท่านพ่อน่าจะลืมไปแล้ว ก่อนหน้านี้จักรพรรดิกรุณาให้ลูกเลือกคู่แต่งงานได้ด้วยตนเอง”
“เจ้า……”
หากกู้ชิวเหลิ่งมิกล่าวออกมา กู้หนานเฉิงก็เกือบจะลืมไปแล้ว แม้ว่าสามารถเลือกคู่แต่งงานด้วยตนเองได้ แต่อวี้ฉือจ้านเป็นใครกัน? เขาเป็นถึงเซ่อเจิ้งหวางแห่งต้าเยียน เขาคือชายที่เป็นรองเพียงจักรพรรดิซึ่งมีอำนาจสูงสุด เขาเองก็คิดมิถึงว่ากู้ชิวเหลิ่งจะเอ่ยออกมาเช่นนี้
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวออกมาอีกว่า “แต่ลูกเองก็มีใจให้เซ่อเจิ้งหวางอยู่บ้าง เซ่อเจิ้งหวางมอบของหมั้นมามากมายเช่นนี้ แต่มิรู้ว่าเรื่องของสินเดิม……”
กู้ชิวเหลิ่งคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะนำชุดสินเดิมของกู้ชิวเซียงมาเป็นของตนเอง ก่อนหน้านี้มิรู้ว่าฮูหยินใหญ่ได้เพิ่มสินเดิมให้กับกู้หนานเฉิงมากเพียงไร
กู้หนานเฉิงมิเคยคิดเกี่ยวกับเรื่องสินเดิมของนางเลยแม้แต่น้อย หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือได้ลืมบุตรสาวคนนี้ไปแล้ว บัดนี้อวี้ฉือจ้านกลับนำของหมั้นมามอบให้อย่างกะทันหัน และจะทำการแต่งงานในอีกครึ่งเดือนข้างหน้า เรื่องสินเดิมของกู้ชิวเหลิ่งนั้นถือเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันใด และกู้ชิวเซียงก็ตายจากไปแล้ว หากจะใช้สินเดิมของกู้ชิวเซียงก็มิได้ดูเสียหายอะไร
กู้หนานเฉิงทำท่าทางให้กู้ชิวเหลิ่งหยุดพูด จากนั้นกล่าวว่า “เจ้ามิต้องกังวลเรื่องของสินเดิม ข้าในฐานะพ่อจะเป็นคนจัดเตรียมให้ เจ้าไปก่อนเถอะ”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ในใจของกู้หนานเฉิงกำลังคิดอะไร มีหรือที่นางจะมิรู้?
หากฮูหยินใหญ่ที่ตายไปรับรู้ว่าสินเดิมที่นางเตรียมไว้ให้กับบุตรสาวของตนตกมาถึงนาง ฮูหยินใหญ่คงจะต้องกระโดดขึ้นมาจากโลงอย่างแน่นอน
กู้ชิวเหลิ่งเดินออกมาด้านนอก นางยังคงได้ยินเสียงพูดคุยระหว่างกู้หนานเฉิงกับกู้ชิวถางว่า “หากหาศพของเซียงเอ๋อร์มิพบ เช่นนั้นก็ฝังศพของแม่เจ้าไปก่อน หลังจากนั้น……”
รอยยิ้มจากความภูมิใจปรากฏออกมาที่มุมปากของกู้ชิวเหลิ่ง กู้หนานเฉิงผู้นี้เหมาะกับคำว่าจิ้งจอกเฒ่าเสียจริง
จูเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเอ่ยด้วยความมิพอใจว่า “คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูชอบเซ่อเจิ้งหวางอย่างนั้นหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวออกมาว่า “ทำไมรึ? เจ้าคิดว่าข้ามิชอบเขาอย่างนั้นหรือ?”
“ตอนแรกข้าคิดว่าคุณหนูมิมีทางตกลง การที่คุณหนูตอบตกลงไปเช่นนี้ ทางด้านของท่านอ๋องรองก็คงน่าสงสารไม่น้อย……”
เสียงของจูเอ๋อร์เบาลงเรื่อยๆ ท้ายสุดนางก็นำมือขึ้นมาปิดปาก
กู้ชิวเหลิ่งหันมามองจูเอ๋อร์พร้อมกล่าวว่า “เจ้าทำถูกแล้ว หลังจากนี้ต่อหน้าข้า เจ้าห้ามเอ่ยสิ่งใดเกี่ยวกับท่านอ๋องรองอีกเป็นอันขาด”
“ข้าเข้าใจแล้ว ครั้งหน้าข้าจะมิพูดถึงมันอีกเจ้าค่ะ”
ในใจของจูเอ๋อร์อดมิได้ที่จะถอนหายใจ หลังจากที่คุณหนูของตนฟื้นขึ้นมาจากสระบัว ราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนขี้ขลาด บัดนี้กลายเป็นคนเข้มแข็ง มิมีร่องรอยเดิมหลงเหลืออยู่เลย
กู้ชิวเหลิ่งกลับมายังสวนเฉินเซียง นางมิได้กลัวอวี่เหวินเจี๋ยจะรับรู้ถึงเรื่องนี้ อวี่เหวินเจี๋ยรู้เรื่องการแต่งงานของนางกับอวี้ฉือจ้าน เมื่อเขารับรู้เขาจะได้ปล่อยวาง และจะได้มิมาสร้างความรำคาญให้กับนางอีกต่อไป
แต่เซียวอวิ๋นเซิง หากเขาได้ยินเรื่องราวดังกล่าวจะต้องเป็นปัญหาอย่างแน่นอน ต่อให้นางเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสวนเฉินเซียงแห่งนี้ เขาก็ต้องมาที่นี่ให้ได้
ในตอนที่กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วคิดหาวิธีรับมือกับการมาของเซียวอวิ๋นเซิงอยู่นั้น ก็มีเสียงดังขึ้นที่ด้านหน้าประตู
เซียวอวิ๋นเซิงผลักประตูและเดินเข้ามา ท่าทางดูหมดอาลัยตายอยาก เสื้อคลุมเดิมที่เป็นสีเขียวกลายเป็นสีเทา ผมของเขาดูยุ่งเหยิง ดวงตาคู่นั้นของเขาจ้องมองมาที่กู้ชิวเหลิ่ง
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วแล้วกล่าวออกไปว่า “บุกเข้ามาในตำหนักส่วนตัวของหญิงสาวเช่นนี้ เกรงว่านี่มิใช่วิถีของสุภาพบุรุษกระมัง?”
“ได้ยินมาว่าเจ้ากำลังจะแต่งงาน ข้าจึงรีบเดินทางมาจากหอบรรพบุรุษอย่างมิคิดชีวิต ทั้งนี้ก็เพื่อจะมาเอ่ยถามเจ้าว่านี่เป็นความจริงหรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งวางถ้วยชาในมือพร้อมกล่าวว่า “มันเป็นเรื่องจริง แต่เซียวโหวเย๋น้อย การที่ข้าแต่งงานนั้นเหตุใดเจ้าจะต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?”
เซียวอวิ๋นเซิงพูดมิออก เนื่องจากเมื่อครู่เร่งรีบเดินทางมาที่นี่ เขาจึงมิได้หาเหตุผลดีๆ ไว้เป็นข้ออ้าง
เมื่อมองเห็นแววตาอันไร้ความรู้สึกของกู้ชิวเหลิ่ง เซียวอวิ๋นเซิงจึงผงะไปชั่วครู่ จากนั้นเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าอันแดงก่ำว่า “หากเจ้าแต่งงานกับอวี้ฉือจ้านไปแล้ว เช่นนั้นฉู่สวินจะทำอย่างไร? เจ้ากับเขาเป็นคู่หมั้นกันมิใช่หรือ?”
เมื่อเอ่ยถึงฉู่สวิน หัวใจของกู้ชิวเหลิ่งก็จมดิ่งลงทันที นางมิเคยเจอหน้าคนที่ชื่อฉู่สวินอะไรนั่นมาก่อน หากถูกเซียวอวิ๋นเซิงนำเรื่องในอดีตขึ้นมากล่าวถึง แบบนั้นคงลำบาก
กู้ชิวเหลิ่งถอนหายใจออกมาอย่างยากลำบากพร้อมกล่าวว่า “เซียวโหวเย๋น้อยทำเพื่อฉู่สวิน หรือว่าทำเพื่อตัวเองกันแน่? สุภาพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ มิว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหน เขาก็มิมีหน้ามาบอกว่าตนเองชอบคู่หมั้นของพี่น้องตนเองหรอก ข้าพูดถูกหรือไม่? หลังจากเซียวโหวเย๋น้อยกลับไปแล้ว ลองคิดทบทวนดูให้ดีว่าจะเผชิญหน้ากับฉู่สวินอย่างไร แล้วค่อยกลับมาถกเถียงกับข้าอีกครั้ง”