ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 176 ศพของกู้ชิวเซียงถูกเผา
ฝู้จื่อโม่คิดอีกที พลางพูดอีกว่า “ไม่สิ เพราะองค์หญิงอานไท่แห่งซีจิ้งนั่นหาเรื่องกู้ชิวเหลิ่งมาก่อน ถึงคิดจะต่อกรกับนางกระมัง? ยังจะมาบอกว่าทำเพื่อเจ้าหก ถ้าทำเพื่อเจ้าหกจริงๆ เจ้าไม่จำเป็นต้องให้องค์หญิงอานไท่แต่งเข้ามาเลย ฐานะขององค์หญิงอานไท่ ต่อให้เจ้าหกเย็นชาต่อนาง ก็ไม่อาจสลัดนางทิ้งได้ และไม่อาจมีลูกชายของเมียเอกได้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าจงใจทรมานเขา!”
เห็นอวี๋ฉือจ้านมิพูดอันใด ฝู้จื่อโม่พูดต่อว่า “ข้ารู้ละ เป็นเพราะเรื่องสัญญาหมั้นหมายก่อนหน้านี้ของเจ้าหกและกู้ชิวเหลิ่งกระมัง? เมื่อก่อนได้ยินเจ้าหกไม่แยแสกู้ชิวเหลิ่งเลยสักนิด ทุกวันทั้งชกทั้งเตะต่อย ดูท่าเพื่อพระชายาคนนี้ของเจ้า เจ้าพยายามอย่างที่สุดจริงๆ”
อวี๋ฉือจ้านวางพู่กันในมือลง พลางว่า “ดูท่าเจ้ายังไม่เหนื่อย พวกนี้คืนนี้เจ้าอ่านให้หมดแล้วกัน เตรียมห้องไว้ให้เจ้าแล้วด้วย”
ฝู้จื่อโม่โดนเล่นงานแต่ตอบโต้ไม่ได้ “ข้ารู้ละ แต่โบราณมาก็คือเจอหญิงแล้วลืมเพื่อน! แม้แต่เจ้าก็ไม่เว้น!”
“เจ้าพูดถูก นอกจากเหล่านี้แล้ว บนโต๊ะข้าก็ยกให้เจ้าทำ”
ฝู้จื่อโม่เห็นอวี๋ฉือจ้านลุกขึ้นมา เขามองอวี๋ฉือจ้านอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง “เจ้ารอก่อน! เจ้าจะไปไหนน่ะ?”
อวี๋ฉือจ้านบอกเสียงเรียบ “ไปนอน”
“นี่! เจ้าไปนอนแล้วข้า…”
“เจ้าอ่านฎีกา เมื่อครู่เจ้าพูดถูก หากมิพักผ่อน ร่างกายคงล้มแน่ ถึงเวลานั้นจะไปหาเหลิ่งเอ๋อร์ได้อย่างไรกัน ดังนั้นหลายวันนี้รบกวนฝู้ซื่อจื่อผลัดเปลี่ยนเวรกับข้าแล้วกัน”
“ข้า….”
ไม่รอฝู้จื่อโม่ตอบคำ อวี๋ฉือจ้านก็หมุนตัวเดินจากไป ฝู้จื่อโม่พึมพำเสียงเบาว่า “เหลิ่งเอ๋อร์? สองคนนี้เปลี่ยนจากคู่สามีภรรยาจอมปลอมมาเป็นคู่จริงตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
ฝู้จื่อโม่ก้มหน้ามองฎีกากองเท่าภูเขาเต็มโต๊ะ พลันรู้สึกว่า ตนคบกับสหายที่ใจร้ายเลือดเย็นและยังได้หญิงแล้วลืมเพื่อนคนหนึ่งด้วย
วันนี้อากาศดี เพียงแต่ร้อนไปหน่อย
องค์หญิงอานไท่โยนกาน้ำชาในมือลงพื้น น้ำร้อนกระฉอกออกไป สาดใส่ชายกระโปรงนางกำนัล
นางกำนัลรีบคุกเข่าลงพื้นบอก “พระชายา ท่านจะหยุดมิได้นะ ท่านอาหงฝูสั่งว่าวันนี้ท่านต้องเรียนรู้ว่าจะชิมชาอย่างไร”
“หงฝู หงฝูอีกแล้ว! ก็แค่นางรับใช้ต่ำต้อยคนหนึ่ง กล้ามาสั่งให้ข้าทำอะไรรึ!” ท่านอาหงฝูโยนถ้วยชากาน้ำชาลงพื้นโครม ตะโกนอย่างโมโหว่า “ไสหัวไป! ไสหัวไปให้หมด!”
นางกำนัลจะลุกขึ้น ก็ได้ยินองค์หญิงอานไท่บอกอีกว่า “ช้าก่อน!”
นางกำนัลคุกเข่าลงไปอีกครั้ง พูดอย่างนอบน้อมว่า “พระชายาต้องการสิ่งใดรึเพคะ”
“ข้าถามเจ้า หลายวันนี้ท่านอ๋องอยู่ที่ใด?”
“ท่านอ๋อง…ท่านอ๋อง…”
“พูด!”
“เรียนพระชายา หลายวันนี้ท่านอ๋องมิไปหอเฟิงเยว่ด้านนอก ก็อยู่กับเหล่านางบำเรอและพระชายารอง”
องค์หญิงอานไท่ตบโต๊ะผ่าง “เจ้าพูดอีกครั้งสิ!”
“ข้าน้อย…ข้าน้อยมิกล้าโกหก!”
“ไสหัวไป!”
“เจ้าค่ะ….”
องค์หญิงอานไท่นั่งอยู่บนเก้าอี้ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างแรงด้วยความโกรธ หลายวันนี้อวี๋เหวินหวายมิเคยมาหานางเลยแม้สักครั้ง และก็หาตัวอานูมิเจอด้วย
ตอนนี้นางเหมือนอยู่ตัวคนเดียวโดดเดี่ยว ทางด้านซีจิ้งมิรู้เพราะเหตุใดขาดการติดต่อกับนางไป นกพิราบสื่อสารที่นางส่งออกไปก็ไม่มีข่าวคราวกลับมาเลย
เมื่อก่อนตอนอยู่ซีจิ้ง นางเคยต้องยอมทนอะไรเยี่ยงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ในเมื่ออวี๋เหวินหวายแต่งกับนาง ก็ต้องมีนางผู้เป็นพระชายาเอกคนนี้คนเดียว!
องค์หญิงอานไท่ยิ่งคิดยิ่งร้อนรุ่ม พลันนึกได้ว่า ศพของกู้ชิวเซียงยังอยู่ที่นาง
องค์หญิงอานไท่ลากศพกู้ชิวเซียงออกมาจากใต้เตียง ศพเน่าเฟะหมดแล้ว และยังมีกลิ่นเหม็นไปทั้งตัว องค์หญิงอานไท่ดึงเชื้อไฟออกมาจากในอกเสื้อ และจุดเผาศพกู้ชิวเซียงในเวลานี้เอง อวี๋เหวินหวายผลักประตูเข้ามา
“ท่านอ๋อง!”
องค์หญิงอานไท่อุทานอย่างตกใจ ใครจะคิดว่า อวี๋เหวินหวายจะเข้ามาตอนนี้
พออวี๋เหวินหวายก้มหน้าก็เห็นใบหน้าเน่าเฟะของกู้ชิวเซียง เสื้อผ้าบนร่างบ่งบอกว่านางคือกู้ชิวเซียง
อวี๋เหวินหวายมององค์หญิงอานไท่อย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง พลางว่า “เจ้าขโมยศพเซียงเอ๋อร์ออกมา! และเอามาซ่อนไว้ใต้เตียงตนเอง! เหตุใดเจ้าทำอะไรน่ารังเกียจเยี่ยงนี้!”
“ข้าน่ารังเกียจ? เจ้าดูศพของกู้ชิวเซียงสิ เจ้ามองดูนาง! นางงามเท่าข้ารึ? อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ถึงนางจะตายแล้ว แต่ในใจเจ้ายังมีนาง! แล้วเจ้าแต่งงานกับข้าทำไม!”
อวี๋เหวินหวายตบหน้าองค์หญิงอานไท่ฉาดใหญ่ ตะคอกอย่างโกรธจัดว่า “นังแพศยา! เจ้าเป็นตัวอะไรกัน กล้ามาสั่งสอนข้า! หากมิใช่เห็นแก่ฐานะองค์หญิงซีจิ้งของเจ้า ข้าโยนเจ้าทิ้งเฉกเช่นที่ทำกับรองเท้าเก่านานแล้ว! มิเช่นนั้นใครจะกล้าเก็บสตรีมิรักนวลสงวนตัวเช่นเจ้าไว้กัน!”
“เจ้า!”
องค์หญิงอานไท่พรวดเข้ามาจะตบอวี๋เหวินหวาย แต่เรี่ยวแรงอวี๋เหวินหวายมากนัก เขาถีบองค์หญิงอานไท่กระเด็นไปสามฟุต ตะคอกดังว่า “นังแพศยา!”
ศพของกู้ชิวเซียงถูกเผาจนไม่เหลือรูปร่างคน อวี๋เหวินหวายรักชอบกู้ชิวเซียงจริง แต่เมื่อเห็นกู้ชิวเซียงในสภาพเช่นนี้ ความคิดแรกในสมองของเขาคือ จะกลบข่าวเรื่องนี้อย่างไร
เพราะหลายวันนี้ตระกูลฉินและตระกูลกู้ต่างถกเถียงเรื่องกู้ชิวเซียงแทบจะตายไปข้างหนึ่ง ถ้าเวลานี้ดึงองค์หญิงอานไท่เข้ามาเกี่ยว เท่ากับยกจวนอ๋องหกออกไปทั้งหมด หากเป็นเช่นนั้นจริง เขามีหมื่นปากก็แก้ตัวไม่ถูก
หงฝูเดินเข้ามา มองดูภาพเหล่านี้อย่างเรียบเฉย และพูดกับอวี๋เหวินหวายว่า “ท่านอ๋องหก มิสู้…”
อวี๋เหวินหวายได้ยินหงฝูพูดเช่นนี้ ก็ได้แต่พยักหน้าพลางว่า “เจ้าไปจัดการตอนนี้เลย อย่าให้ใครรู้เด็ดขาดว่าศพออกไปจากจวนอ๋องหกของเรา”
“ข้าน้อยรับบัญชา”
หงฝูเอาน้ำมาดับไฟบนซากศพ และหาถุงผ้ามาห่อไว้ แบกขึ้นไหล่ ออกไปจากห้ององค์หญิงอานไท่
อวี๋เหวินหวายหันมององค์หญิงอานไท่อีกครั้ง พูดอย่างดุดันว่า “ต่อไปเจ้าอย่าได้หวังจะออกไปจากที่นี่เลย ข้าจะให้คนคอยจับตาดูเจ้า นกพิราบสื่อสารที่เจ้าส่งข่าวไปซีจิ้งโดนข้าสกัดไว้หมดแล้ว อย่าคิดว่าตนเป็นองค์หญิงซีจิ้งอะไรอยู่เลย ในสายตาข้า เจ้าก็แค่เชลยเท่านั้นเอง เหอะ!”
อวี๋เหวินหวายสะบัดมือออกไป องค์หญิงอานไท่นอนฟุบอยู่บนพื้น แค้นกัดฟันกรอด
มิน่าทางซีจิ้งไม่ตอบกลับอะไรเลย ที่แท้อวี๋เหวินหวายวางแผนไว้ก่อนแล้ว สกัดข่าวที่ส่งออกไป
นางกำนัลรับใช้ที่โดนองค์หญิงอานไท่ไล่ออกไปอยู่นอกประตูเดินเข้ามาอีกครั้ง มองเห็นองค์หญิงอานไท่นอนอยู่บนพื้น พลางมีรอยยิ้มหยันออกมา
“ใครสั่งให้พวกเจ้าเข้ามากัน! ไสหัวไปให้หมด!”
นางกำนัลของจวนอ๋องล้วนเป็นพวกเปลี่ยนไปตามทิศทางกระแสลม คำพูดที่อวี๋เหวินหวายพูดในห้องเมื่อครู่ พวกนางได้ยินหมดแล้ว องค์หญิงอานไท่ก็แค่พระชายาคนหนึ่งที่อวี๋เหวินหวายรังเกียจเท่านั้น และดูแล้ว ต่อไปอวี๋เหวินหวายไม่มีทางมาหาองค์หญิงอานไท่แน่
เจ้านายที่อ่อนแอจนใครก็รังแกได้ ในจวนอ๋องหกนี้ยังมิสู้นางรับใช้เลย