ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 18 เหยื่อติดกับดักแล้ว
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 18 เหยื่อติดกับดักแล้ว
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งมีรอบยิ้มที่เยาะเย้ยปรากฏขึ้น กู้ชิวเซียงมองดูผู้หญิงที่อยู่ในภาพวาด เหม่อลอยไปครู่หนึ่ง นางไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยเช่นนี้มาก่อนเลย นางชมว่าตัวเองที่สวยในใต้หล้า แต่ผู้หญิงในภาพวาดนี้กลับเหมือนนางฟ้าจริงแท้ๆ ทุกการเคลื่อนไหว รอยยิ้ม ล้วนงดงามยิ่งนัก
ในขณะที่กู้ชิวเซียงกำลังเหม่อลอย กู้ชิวเหลิ่งก็นั่งยองๆ รีบเก็บภาพวาดม้วนเข้าแขนเสื้อ ดูตื่นเต้นยิ่งนัก และพูดว่า: “ในลานของลูกยังมีงานต้องยุ่ง ขอตัว……”
กู้ชิวเซียงตะโกนเรียกหยุดโดยไม่ทันได้คิด:”หยุดเดี๋ยวนี้! ”
กู้ชิวเหลิ่งหยุดลงจริงๆ บนใบหน้าที่หันหลังให้กู้ชิวเซียงนั้นก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้น
เหยื่อติดกับดักแล้ว
กู้ชิวเซียงเอามือเก็บผมข้างหู ลดเสียงลงเล็กน้อยและพูดอย่างอ่อนโยนว่า: “ภาพวาดม้วนเมื่อครู่นั้น น้องรองได้มาจากที่ใด?”
ฮูหยินใหญ่ครุ่นคิดไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า:”เหลิ่งเอ๋อร์จะหัดเต้นรำรึ?ให้พี่ใหญ่เจ้าสอนเจ้าดีกว่า ระบำนี้ยากเกินไปแล้ว ไม่เหมาะกับเจ้านัก”
กู้ชิวเหลิ่งกัดริมฝีปากล่าง และพูดว่า:”ข้า……นี่คือสิ่งที่ข้าค้นออกมาจากตู้เสื้อผ้าของอี๋เหนียงสามในเมื่อวานนี้ ข้าเห็นว่ามันสวยดี จึง……”
เมื่อพูดถึงอี๋เหนียงสาม ฮูหยินใหญ่ก็ตกใจอย่างเห็นได้ชัด เมื่อก่อนไม่เคยได้ยินเลยว่าอี๋เหนียงสามเก่งเรื่องด้านการเต้น แต่เมื่อนึกถึงใบหน้าที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจคนเก่งของอี๋เหนียงสาม ก็รู้สึกว่านี่ต้องเป็นวิธีที่อี๋เหนียงสามเย้ายวนใจกู้หนานเฉิงในอดีตแน่
ตั้งแต่อี๋เหนียงสามเสียไป นางก็เกือบเก็บสิ่งของที่อี๋เหนียงสามทิ้งไว้มาเป็นของตัวเองหมดแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะยังเหลืออยู่ชิ้นหนึ่ง และถูกกู้ชิวเหลิ่งค้นพบเข้า
เห็นได้ชัดว่ากู้ชิวเซียงจะต้องเอาภาพวาดนี้มาเป็นของตัวเองให้ได้อย่างแน่นอน แทนที่จะบอกว่าภาพวาดนี้ แต่บอกว่าท่าเต้นบนภาพวาดนี้มากกว่า เพียงได้มองแวบเดียว นางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ระบำนี้เอาชนะใจอวี่เหวินเจี๋ยในงานเลี้ยงแห่งแคว้น
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้ชิวเซียงก็เดินขึ้นไปจับมือของกู้ชิวเหลิ่ง และพูดว่า: “น้องอยากฝึกการเต้นรำ พี่ใหญ่สามารถสอนเจ้าได้ แต่ภาพวาดม้วนนี้เป็นสิ่งของที่อี๋เหนียงสามทิ้งไว้ ตามกฎในบ้านแล้ว สามารถนำไปเก็บไว้ที่ห้องเก็บของได้เท่านั้น ไม่สามารถเก็บไว้เองได้ ข้ายังมีหนังสือทักษะการเต้นง่ายๆสองสามเล่น เจ้าเอามันไปดูก่อน ภาพวาดม้วนนี้เก็บไว้ตรงนี้เถอะ เดี๋ยวท่านแม่จะจัดการมันอย่างถูกต้องเอง”
กู้ชิวเหลิ่งหัวหดด้วยความกลัว พูดว่า:”ห๊ะ! ภาพวาดนี้เก็บไว้ไม่ได้รึ? ”
กู้ชิวเซียงพยักหน้ายืนยันและพูดว่า:”ภาพวาดนี้เก็บไว้ไม่ได้ ครั้งที่แล้วมีสาวรับใช้ในจวนคนหนึ่ง แอบซ่อนสิ่งของที่ยายรับใช้คนหนึ่งทิ้งไว้ จากนั้นก็ถูกตีตายไปแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งรีบยื่นภาพวาดม้วนให้กับกู้ชิวเซียง ท่าทางเหมือนจะร้องไห้แล้ว: “ข้าไม่รู้……ท่านแม่อย่าลงโทษข้าเลย! ”
ฮูหยินใหญ่รู้ว่ากู้ชิวเซียงจงใจทำให้กู้ชิวเหลิ่งกลัว เพื่อเอาภาพวาดม้วนนี้ ดังนั้นนางจึงพูดอย่างจริงจังว่า:”คราวนี้เห็นว่าเจ้าไม่รู้จึงไม่มีความผิด ครั้งต่อไปห้ามซ่อนสิ่งของที่อี๋เหนียงสามทิ้งไว้อีกแล้ว รู้หรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งรีบพยักหน้า คำนับแล้วรีบจากไปเลย
เพิ่งเดินออกจากประตูลานบ้าน กู้ชิวเหลิ่งก็เปิดเผยรอยยิ้มอันเจ้าเล่ห์ นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่ากู้ชิวเซียงและฮูหยินใหญ่กำลังจงใจหลอกลวงนาง? เพียงแต่ว่าคำโกหกนี้พูดเยอะไป ก็เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย หากต่อไปต้องมาปิดบังคำโกหกเหล่านี้ ก็ต้องเสียแรงไปไม่น้อย
จูเอ๋อร์ถามอย่างลังเลว่า:”เหตุใดคุณหนูถึงพกภาพวาดม้วนนั้นไว้?ภาพวาดนั้น……”
กู้ชิวเหลิ่งทำท่าเงียบปาก เสียงไม่ได้อ่อนแอและขี้ขลาดเหมือนเมื่อครู่แล้ว กล่าวอย่างเย็นชา: “เรื่องนี้ ห้ามพูดกับใคร หากเจ้าพูดออกไป อย่าโทษว่าข้าไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ระหว่างนายและบ่าวของเราละ”
จูเอ๋อร์ตกตะลึงเล็กน้อย และเมื่อนางกลับคืนสติมา กู้ชิวเหลิ่งก็ได้เดินไปไกลแล้ว
อึดอัดใจในลานนี้มานานแล้ว งานเลี้ยงแห่งแคว้นเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น
จวินฉีเซิ่ง หากเจ้ารู้ว่ามู่หรงชิวยังไม่ตาย สีหน้าของเจ้าจะเป็นอย่างไรกันแน่?
มู่หรงอี๋ ถ้าเจ้าเห็นสามีของตัวเองที่แย่งมาจากคนอื่นนั้น แสดงสีหน้าหลงใหลอยู่กับผู้หญิงอีกคนหนึ่ง หัวใจของเจ้าจะบิดเบี้ยวไปเพียงใด?
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองนั้นเต้นเร่งขึ้นทีละนิดๆ งานเลี้ยงแห่งแคว้น นางจะใช้ฐานะของกู้ชิวเหลิ่งเข้าใกล้จวินฉีเซิ่ง นำความเจ็บปวดทั้งหมดที่นางเคยได้รับ ทวงคืนกลับมาเป็นสองเท่า
ไม่ว่าจะเป็นบัลลังก์ อำนาจ หรือชีวิต!
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งมาถึงในห้อง ก็มีไก่ย่างหนึ่งจานวางอยู่บนโต๊ะ
จูเอ๋อร์พูดอย่างลังเลว่า:”คุณหนูไม่ได้ทานข้าวมาหนึ่งวันแล้ว ดังนั้น……”
กู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างเฉยชาว่า:”ข้าไม่กินเนื้อสัตว์ คำที่พูดออกไปแล้วข้าก็ไม่เคยเก็บคืน”
ในขณะที่จูเอ๋อร์กำลังลังเลอยู่มากนัก ก็มีเสียงฝีเท้าที่เบาดั่งมาจากนอกประตู
หูของกู้ชิวเหลิ่งดีมาก เตะประตูออกโดยไม่รู้ตัว โชคดีที่ในลานไม่มีคนอื่น ดังนั้นจึงไม่มีใครเห็นฉากนี้
ญาชิงสวมเสื้อคลุมสีดำ ปิดบังใบหน้าของตัวเองอย่างมิดชิด แต่ดาบในอ้อมแขนกลับสามารถปลอมแปลงได้
“ท่านอ๋องรองมีอะไรจะพูดกับข้า?”
ญาชิงพยักหน้า นำซาลาเปาเจที่ยังอุ่นอยู่นั้นออกจากอ้อมแขน และพูดว่า:”ท่านอ๋องบอกว่า ต่อให้เป็นการถอนหมั้น ก็ไม่สามารถให้ท่านอ๋องหกเป็นคนมาถอน เรื่องที่ท่านอ๋องสัญญาไว้กับคุณหนู จะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่รู้ว่าอวี่เหวินเจี๋ยได้ทำข้อตกลงอะไรกับเจ้าของร่างนี้กันแน่ แต่ตอนเที่ยงนี้นางอยากทดสอบดูจริงว่าอวี่เหวินเจี๋ยจะทำเพื่อกู้ชิวเหลิ่งได้ถึงแค่ไหน แต่ผลลัพธ์นี้มันเป็นสิ่งที่นางคาดไม่ถึง
กู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างเฉยชาว่า:”กลับไปบอกท่านอ๋องของเจ้า การถอนหมั้นนั้นข้าต้องเป็นคนมาถอน ไม่จำเป็นต้องให้เขามาหนักใจ”
เสียงของญาชิงแหบแห้ง เขาพูดว่า:”สิ่งที่คุณหนูพูดนั้น ข้าน้อยจะรายงานให้กับท่านอ๋องตามความเป็นจริงอย่างแน่นอน”
ร่างของญาชิงเหมือนดั่งผี สามารถเข้าออกจวนโหวได้อย่างง่ายดาย
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย นางไม่ได้อยากให้อวี่เหวินเจี๋ยเข้ามาเกี่ยวข้องมากเกินไป นางเผยบาดแผลบนมือในตอนเที่ยงนี้ ก็เพียงเพื่อต้องการทดสอบจิตใจของอวี่เหวินเจี๋ยดู และการที่นางจงใจวางอาหารที่จูเอ๋อร์กินเหลือนั้นไว้บนโต๊ะ ก็เพื่อเตือนอวี่เหวินเจี๋ยถึงสถานการณ์ตอนนี้ของนาง ส่วนอวี่เหวินเจี๋ยก็ได้ทำการตอบสนองต่อสิ่งนี้ไปแล้ว
มองดูซาลาเปาเจที่วางอยู่บนโต๊ะ สีหน้าของกู้ชิวเหลิ่งก็เย็นชาเล็กน้อย ไม่น่าแปลกใจเลยที่ครั้งที่แล้วหมอบอกว่ารากฐานของกู้ชิวเหลิ่งนั้นดีมาก ในจวนฮูหยินใหญ่ไม่อาจให้การดูแลที่ดีแก่กู้ชิวเหลิ่งอยู่แล้ว ข้าวที่เสียกับผักที่เย็นแล้วจะเลี้ยงคนอะไรออกมาได้? คงเป็นเพราะอวี่เหวินเจี๋ยได้ค่อยช่วยเหลืออยู่ทุกวัน อาหารกลางวันเป็นเนื้อ อาหารเย็นเป็นเจ ช่างเข้ากันได้ดียิ่งนัก
กู้ชิวเหลิ่งนำซาลาเปาวางไว้ในมือ และพูดกับจูเอ๋อร์ว่า:”ข้ามีของกินแล้ว เจ้ายังไม่กินอีก?”
จูเอ๋อร์ยังเข้าใจสถานการณ์เมื่อครู่ได้ไม่ถ่องแท้ รู้เพียงว่าคุณหนูของตัวเองนั้นชอบกินเจ ไม่ชอบกินเนื้อ ดังนั้นจึงค่อยๆกัดกินไก่ย่างบนจานทีละคำทีละคำ
กู้ชิวเหลิ่งมองที่จูเอ๋อร์ และทันใดนั้นก็นึกถึงอิงเกอที่อยู่เคียงข้างนางเมื่อหลายปีก่อน แม้จะเป็นสาวรับใช่เช่นกัน แต่ก็ได้เรียนรู้ทักษะการต่อสู้กับนางมาตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่เสียชีวิตจากการล้อมปราบปรามในการสู้รบครั้งหนึ่ง นางก็ไม่เคยเอาสาวรับใช้คนอื่นๆอีกเลย เพราะนางรู้สึกว่าล้วนอ่อนแอเกินไปอยู่เสมอ
แต่เมื่อกับคนที่ดีกับนางจริงๆ นางก็จะไม่ปฏิบัติอย่างเย็นชากับคนคนนั้นด้วย ถ้าคนดีกับนางสามเท่า นางก็จะตอบแทนคืนสิบเท่า แต่หากคนคนนั้นทำไม่ดีกับนางมาก นางก็จะเอาคืนสิบเท่า