ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 182 ฝันร้ายของมู่หรงอี๋
“มู่หรงชิว! ตอนที่เจ้ามีชีวิตอยู่ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้! เจ้าตายไปแล้วข้าก็ยิ่งไม่กลัวเจ้า! อย่างมากก็ให้เจ้าตายอีกครั้งหนึ่ง! ไปตายซะเถอะ!”
ใบหน้าที่ดุร้ายน่ากลัวของมู่หรงอี๋เต็มไปด้วยเหงื่อเย็น จวินฉีเซิ่งนอนอยู่ด้านข้างก็ถูกมู่หรงอี๋ทำให้ตกใจตื่น
“เจ้า……”
มู่หรงอี๋เห็นสายตาแปลกประหลาดที่เพิ่งตื่นนอนของจวินฉีเซิ่ง ถึงได้รู้สึกว่าใจเต้นแรงมาก ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น
มู่หรงอี๋ยังคงตกใจหวาดผวา เห็นจวินฉีเซิ่งที่อยู่ข้างกายยังอยู่ กลัวว่าจะทำให้จวินฉีเซิ่งคิดไปถึงมู่หรงชิว
“เพราะหม่อมฉันติดอยู่ในฝันร้าย ทำให้ฝ่าบาทสะดุ้งตื่นแล้ว”
ถึงแม้ในใจของจวินฉีเซิ่งจะไม่พอใจ แต่ใบหน้าก็ยังคงเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา ตบไปที่ไหลของมู่หรงอี๋เบาๆ กล่าวว่า: “ข้าอยู่ที่นี่แล้ว นอนเถอะ”
มู่หรงอี๋อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของจวินฉีเซิ่งไปตามสถานการณ์ กล่าวว่า: “มีฝ่าบาทอยู่ที่นี่ หม่อมฉันก็ไม่กลัวแล้ว”
จวินฉีเซิ่งพยักหน้าอย่างขอไปที ในหัวหลับคิดถึงรูปร่างหน้าตาของกู้ชิวเหลิ่งในวันนี้
ดูเหมือนจะงดงามมากกว่าตอนที่เห็นนางครั้งที่แล้วเสียอีก
ในเช้าวันนี้ มู่หรงอี๋รวบผมเอาไว้อย่างหลวมๆ นั่งอยู่บนตั่งนอน ราวกับกำลังตกอยู่ในภวังค์
อี้ชุ่ยเดินเข้าไปข้างหน้า กล่าวว่า: “เหนียงเหนียง ได้เวลาล้างหน้าหวีผมแล้ว”
มู่หรงอี๋พยักหน้า กล่าวว่า: “เช้าวันนี้เจ้าตื่นขึ้นมา ฝ่าบาทเสด็จไปตอนไหนหรือ?”
“ฟ้ายังไม่ทันได้สางฝ่าบาทก็เสด็จไปแล้ว สั่งพวกบ่าวเอาไว้ว่าห้ามทำให้เหนียงเหนียงตื่น”
มู่หรงอี๋สาดน้ำหอมที่อยู่ในกระถางธูปทิ้งไป กล่าวขึ้นมาอย่างกลัดกลุ้มเล็กน้อย: “เอาล่ะ ล้างหน้าหวีผมเถอะ”
“เพคะ”
อี้ชุ่ยสั่งนางกำนัลที่อยู่ด้านข้างเช็ดหน้าเช็ดตาให้มู่หรงอี๋ นางกำนัลแค่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเปียกสัมผัสไปยังแก้มของมู่หรงอี๋ ก็ถูกมู่หรงอี๋ตบไปหนึ่งฉาก
การกระทำนี้อย่าว่าแต่นางกำนัลเลย แม้แต่อี้ชุ่ยก็ยังสะดุ้งตกใจ
“น้ำเย็นขนาดนี้ เจ้าอยากจะให้ข้าใช้น้ำเย็นล้างหน้าหรือ!”
นางกำนัลรีบร้อนคุกเข่าลงไปบนพื้นแล้วคารวะเอาหน้าผากแตะพื้น: “บ่าวไม่ได้ตั้งใจ! กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงโปรดไว้ชีวิตด้วย!”
มู่หรงอี๋กล่าวด้วยความโกรธ: “ลากตัวนางกำนัลคนนี้ออกไป! ส่งตัวไปที่ห้องอเนกประสงค์! ข้าไม่อยากจะเห็นหน้านางกำนัลรับใช้คนนี้อีก!”
อี้ชุ่ยรีบร้อนกล่าวว่า: “ยังไม่รีบลากตัวคนออกไปอีก!”
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงโปรดไว้ชีวิตด้วย! บ่าวไม่ได้ตั้งใจทำ! ไว้ชีวิตด้วย……!”
อี้ชุ่ยกลัวว่าเสียงดังเกินไปจะรบกวนมู่หรงอี๋ รีบร้อนกล่าวว่า: “ยังไม่รีบอุดปากของนางเอาไว้อีก!”
มู่หรงอี๋นวดไปที่ศีรษะที่รู้สึกปวด เมื่อคืนนี้มู่หรงชิวมาเข้าฝัน ช่วงเวลาหลังเที่ยงคืนของนางแทบจะไม่ได้นอนเลย ในหัวเต็มไปด้วยรูปร่างหน้าตาของมู่หรงชิว ไม่สามารถลบเลือนออกไปได้
“เหนียงเหนียง บ่าวท่านปรนนิบัติล้างหน้าหวีผม”
อี้ชุ่ยกล่าวกับนางกำนัลที่อยู่ด้านข้าง: “ไปตักน้ำร้อนมา”
“เจ้าค่ะ”
อี้ชุ่ยนวดไปที่ขมับของมู่หรงชิว กล่าวว่า: “วันนี้สีหน้าของเหนียงเหนียงดูไม่ค่อยดีนัก ให้หมอหลวงมาดูหน่อยเถอะ มิเช่นนั้นถึงเวลาฝ่าบาทเห็นเข้า ก็จะรู้สึกเอ็นดูสงสารอีก”
มู่หรงอี๋พยักหน้า กล่าวว่า: “เรื่องเล็กน้อยแบบนี้เจ้าไปจัดการเถอะ ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายนัก”
“แต่ว่าเหนียงเหนียง เมื่อวานท่านบอกว่าจะพาหนิงจวิ้นจู่ที่มาจากต้าเยียนคนนั้นไปเดินเล่นในสวนด้วยตัวเอง วันนี้……”
พอพูดถึงกู้ชิวเหลิ่ง สีหน้าท่าทางของมู่หรงอี๋ยิ่งแย่เข้าไปอีก ถ้าหากไม่ใช่เพราะเมื่อวานกู้ชิวเหลิ่งใช้สายตาแบบนั้นมองดูนาง นางก็คงไม่นึกไปถึงมู่หรงชิว ยิ่งจะไม่ถูกฝันร้ายหลอกหลอน
“ในเมื่อพูดไปแล้ว ก็ไม่มีความคิดจะกลับคำพูดอย่างเด็ดขาด เจ้าให้คนไปเตรียมการเถอะ ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจะไปเดี๋ยวนี้แหละ”
อี้ชุ่ยกล่าวว่า: “บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
มู่หรงอี๋กัดฟันอย่างลับๆ ไม่ว่ากู้ชิวเหลิ่งคนนี้จะเป็นใคร มาถึงวังหลังของแคว้นฉี ก็เหมือนกับซุนหงอคงมาถึงภูเขาอู่จื่อซานของพระยูไล ไม่มีทางหนีพ้นไปได้!
กู้ชิวเหลิ่งนอนอยู่ในทิงหลานจวีหนึ่งคืน อากาศในแคว้นฉียังเหมือนในอดีตที่ผ่านมา เพียงแต่ว่าอากาศในวังหลวงก็ยังชื้นและมืดมนเช่นนี้อยู่เสมอ ถึงแม้ว่าทิงหลานจวีจะหันหน้าไปทางดวงอาทิตย์ กู้ชิวเหลิ่งก็ยังคงสามารถรู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวเลือดที่ลอยมาปะทะจมูก
มันคือเลือดของตระกูลมู่หรง คือเลือดของฮ่องเต้องค์ก่อนรวมไปถึงไท่จื่อ แล้วก็เลือดของนางและลูกในครรภ์ของนาง
กู้ชิวเหลิ่งแอบกำหมัดเอาไว้แน่น ในตอนที่กำลังคิดจะดื่มชา จู่ๆจีเฟิงก็ถีบประตูห้องออก เห็นเพียงนางกำนัลคนหนึ่งยืนลับๆล่อๆอยู่หน้าประตู ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง
“จีเฟิง พานางเข้ามา”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
นางกำนัลคนนั้นถูกจีเฟิงโยนเข้ามาในห้องอย่างรุนแรง กู้ชิวเหลิ่งกล่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม: “เมื่อครู่นี้เจ้าแอบทำอะไรลับๆล่อๆอยู่หน้าประตู?”
“บ่าว……บ่าวก็แค่อยากมาดูว่าหนิงจวิ้นจู่ยังขาดเหลืออะไรหรือไม่ บ่าวจะได้ไปจัดเตรียมให้เท่านั้น”
กู้ชิวเหลิ่งวางถ้วยชาที่อยู่ในมือลง กล่าวออกมาช้าๆ: “ถ้าหากข้ามีสิ่งใดขาดเหลือ ย่อมจะเรียกหาพวกเจ้าเอง ถ้าหากครั้งหน้าข้าพบว่าเจ้าแอบทำลับๆล่อๆอยู่หน้าประตู ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไรอีก เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงส่งตัวเจ้าไปให้ฮองเฮาจัดการแล้ว ฟังเข้าใจหรือไม่?”
ฮองเฮาเหวินคือคนที่ไม่สนใจเรื่องต่างๆ นางกำนัลไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเพราะสิ่งนี้ แต่เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมาเห็นดวงตาที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งคู่นั้นของกู้ชิวเหลิ่ง ก็ยังอดที่จะรู้สึกตัวสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้
สายตาแบบนั้น ราวกับกำลังมองดูคนตายคนหนึ่ง
“บ่าว……บ่าวเข้าใจแล้ว!”
“เจ้าลุกขึ้นมาได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ……”
นางกำนัลรีบร้อนลุกขึ้นมา แต่ว่ายังไม่ทันได้เดินออกจากประตู ก็เห็นนางกำนัลสองคนเดินตามอยู่ด้านหลังของอี้ชุ่ย นางกำนัลรีบทำการคำนับ: “บ่าวคำนับอาหญิงอี้ชุ่ย”
สายตาของกู้ชิวเหลิ่งหยุดอยู่ที่อี้ชุ่ยอย่างเป็นธรรมชาติ นางยังคงไม่ลืม ตอนนั้นคนที่หักนิ้วทั้งสิบนิ้วของนาง ก็คืออี้ชุ่ย คนสนิทที่อยู่ข้างกายของมู่หรงอี๋
อี้ชุ่ยพยักหน้า เดินเข้าไปก็เห็นสายตาที่หนาวเหน็บของกู้ชิวเหลิ่ง สีหน้าท่าทางอดที่จะชะงักงันไปครู่หนึ่งไม่ได้
แต่ทว่าวินาทีต่อมา สีหน้าท่าทางของกู้ชิวเหลิ่งก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนขึ้นมา ทำให้คนรู้สึกว่าเมื่อครู่นี้เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
อี้ชุ่ยเดินเข้ามาข้างหน้าด้วยรอยยิ้มที่เคารพนบนอบ กล่าวว่า: “บ่าวอี้ชุ่ย น้อมทักทายหนิงจวิ้นจู่”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า กล่าวว่า: “ข้าจำเจ้าได้ เจ้าคือนางกำนัลประจำตัวที่อยู่ข้างกายของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงใช่ไหม?”
“ใช่เพคะ กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงให้ข้าน้อยส่งชุดของแคว้นฉีเรามาให้สองชุด หวังว่าหนิงจวิ้นจู่จะใส่ได้พอดีตัว”
อี้ชุ่ยขยิบตาให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง นางกำนัลที่อยู่ด้านหลังก้มหน้าแล้วยกถาดที่อยู่ในมือขึ้น คุกเข่าลงต่อหน้ากู้ชิวเหลิ่งทันที
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่มองดูครู่หนึ่ง ใช้นิ้วมือสัมผัสเนื้อผ้าของเสื้อผ้าเบาๆ สัมผัสที่ละเอียดอ่อนนั้น เป็นของชั้นยอดจริงๆ
“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงมีใจแล้ว เพียงแต่ว่าข้าใส่มันไม่เป็น ไม่ทราบว่าพี่สาวท่านนี้ยินดีจะสวมมันให้ข้าไหม?”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูอี้ชุ่ย นัยน์ตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก
เดิมทีอี้ชุ่ยเป็นคนที่ดูแลปรนนิบัติประจำกายของมู่หรงอี๋ นอกจากจะดูแลปรนนิบัติจวินฉีเซิ่งเป็นครั้งคราวแล้ว แม้แต่ฮองเฮาก็ไม่เคยปรนนิบัติ แต่ว่าตอนนี้กู้ชิวเหลิ่งพูดออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเช่นนี้ นางกลับยากที่จะปฏิเสธได้
อี้ชุ่ยกล่าวขึ้นมาอย่างเคารพนบนอบ: “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้บ่าวปรนนิบัติหนิงจวิ้นจู่เปลี่ยนชุดเถอะ”
กู้ชิวเหลิ่งขยิบตาให้กับจีเฟิง จีเฟิงถอยออกไปนอกประตูทันที
กู้ชิวเหลิ่งยืนอยู่ด้านหลังฉากบังตา ปล่อยให้อี้ชุ่ยช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้า
กู้ชิวเหลิ่งอดที่จะกล่าวถามขึ้นมาไม่ได้: “สาวใช้ที่อยู่ข้างกายของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงช่างมีไหวพริบเฉียบแหลมชำนาญงานจริงๆ เจ้าปรนนิบัติอยู่ข้างกายของกุ้ยเฟยมากี่ปีแล้ว?”