ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 21 ขอหย่ากับสามีทั้งที่ยังไม่แต่งงาน
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 21 ขอหย่ากับสามีทั้งที่ยังไม่แต่งงาน
และคนสุดท้าย บนร่างกายสวมชุดคลุมยาวสีม่วงเข้ม รูปร่างเรียวยาวดีเลิศ ดวงตาของเขาไม่ได้ลึกล้ำ สามารถกล่าวได้ว่า ไม่มีใครสามารถจ้องมองดวงตาของเขาตรงๆ ดวงตานั้นราวกับฆาตกรบ้าคลั่ง แค่มองเพียงสายตาเดียว ก็จะถูกความกดดันที่มากล้นกดทับจนหายใจไม่ออก
บุคคลที่สามารถมีพลังอำนาจเช่นนี้ในแผ่นดินต้าเยียน นอกเสียจากเซ่อเจิ้งหวางอวี้ฉือจ้านแล้วก็ไม่มีผู้ใดอีก
กู้ชิวเหลิ่งสำรวจดูลักษณะท่าทางของอวี้ฉือจ้านอย่างละเอียด สำหรับข่าวลือที่เกี่ยวกับอวี้ฉือจ้าน นางได้ยินจูเอ๋อร์พูดมามากแล้ว อวี้ฉือจ้านเข้ากองทัพตั้งแต่ตอนที่เขายังเด็ก มีชัยชนะนับครั้งไม่ถ้วนไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ สามารถกล่าวได้ว่าผืนแผ่นดินของต้าเยียนเมื่อตอนนั้นต่างก็ได้มาเพราะการสู้รบของอวี้ฉือจ้าน แคว้นเล็กๆในเครือยิ่งมีความกลัวต่ออวี้ฉือจ้าน
ถึงแม้จะห่างกันไกลขนาดนี้ กู้ชิวเหลิ่งก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อบรรยากาศอันเยือกเย็นบนร่างกายของอวี้ฉือจ้านได้
อวี้ฉือจ้านดูเหมือนจะรู้สึกถึงการจ้องมองของกู้ชิวเหลิ่ง ทำเพียงเหลือบมองนาง จากนั้นคิ้วก็ขมวดขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
เขาได้เห็นผู้คนมานับไม่ถ้วน ภายในความทรงจำคุณหนูรองตระกูลกู้มักจะก้มหน้า ยืนอยู่ตรงมุมไม่พูดไม่จาอยู่เป็นประจำ นั่นยังเป็นเรื่องสมัยที่เขาไปเยือนที่จวนกู้โหวเมื่อหลายปีก่อน
แต่กู้ชิวเหลิ่งในตอนนี้ ไม่เหมือนกับข่าวลือที่ว่าอัปลักษณ์เลยสักนิด เพียงแค่ส่วนสูงดูเตี้ยกว่าหญิงสาวทั่วไปในวัยเดียวกันเล็กน้อยก็เท่านั้น ในเรื่องของรูปลักษณ์กลับไม่ได้แย่กว่าหญิงสาวที่เขาเคยพบเจอเลยสักนิด
ในเสี้ยววินาทีนั้น อวี้ฉือจ้านได้เห็นรอยยิ้มในดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งรอยยิ้มนั้นราวกับน้ำแข็งที่ถูกแช่แข็ง ปล่อยไอความเย็นน้อยๆ ให้คนรู้สึกเย็นเข้าไปถึงกระดูกสันหลัง
อวี้ฉือจ้านละสายตาออกไป หวังว่าเขาจะมองผิด
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท!”
“หม่อมฉันกู้ชิวเหลิ่งถวายบังคมฝ่าบาท”
หลี่เฉิงเย่ได้เฝ้าอยู่ข้างกายอวี้ฉือกงแล้ว อวี้ฉือกงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล:”ลุกขึ้นได้”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
กู้ชิวเหลิ่งก้มหน้า มองไปที่ปลายนิ้วเท้าของตัวเอง ราวกับเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์ในโลกนี้ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา
อวี้ฉือกงกล่าว:”ข้ายังไม่เคยเห็นรูปลักษณ์ของคุณหนูรองกู้ ไม่รู้ว่าจะเหมือนกับคำเล่าลือหรือไม่?”
กู้หนานเฉิงกระซิบเสียงต่ำอยู่ข้างกายกู้ชิวเหลิ่งว่า:”เงยหน้าขึ้นมา”
กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้าขึ้นมาอย่างเชื่อฟัง อวี้ฉือกงส่งเสียงเอ๋ขึ้นมาอย่างสงสัย ว่า:”ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาตลอดว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้มีรูปลักษณ์งดงามราวกับนางฟ้า ข้าเองก็ได้เห็นอยู่หลายครั้ง แต่เมื่อครั้งนี้ได้เห็นคุณหนูรองตระกูลกู้ ข้ากลับรู้สึกว่าอยู่เหนือกว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้เสียอีกน้องหก เจ้าคิดอย่างไร? ถึงได้มาขอถอนหมั้นกับข้าถึงที่นี่?”
ดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งเบิกกว้างขึ้นมาทันที เพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ดวงตายังคงแดงอยู่ ในวินาทีนี้ดูเหมือนจะตกใจกับเรื่องที่อวี่เหวินหวายจะถอนหมั้น
อวี่เหวินหวายส่งเสียงหึอย่างเย็นชา เหลือบมองกู้ชิวเหลิ่งที่ตกตะลึงอยู่ แล้วจึงเหลือบมองไปทางกู้หนานเฉิง อีกครั้ง เพราะเห็นแก่ศักดิ์ศรีของกู้หนานเฉิง อวี่เหวินหวายจึงกล่าวได้เพียงแค่ว่า:”กระหม่อมไม่ได้มีความรู้สึกรักต่อคุณหนูรองกู้ แม้จะแต่งงานแล้ว ก็ไม่สามารถให้ความสุขแก่คุณหนูรองกู้ได้ เพื่อที่จะไม่เป็นการเสียเวลาของคุณหนูรองกู้ เพราะฉะนั้นกระหม่อมถึงได้อยากถอนหมั้น หวังว่าเสด็จพี่จะทำให้สมปรารถนา”
อวี้ฉือกงกล่าว:”น้องหกอย่าได้ใจร้อนไป เรื่องนี้ข้าไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวคนเดียว ลองถามคุณหนูรองกู้ดูว่านางเต็มใจหรือไม่ ถ้าหากคุณหนูรองกู้เองก็ไม่เต็มใจจะแต่ง แม้จะเป็นคำบัญชาของฝ่าบาทองค์ก่อน ข้าก็ไม่มีทางบังคับหรอก คุณหนูรองกู้ เจ้าคิดเช่นไร?”
กู้ชิวเหลิ่งปั้นหน้าดื้อรั้น กล่าวว่า:”ทูลฝ่าบาท ต่างก็กล่าวกันว่างานแต่งที่สั่งจากพ่อแม่ ดำเนินการโดยแม่สื่อ ไม่ทำตามมิได้ เมื่อก่อนหม่อมฉันไม่เคยพูดคุยกับชายแปลกหน้าเลยสักครั้ง ไม่ปรากฏตัวในวงสังคม แม้จะถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ ก็มิเคยทำเรื่องที่ผิดต่อท่านอ๋องหกเลยสักครั้ง นั่นเพราะหม่อมฉันรู้ ว่าในอนาคตตัวเองจะเป็นสะใภ้ของตระกูลราชา จะทำเรื่องที่ขัดต่อจริยธรรมของสตรีไม่ได้ ตอนนี้จู่ๆท่านอ๋องหกก็เสนอเรื่องการถอนหมั้น หม่อมฉันไม่มีข้อโต้แย้ง ในเมื่อท่านอ๋องหกอยากจะถอนหมั้น เช่นนั้นก็ถอนเถิดแพค่ะ!”
ราวกับกำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้ ท่าทางของกู้ชิวเหลิ่งแม้แต่หลี่เฉิงเย่และกู้หนานเฉิงต่างก็ประทับใจ อวี่เหวินหวายอดไม่ได้เหลือบมองไปทางกู้ชิวเหลิ่ง ได้ยินสิ่งที่กู้ชิวเหลิ่งกล่าว ก็ราวกับเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของเขา หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงโกรธจนเข้าไปทุบตีนางนานแล้ว แต่ตอนนี้ใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งงดงามอย่างถึงที่สุด ไม่เหมือนกับหญิงใบ้ในความทรงจำเลยแม้แต่น้อย ไฟโกรธที่อยู่ในใจของเขายังไงก็จุดมันขึ้นมาไม่ได้
ท่านอ๋องรองที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยปากกล่าวขึ้นมาทันที:”หลายวันก่อนน้องหกทำสิ่งที่ไม่เหมาะสมกับคุณหนูรองกู้ ตอนที่กระหม่อมไปเป็นแขกที่จวนโหวเมื่อวาน เห็นคุณหนูรองกู้มีสุขภาพร่างกายไม่ดี หากถอนหมั้นไปตอนนี้ ไม่รู้ว่าผู้คนข้างนอกจะนินทาคุณหนูรองกู้อย่างไรบ้าง ถอนหมั้นทั้งที่ยังไม่แต่งงาน นี่ถือเป็นเรื่องอื้อฉาวเรื่องหนึ่ง”
จริงสิ โดยทั่วไปหญิงสาวที่ถูกถอนหมั้นทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานแม้จะแก่แล้วก็ยังคงไม่มีผู้ใดต้องการ ยิ่งกว่านั้นยังเป็นบุตรีของอนุ หลังจากผ่านเรื่องการถอนหมั้นไป คาดว่ากู้ชิวเหลิ่งคงจะแต่งงานลำบากแล้ว
อวี้ฉือกงกล่าวด้วยความลำบากใจ:”เช่นนี้จะทำเยี่ยงไรดี?”
อวี่เหวินหวายนึกถึงตอนที่เขาออกจากเรือนของกู้ชิวเหลิ่งในวันนั้น เขาไปเจอกู้ชิวเซียง สีหน้าของกู้ชิวเซียงดูโศกเศร้า ในคำพูดของนางมีความนัยที่ไม่ยินยอมให้เขาสู่ขอกู้ชิวเหลิ่ง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ในใจของอวี่เหวินหวายไม่มีความสุข กล่าวว่า:”กระหม่อมไม่ยินยอมที่จะสู่ขอคุณหนูรองกู้ ขอเสด็จพี่โปรดยอมรับ!”
กู้ชิวเหลิ่งคุกเข่าลงบนพื้น ยืดหลังตัวตรง กล่าวชัดถ้อยชัดคำว่า:”หม่อมฉันได้รับความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ ไม่ยินยอมจะแต่งให้กับท่านอ๋องหกอีก! ขอฝ่าบาททรงยอมรับ!”
อวี้ฉือจ้านที่เงียบไม่กล่าวสิ่งใดมาตลอดจู่ๆก็เอ่ยปากขึ้น น้ำเสียงของเขาดูมีเสน่ห์ แต่กลับทุ้มต่ำและหยิ่งผยอง:”หากเจ้าหกไม่อยากสู่ขอคุณหนูรองกู้ ข้ามีหนทางอยู่อย่างหนึ่ง”
อวี่เหวินหวายกล่าว:”หากเสด็จอามีหนทาง กระหม่อมจะซาบซึ้งใจในบุญคุณ!”
อวี้ฉือจ้านเหลือบมองกู้ชิวเหลิ่ง กล่าวว่า:”หลายปีมานี้เจ้าผิดต่อคุณหนูรองกู้เจ้าเองก็รู้อยู่แก่ใจ ตอนนี้ยังมาขอถอนหมั้นอย่างผลีผลาม ซึ่งมีผลกระทบอย่างเสียหายต่อการแต่งงานในอนาคตของคุณหนูรองกู้ ตอนนี้ให้เจ้าทนลำบากสักสองสามวัน หากเจ้ายินยอม การหมั้นหมายในครั้งนี้ข้าเป็นคนตัดสิน ให้ถอนหมั้นได้”
กู้ชิวเหลิ่งไม่เคยคิดมาก่อนว่าอวี้ฉือจ้านจะช่วยนาง ท่านอ๋องรองที่อยู่ข้างๆเองก็เห็นด้วย เขาไม่มีความรู้สึกตกใจกับเรื่องการช่วยเหลืออย่างกะทันหันของอวี้ฉือจ้านเลยแม้แต่น้อย
อวี่เหวินหวายนิ่งไปสักพัก กล่าวว่า:”กระหม่อมรู้ว่าหลายปีมานี้ผิดต่อคุณหนูรองกู้ หากเสด็จอาสามารถช่วยถอนการหมั้นหมายในครั้งนี้ ความลำบากเล็กน้อยจะถือเป็นเรื่องอะไรได้!”
อวี้ฉือจ้านกล่าว:”ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ณ วันนี้การหมั้นหมายของคุณหนูรองกู้กับเจ้าหกถือว่าเป็นการยกเลิก”
อวี่เหวินหวายขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่อวี้ฉือจ้านจะสื่อ
อวี้ฉือจ้านเล่นกับมีดสั้นที่อยู่ตรงเอว กล่าวว่า:”เพียงแต่ การถอนหมั้นครั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณหนูรอง ไม่ใช่เจ้า”
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งยกยิ้มขึ้น ส่วนกู้หนานเฉิงและอวี่เหวินหวายต่างก็มีสีหน้าตกใจ
ท่านอ๋องถูกคู่หมั้นถอนหมั้น นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
อวี้ฉือจ้านเลิกคิ้ว น้ำเสียงของเขาพกความขี้เล่นไว้เล็กน้อย:”ทำไม? ไม่พอใจ?”
อวี่เหวินหวายเป็นคนใจร้อนมาตลอด จึงรีบกล่าวขึ้นทันทีว่า:”ข้าเป็นถึงท่านอ๋องหก! จะถูกบุตรีของอนุถอนหมั้นได้อย่างไร!”
น้ำเสียงของอวี้ฉือจ้านเย็นชา ไม่มีรอยยิ้มอีกต่อไป ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย:”เกิดเป็นลูกผู้ชาย ข้าไม่ขอให้พวกเจ้าแต่ละคนเป็นวีรบุรุษผู้กล้า แต่อย่างน้อยก็ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป!”