ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 222 ภรรยาผู้รู้ใจ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 222 ภรรยาผู้รู้ใจ
จวินฉีเซิ่งเอนกายอยู่บนเตียงของวี่เฟย เดิมทีวี่เฟยเป็นผู้ที่มีฝีมือด้านการบรรเลงพิณอยู่แล้ว บัดนี้การที่จวินฉีเซิ่งอยู่ที่นี่ นางจึงได้ใช้ความสามารถทั้งหมดในการเอาอกเอาใจเขา
ในขณะที่นางกำลังบรรเลงเพลงไปด้วยความไพเราะ จู่ ๆ จวินฉีเซิ่งก็เอ่ยขัดจังหวะด้วยความเย็นชา “ช้าก่อน”
วี่เฟยวางพิณไว้ด้านข้างแล้วกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทเคยชื่นชอบบทเพลงที่หม่อมฉันบรรเลงยิ่งนัก เหตุใดวันนี้จึงมีชื่นชอบหรือเพคะ?”
จวินฉีเซิ่งดึงมือของวี่เฟยเข้าไป จนทำให้วี่เฟยล้มลงบนเตียง ท่าทางนั้นดูเสน่ห์หายยิ่งนัก จวินฉีเซิ่ง สัมผัสไปที่คางของวี่เฟยเบา ๆ กล่าวว่า “วี่เฟย เจ้าอย่าได้เล่นกลอุบายกับข้า ความตายของฉินเฟยนั้นเกี่ยวข้องกับหนอนพิษกู่ของเจ้าหรือไม่?”
วี่เฟยหัวเราะขึ้นแล้วกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงกล่าวเรื่องใดกันเพคะ หนอนพิษกู่ของหม่อมฉันถูกขโมยสูญหายไป อย่าว่าแต่การตายของฉินเฟยเลย แม้แต่การที่ฉินเฟยต้องเสียโฉมก็หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับหม่อมฉันแม้แต่น้อย นางในที่ทำให้ฉินเฟยต้องเสียโฉมนั้นฝ่าบาทมิได้ลงโทษแล้วหรือ การลงโทษด้วยการโบยจนถึงแก่ชีวิตมิอาจเทียบได้กับใบหน้าอันงดงามที่เสียโฉมไปของฉินเฟยหรือเพคะ?”
จวินฉีเซิ่งกล่าวขึ้นว่า “เจ้ายังคงเป็นผู้ที่รู้ใจข้ายิ่งนัก ข้าคิดมากไปเอง”
ใบหน้าของวี่เฟยเต็มไปด้วยรอยยิ้ม นางเผยอริมฝีปากขึ้นแล้วเอื้อมมือไปโอบลำคอของจวินฉีเซิ่ง จวินฉีเซิ่งเอนกายเข้าไปที่ข้างหูของวี่เฟย น้ำเสียงของเขาดูต่ำทุ้ม “แต่เจ้าควรจะรู้ว่าเจ้าสามารถปิดซ่อนเรื่องนี้กับใครก็ได้ ยกเว้นข้า ข้าสามารถช่วยเจ้าจากภัยครั้งนี้ได้ แต่มิอาจช่วยเจ้าในครั้งอื่นได้”
รอยยิ้มบนใบหน้าของวี่เฟยแข็งทื่อทันที จวินฉีเซิ่งผลักวี่เฟยออก จากนั้นหันหลังกลับจากไป
วี่เฟยลุกขึ้นทันควันกล่าวว่า “ฝ่าบาททรงลืมไปแล้วหรือเพคะว่าในวังหลังนี้มิมีผู้ใดสามารถให้กำเนิดบุตรธิดาแก่ฝ่าบาทได้ หม่อมฉันต่างหาก! มีเพียงหม่อมฉันเท่านั้นที่สามารถให้กำเนิดองค์หญิงให้แก่ฝ่าบาทได้คนหนึ่ง จึงทำให้ปิดปากบรรดาเหล่าขุนนางทั้งหลายได้สำเร็จ บัดนี้ฝ่าบาทจะละทิ้งหม่อมฉัน ฝ่าบาทต้องการจะละทิ้งเหมียวเจียงงั้นหรือ?”
จวินฉีเซิ่งหันหลังกลับไปกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “อย่าคิดว่าข้ามิรู้เรื่องที่เจ้าใช้วิธีการต่าง ๆ มากมายจึงสามารถให้กำเนิดเด็กคนนั้นได้ แม้ว่าข้าจะรู้สึกติดหนี้บุญคุณเจ้า แต่หลายปีมานี้ เจ้าเองก็ได้รับความรักและความมั่งคั่งมากพอแล้ว เจ้าวางใจเถิด หากอวี้ฉือจ้านมิอาจสืบสิ่งใดพบ ข้าจะมอบตำแหน่งกุ้ยเฟยให้แก่เจ้า แต่หากอวี้ฉือจ้านสืบพบเรื่องผิดปกติล่ะก็……ทั้งเจ้าและเหมียวเจียง ข้าคงมิอาจเก็บเอาไว้ได้”
“เจ้า!”
วี่เฟยมองไปยังจวินฉีเซิ่งที่ดูไร้หัวใจเช่นนั้น นางเองยิ่งนิ่งเงียบไปชั่วขณะมิรู้จะกล่าวอย่างไรดี
จวินฉีเซิ่งหันหลังจากไป ทิ้งไว้เพียงวี่เฟยนอนเอนกายอยู่เพียงลำพัง
ในตอนนั้นเหตุใดนางจึงรู้สึกชื่นชอบชายคนนี้กัน? ผู้ที่หน้าซื่อใจคด มีเพียงรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดี แต่จิตใจของเขานั้นเลวร้ายยิ่งกว่าหนอนพิษกู่ของนางเสียอีก
ใบหน้าของวี่เฟยปรากฏรอยจาง ๆ ขึ้นเล็กน้อย วี่เฟยยกมือข้างหนึ่งขึ้นกุมหน้าอกแล้วรีบกล่าวตะโกนว่า “ชิงจวี๋ เร็วเข้า รีบเอายามาให้ข้า!”
สาวรับใช้ที่นามว่าชิงจวี๋ได้ยินเสียงเรียกของวี่เฟยก็ได้รีบวิ่งเข้ามาทันที นางหยิบยาออกมาจากแขนเสื้อใส่เข้าไปในปากของวี่เฟยจากนั้นรีบวางใส่ไว้ในมือของวี่เฟยกล่าวว่า “เหนียงเหนียงเป็นอะไรไปเพคะ เหตุใดจู่ ๆ จึง……”
วี่เฟยดื่มน้ำเข้าไปแล้วกล่าวว่า “มิเป็นไรหรอก วางใจเถิด”
“เหตุใดเหนียงเหนียงจึงได้เกิดอารมณ์โมโหเล่าเพคะ ท่านหัวหน้าเผ่าเคยกล่าวเอาไว้แล้ว ในเมื่อเหนียงเหนียงเลือกที่จะใช้หนอนกู่ชนิดนั้น ก็มิควรที่จะเกิดอารมณ์โมโห……มิเช่นนั้นหนอนกู่ในร่างกายก็จะ……”
“หุบปาก ไร้สาระ!”
วี่เฟยพยายามสงบสติอารมณ์ของตนแล้วกล่าวว่า “องค์หญิงเล่า อยู่ที่ใด?”
ชิงจวี๋มองไปยังความมืดด้านนอกหน้าต่างตอบว่า “องค์หญิงน้อยบรรทมแล้วเพคะ”
วี่เฟยพยักหน้ากล่าวว่า “เจ้าจงไปรับใช้องค์หญิงน้อยเถิด ช่วงนี้ในวังหาได้สงบ เจ้าอย่าให้นางไปไหนมาไหนเพียงลำพัง”
ชิงจวี๋ที่อยู่ด้านข้างตอบรับว่า “เพคะ”
รอจนกระทั่งชิงจวี๋เดินทางจากไปแล้ว วี่เฟยจึงเดินมาที่หน้ากระจกสีทองแดง นางพบกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มีใบหน้าอันงดงามไร้ที่ติ ใบหน้านั้นเพียงแค่ยิ้มขึ้นเบา ๆ ก็ทำให้ผู้คนต้องหลงใหล
แต่ว่าใบหน้านี้ในมิช้าก็จะชราลง
หากมิใช่เพราะจวินฉีเซิ่ง นางคงจะมิกินหนอนกู่แม่ลูกนั้นลงไป และพยายามอย่างยิ่งที่จะให้กำเนิดบุตรแก่จวินฉีเซิ่ง แม้ว่าในที่สุดแล้วนางจะให้กำเนิดเพียงองค์หญิงแล้วอย่างไรเล่า? ธิดาของนางเป็นเพียงบุตรเดียวของจวินฉีเซิ่ง องค์หญิงผู้มีเกียรติที่สุดในแคว้นฉี มิว่าใครก็ตามมิอาจมาแตะต้องตำแหน่งนี้ของธิดานางได้ เนื่องจากนี่คือบุตรคนแรกของจวินฉีเซิ่ง และเป็นผู้ที่สามารถทำให้ขุนนางทั้งหลายหยุดกล่าวถึงข่าวลือนั้นของเขา
วี่เฟยใช้มือลูบคลำไปที่ใบหน้าอันเหมือนเป็นอมตะของนาง หนอนกู่แม่ลูกหากว่าผู้ที่กินมันเข้าไปเกิดอาการโมโหหรือเศร้าโศกจนเกินขีดจำกัด ก็จะกลายเป็นคนแก่น่าเกลียด หนอนกู่ในร่างกายของนางจะดูดซับพลังทั้งหมดของตน ทุกครั้งที่หนอนกู่ออกฤทธิ์ นางจะต้องกินยาที่ทำให้หนอนกู่หลับไหลไป นี่คือสิ่งที่นางทำเพื่อจวินฉีเซิ่ง แต่ว่าจวินฉีเซิ่ง……
“ดียิ่งนักจวินฉีเซิ่ง เจ้าบีบบังคับให้ข้าทำเช่นนี้เอง!”
ใบหน้าของวี่เฟย ดูไร้ซึ่งความปรานี ในเมื่อจวินฉีเซิ่ง ต้องการสร้างความลำบากใจให้แก่เหมียวเจียง ดังนั้นนางก็จะมิทำให้เขามีชีวิตที่ดีแน่ หากว่าทั้งเหมียวเจียงและนางจากไป ธิดาของนางก็จะไร้ที่พึ่งพิง และมิอาจมีชีวิตที่ดีได้
เมื่อใดก็ตามที่จวินฉีเซิ่งตั้งใจจะละทิ้งนางและเหมียวเจียง จวินฉีเซิ่งและมู่หรงอี๋ หญิงชายชั่วคู่นี้จะต้องได้รับผลกรรมที่พวกเขาทำ และนางจะเป็นผู้เปิดโปงเรื่องนี้แก่ทุกคนเอง
“ผู้ใดบอกว่ามีเพียงมู่หรงอี๋เท่านั้นที่รู้ความลับเจ้า จวินฉีเซิ่ง เจ้ามิอาจปิดบังข้าได้หรอก!”
วี่เฟยโยนกระจกที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งทิ้งลงพื้นอย่างแรง
กู้ชิวเหลิ่งและอวี้ฉือจ้านกลับมาที่ห้องโถงตำหนักด้านข้าง เป็นเวลาดึกมากแล้ว
จีเฟิงกดหญิงคนหนึ่งที่มีผ้าคลุมหน้าเอาไว้ลงบนพื้น กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อยถามว่า “นางคือผู้ใด?”
อวี้ฉือจ้านกล่าวว่า “นี่คือคนที่จับได้นอกตำหนักของวี่เฟยในวันนี้”
“เจ้าส่งคนไปจับตามองที่ตำหนักของวี่เฟยงั้นหรือ?”
“ถูกต้องแล้ว”
อวี้ฉือจ้านขยิบตาให้แก่จีเฟิง จีเฟิงรีบดึงผ้าคลุมใบหน้าของหญิงผู้นั้นออกทันที
พบว่าใบหน้าอันงดงามน่าทึ่ง ถูกใครบางคนทำร้ายจนเสียโฉมไปกว่าครึ่ง มองไปช่างดูเย็นชาเหลือเกิน
จีเฟิงดึงผมของหรูเสวี่ย กล่าวด้วยความเย็นชาว่า “จงบอกมาว่าเจ้าเป็นใคร”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “มิต้องเอ่ยถามนางหรอก หลังจากที่ฉินเฟยสิ้นลมลงแล้ว ผู้ที่วนเวียนทำลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่ด้านนอกตำหนักวี่เฟย ก็คือผู้ที่กระทำผิดฆ่าฉินเฟยอย่างแน่นอน มิเช่นนั้นท่านอ๋องของพวกเจ้าคงจะมิจับนางมาที่นี่”
อวี้ฉือจ้านยิ้มขึ้นเบา ๆ “ผู้ใดเล่าจะรู้จักข้าดีเท่าภรรยา”
หรูเสวี่ยกล่าวว่า “พวกเจ้ารู้ว่าข้าคือฆาตกร และต้องการจะจับข้าไปลงโทษต่อหน้าฮ่องเต้ฉีอย่างงั้นหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “หากเจ้าบอกข้าได้ถึงเหตุผลที่เจ้าฆ่าฉินเฟย พวกเราสามารถช่วยเจ้าให้ออกจากแคว้นฉีและราชวังแห่งนี้ได้ หรือแม้กระทั่งปล่อยให้เจ้ากลับไปยังต้าเยียนได้โดยปลอดภัย”
ท่าทางของหรูเสวี่ยเย็นชา เดิมทีนางคิดว่านางจะต้องตายอยู่ที่นี่แล้ว เมื่อได้ยินน้ำเสียงของกู้ชิวเหลิ่งที่กล่าวมาประโยชน์นี้นางจึงแสดงท่าทีตกใจออกมา “เจ้ายินดีจะให้ข้ากลับไปที่ต้าเยียนงั้นหรือ เจ้าจะให้ข้ามีชีวิตกลับไปที่นั่นได้?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “เจ้ามิได้มีภัยคุกคามต่อข้า เหตุใดข้าจึงปล่อยเจ้าไปมิได้เล่า เหตุใดข้าจึงต้องฆ่าเจ้าให้ตาย”
“แต่ข้าสังหารฉินเฟยเพื่อสันติภาพระหว่างสองประเทศ พวกเจ้ากลับมิฆ่าข้างั้นหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวขึ้นว่า “ฉินเฟยถูกฆ่า แล้วข้าจะมอบคนจากต้าเยียนส่งออกไป กล่าวว่าเป็นฆาตกร สิ่งนี้เพื่อสันติภาพของระหว่างสองประเทศหรือ?”