ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 23 น่าตกใจ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 23 น่าตกใจ
เมื่อกลับมาถึงจวนตระกูลกู้ ท้องฟ้าก็มืดลงแล้ว กู้หนานเฉิงคิดถึงการกระทำของกู้ชิวเหลิ่งในวันนี้ ทันใดนั้นก็พบว่าบุตรสาวคนนี้ของตนเปลี่ยนไปจนไม่เหมือนคนเดิมแล้ว ไม่เพียงแต่ช่างเจรจา ยิ่งกว่านั้นรูปลักษณ์ยังไม่ธรรมดา วันนี้นางยังได้รับความช่วยเหลือจากท่านอ๋องรองกับอวี้ฉือจ้าน แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว กู้หนานเฉิงรู้สึกว่ามันแปลกๆ
กู้ชิวเหลิ่งเดินอยู่ข้างๆ กล่าวว่า:”ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรไป? ท่านคิดว่าพฤติกรรมของข้าในวันนี้น่าตกใจเกินไปใช่หรือไม่?”
กู้หนานเฉิงรู้สึกประหลาดใจที่กู้ชิวเหลิ่งมองความคิดของเขาออก ดังนั้นจึงได้กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า:”สิ่งที่เจ้าทำต่อหน้าพระองค์ในวันนี้บังอาจเกินไปจริงๆ พระองค์เมตตา ไม่เอาผิดเจ้า แต่จะต้องไม่มีครั้งต่อไปอีก”
กู้ชิวเหลิ่งกลับสบเข้ากับดวงตาของกู้หนานเฉิง รอยยิ้มตรงมุมปากทำให้คนรู้สึกหนาวจากก้นบึ้งของหัวใจ:”ท่านพ่ออยู่ในกองทัพมาครึ่งชีวิต แม้จะถูกแต่งตั้งให้เป็นโหวเย๋ เดินเข้าไปในราชสำนัก ควรจะเข้าใจในการกระทำของลูกสาว ถ้าหากวันนี้ท่านอ๋องหกเป็นผู้ที่ได้ถอนการหมั้นหมาย จวนโหวจะต้องเสียหน้า จะกลายเป็นตัวตลกในเมืองหลวง ท้ายที่สุดแล้วข้าก็ไม่สามารถมีที่พึ่งพิงได้ และในฐานะพ่อ ท่านพ่อควรจะเข้าใจลูกถึงจะถูก”
กู้หนานเฉิงหายใจเข้าลึกๆ เขาเคยเข้าสนามรบมาก่อน เคยมีความดีความชอบในการศึกที่ใหญ่หลวง หากไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วยทางร่างกาย พละกำลังไม่เหมือนแต่ก่อน เขาคงไม่มีทางเข้าไปอยู่ในราชสำนักนานเช่นนี้ การที่ได้แทรกซึมอยู่ในราชสำนักเป็นเวลานานขนาดนี้ สิ่งที่ทำได้มากที่สุดก็คือการดูใจคน กู้ชิวเหลิ่งพูดถูก หากวันนี้เป็นเขาที่ได้พบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ จะเลือกใช้วิธีเช่นนี้ในการแก้ปัญหาเหมือนกัน
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวขึ้นมาอย่างไม่หักห้ามว่า:”โบราณเขาว่าหากมนุษย์ไม่มีความโลภฟ้าดินจะลงโทษ ท่านพ่อคงเข้าใจดีกับประโยคนี้ ดังนั้นคำกล่าวโทษของท่านพ่อในวันนี้ ข้าไม่สามารถยอมรับมันได้เจ้าค่ะ”
กู้หนานเฉิงราวกับได้เห็นหญิงสาวอีกคนหนึ่งผ่านทางสายตาของกู้ชิวเหลิ่ง สีหน้าของเขารู้สึกสับสนเล็กน้อย
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวขึ้น:”ดึกมากแล้ว ข้าเองก็หิวมาก ขอตัวไปก่อน”
ในเสี้ยววินาทีที่กู้ชิวเหลิ่งหันหลัง กู้หนานเฉิงเอ่ยปากกล่าวขึ้นมาว่า:”วันนี้มีใต้เท้าหลี่อยู่ข้างกาย ข้าจึงไม่ได้ถามเจ้าอย่างละเอียด แต่ข้ารู้ว่าเรื่องเหล่านี้เซียงเหลียนเป็นคนทำ หลายปีมานี้ลำบากเจ้าแล้ว พ่อจะทดแทนมันให้เจ้า”
เซียงเหลียนของตระกูลฉิน ก็คือชื่อของฮูหยินใหญ่ กู้หนานเฉิงพูดคำเหล่านี้ต่อหน้ากู้ชิวเหลิ่ง ประการแรกเพื่อเป็นการรับผิดชอบ ประการที่สองก็เพื่อเป็นการปกป้องฮูหยินใหญ่ ทำเช่นนี้ คาดว่าคงจะเพื่อให้กู้ชิวเหลิ่งล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้นพวกนั้น
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว หันกลับมากล่าว:”ขอบคุณที่ท่านพ่อเห็นอกเห็นใจ”
กู้หนานเฉิงนิ่งไปสักพัก อดที่จะถามขึ้นมาไม่ได้ว่า:”วันนี้เจ้าเอ่ยถึงภาพวาด……มันคือภาพวาดอะไร?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวนิ่งๆว่า:”มันเป็นเพียงแค่ภาพวาดที่ท่านแม่ทิ้งไว้ หากท่านพ่ออยากจะเห็น ตอนนี้ก็ได้อยู่ในมือของพี่ใหญ่แล้ว”
กู้หนานเฉิงพยักหน้า กล่าว:”เจ้าเองก็หิวมาทั้งวันแล้ว กลับไปเถิด ข้าจะสั่งให้คนใช้ปรับเปลี่ยนอาหารการกินของเจ้าตั้งแต่วันนี้”
กู้ชิวเหลิ่งทำความเคารพ ตอนที่หันหลังกลับนางกลับแสดงรอยยิ้มออกมา วันนี้ถือว่าได้รับชัยชนะ
จูเอ๋อร์ติดตามอยู่ข้างกาย เสียงของกู้ชิวเหลิ่งเบามาก เอ่ยถามว่า:”เรื่องที่ข้าให้เจ้าทำเมื่อเช้า เจ้าจัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
จูเอ๋อร์กล่าว:” คุณหนูโปรดวางใจ จัดการเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
ในความมืด แสงจากดวงจันทร์กระทบบนตัวของกู้ชิวเหลิ่ง ราวกับน้ำแข็งที่เยือกแข็ง
วันรุ่งขึ้น ฮ่องเต้ออกราชกฤษฎีกา ยกเลิกการหมั้นหมายของคุณหนูรองตระกูลกู้กับท่านอ๋องหก อนุญาตให้คุณหนูรองตระกูลกู้จัดการเรื่องงานแต่งของตัวเองได้ เพียงเวลาครึ่งวัน ผู้คนในเมืองหลวงก็ไม่มีผู้ใดไม่รู้ ทุกคนต่างพากันคาดเดา เกิดข่าวลือขึ้นมากมาย
มีคนกล่าวว่า กู้ชิวเหลิ่งไม่สามารถทนต่อความอัปยศได้ ดังนั้นจึงขอให้จักรพรรดิถอดถอนการหมั้นหมาย
มีคนกล่าวว่า ท่านอ๋องหกรังเกียจกู้ชิวเหลิ่งนานแล้ว บังคับให้กู้ชิวเหลิ่งไปขอถอนหมั้นกับจักรพรรดิ
แต่ประเด็นที่ดึงดูดความสนใจผู้คนมากที่สุด ก็คือกู้ชิวเหลิ่งรู้เรื่องความสัมพันธ์ลับๆของท่านอ๋องหกกับพี่กู้ชิวเซียงสาวของตัวเอง ได้รับความเจ็บปวดทั้งกายและใจ ดังนั้นจึงไปขอถอนหมั้นต่อหน้าจักรพรรดิ
แล้วยังมีคนเปิดเผยอีกว่าก่อนวันถอนหมั้นท่านอ๋องหกอวี่เหวินหวายเคยไปที่เรือนของกู้ชิวเหลิ่ง ไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป จากนั้นก็ไปที่เรือนของกู้ชิวเซียงคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้ ในนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่ ก็ขึ้นอยู่กับการจินตนาการของชาวเมืองแล้วล่ะ
ส่วนคำพูดของกู้ชิวเหลิ่งตอนที่อยู่ในท้องพระโรง ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้แพร่กระจายออกไปด้านนอก มีผู้คนมากมายเริ่มนินทาว่าร้ายกู้ชิวเซียงกับอวี่เหวินหวาย ก่อให้เกิดผลกระทบอยู่ไม่น้อย
ณ เวลานี้ กู้ชิวเหลิ่งกำลังนั่งอยู่ในเรือน อันที่จริงมันก็เป็นเพียงแค่พระราชโองการเล่มหนึ่ง สามารถสร้างพายุให้เกิดในเมืองหลวงได้เร็วขนาดนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีคนเติมไฟให้เปลวเพลิงอยู่เบื้องหลัง และผู้ที่ปล่อยข่าวลือไปทั่วผู้นี้ ก็คือท่านอ๋องรอง
จูเอ๋อร์วิ่งเข้ามาจากข้างนอกอย่างรีบร้อน ความตกใจบนใบหน้าของนางยังไม่หายไป กล่าวขึ้นข้างกายของกู้ชิวเหลิ่งว่า:”คุณหนูเจ้าคะ! เมื่อครู่นายท่านจะลงโทษแม่นมโจวโดยการลงไม้ตี! แล้วยังทะเลาะกับฮูหยินใหญ่ครั้งใหญ่ บ่าวอยู่ในจวนมานานขนาดนี้ ไม่เคยเห็นว่านายท่านจะโกรธมากเท่านี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ!”
กู้ชิวเหลิ่งยกยิ้มขึ้นมุมปาก กล่าว:”จริงหรือ?”
“จริงเจ้าค่ะ! บ่าวไม่เคยเห็นนายท่านกับฮูหยินใหญ่ทะเลาะกันมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก ได้ยินมาว่านายท่านไม่ไว้หน้าฮูหยินใหญ่เลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้นยังตบไปหนึ่งที”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูดวงอาทิตย์ ดวงอาทิตย์ในตอนนี้กำลังได้แสงพอดี สวนอี้เซียงของฮูหยินใหญ่ก็น่าจะวุ่นวายกันมาก
จูเอ๋อร์กล่าวอย่างงุนงงเล็กน้อยว่า:”คุณหนูให้บ่าวใช้โอกาสตอนที่คืนสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือไปให้คุณหนูใหญ่ นำภาพม้วนที่อยู่ในแขนเสื้อไปใส่ในแจกัน เพราะเหตุใดเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าว:”นั่นเป็นภาพเหมือนของอี๋เหนียงสาม เพียงแต่ข้างในนั้นข้าได้เพิ่มบางอย่างลงไป”
จูเอ๋อร์จำได้ว่า วันนั้นหลังจากที่คุณหนูของตัวเองวาดภาพงามล้มเมืองเสร็จแล้ว ก็หยิบภาพม้วนหนึ่งออกมาจากก้นกล่อง ข้างบนนั้นเองก็เป็นสาวงามคนหนึ่ง มีเสน่ห์ยิ่งกว่าสาวในงามล้มเมืองที่กำลังเต้นรำในภาพวาด แต่คุณหนูของตัวเองกลับหยิบพู่กันขึ้นมา เขียนคำสองสามคำบนนั้น ยิ่งกว่านั้นยังขีดเขียนตัวหนังสือบนใบหน้าของสาวงามผู้นั้น
กู้ชิวเหลิ่งลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ กล่าวว่า:”เราเองก็ควรจะไปแล้ว ไปดูซิว่าสรุปแล้วท่านพ่อได้เห็นสิ่งใดกันแน่ ถึงได้อารมณ์เสียมากขนาดนี้”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้ม นางเฝ้าคอยการแสดงสีหน้าบนใบหน้าของฮูหยินใหญ่มาก
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งมาถึงสวนอี้เซียง สาวใช้และยายรับใช้ในเรือนต่างก็พากันยืนเรียงเป็นแถว เห็นได้ชัดว่าไม่กล้าเข้าไปในห้อง
ภายในห้องได้ยินเสียงเครื่องปั้นดินเผาตกแตก กู้หนานเฉิงกำลังค้นหาทั้งในกล่องและตู้ เขาได้เห็นสิ่งของมากมาย เครื่องประดับหยกที่เมื่อก่อนเขามอบให้อี๋เหนียงสาม ผ้าไหมที่อี๋เหนียงสามชอบมากที่สุด เขาไม่กล้าไปดูเรือนของอี๋เหนียงสาม เพราะกลัวว่าเห็นสิ่งของแล้วจะนึกถึงคน คิดไม่ถึงว่าของเหล่านี้ จะได้พบในกล่องของฮูหยินใหญ่
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวกับจูเอ๋อร์ว่า:”ข้างใต้กล่องยังมีเครื่องหยกของอี๋เหนียงสามอยู่หลายอย่าง ตอนนี้ในห้องของพี่ใหญ่ไม่มีคน เจ้าแอบไป……”
จูเอ๋อร์พยักหน้า กล่าวว่า:”บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
กู้ชิวเหลิ่งเดินเข้าประตูห้อง ไม่มีสาวใช้และยายรับใช้กล้าเข้าไปห้าม ยิ่งไม่มีคนกล้าเข้าไปแจ้งกู้หนานเฉิง ณ เวลานี้หลังเรือนส่งเสียงร้องโหยหวนของแม่นมโจว ดังลั่นทั่วสวนอี้เซียง