ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 24 ทุบตีนางฉิน
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 24 ทุบตีนางฉิน
ทุกคนในเรือนได้ยินเสียงร้องโหยหวนของแม่นมโจวต่างก็กลัวจนตัวสั่น มีเพียงแค่กู้ชิวเหลิ่ง ที่เดินตรงเข้าไปในห้องราวกับไม่ได้ยินอะไรเลย
เห็นได้ชัดว่ากู้หนานเฉิงโมโหมาก ชุดน้ำชาอันล้ำค่าที่อยู่บนโต๊ะของฮูหยินใหญ่รวมถึงเครื่องประดับอันตระการตา ทั้งหมดตกลงไปอยู่บนพื้น กู้ชิวเซียงนั่งคุกเข่าร้องไห้อย่างอ่อนแอเปราะบาง
“ข้าไม่รู้มาก่อนเลย! เจ้าขโมยของดูต่างหน้าทั้งหมดของจิ่นเหนียงมาเก็บไว้กับตัวเอง! เจ้าว่ามาเจ้านำภาพวาดของจิ่นเหนียงไปไว้ที่ใดแล้ว!”
ฮูหยินใหญ่คุกเข่าอยู่บนพื้น ยังพอมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูดีอยู่บ้าง เพียงแค่ปิ่นมุกปักผมที่อยู่บนมวยผมหล่นไปสองอัน ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางแดงจนบวม กล่าวว่า:”ข้าเพียงแค่เก็บของดูต่างหน้าของอี๋เหนียงสามเอาไว้ กลัวว่านายท่านเห็นสิ่งของเหล่านี้จะนึกถึงตัวคน! จะกล้าขโมยได้อย่างไร! ท่านดูสิ สิ่งของเหล่านี้ข้าเก็บมันไว้ในกล่อง ไม่ได้……”
“หุบปาก! เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าของเหล่านี้เป็นสินเดิมที่เจ้าเตรียมไว้ให้เซียงเอ๋อร์!”
กู้หนานเฉิงโกรธจัด ตะโกนว่า:”เจ้าลองดูเซียงเอ๋อร์สิ บุตรสาวดีดีคนหนึ่ง! แต่กลับถูกเจ้าสั่งสอนจนกลายเป็นคนเช่นไรไปแล้วก็ไม่รู้! แม้แต่คู่หมั้นของน้องสาวแท้ๆ นางก็ยังจะเอา……!”
กู้หนานเฉิงรักและเอ็นดูบุตรสาวคนนี้เสมอมา หากไม่ใช่เพราะข่าวลือที่ลือกันในเมืองวันนี้น่าเกลียดเกินไป ได้ยินเข้ามาถึงหูของเขา เขาคงไม่รู้ว่าที่อวี่เหวินหวายต้องการจะถอนหมั้นนั่นเป็นเพราะกู้ชิวเซียง
กู้หนานเฉิงให้ความสำคัญกับเรื่องชื่อเสียงมาตลอด ไม่มีทางปล่อยให้เรื่องอื้อฉาวแบบนี้ทำให้ชื่อเสียงในการจัดการบ้านจัดสั่งสอนครอบครัวของเขาเสื่อมเสียได้แน่นอน
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวอย่างเคารพว่า:”ท่านพ่อ เรื่องอันใดกันถึงได้โกรธขนาดนี้? ท่านแม่ดูแลเรือนมาหลายปี ทั้งจวนได้รับการดูแลโดยท่านแม่ ถึงท่านแม่จะทำสิ่งใดผิดไป ข้างนอกก็ยังมีสาวใช้และยายรับใช้คอยจับตามองอยู่ อย่างไรเสียต้องไว้หน้าท่านแม่บ้างเจ้าค่ะ”
เมื่อพูดถึงเรื่องดูแลเรือน สีหน้าของกู้หนานเฉิงก็ยิ่งมืดครึ้มเข้าไปใหญ่ ฮูหยินใหญ่แอบซ่อนของดูต่างหน้าของอี๋เหนียงสามมาเป็นเวลาหลายสิบปีแล้ว แต่เขากลับไม่รู้เลยแม้แต่น้อย จะเห็นได้ว่าฮูหยินใหญ่”ดูแลเรือน”ได้ดี
กู้หนานเฉิงตบโต๊ะ กล่าวอย่างโมโหว่า:”ดีมากดูแลเรือนมาหลายปี! ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าฉินเซียงเหลียนเป็นผู้คุมอำนาจในจวนโหวแห่งนี้ หรือเป็นข้ากันแน่! ผ่านมานานหลายปีขนาดนี้ข้ากลับไม่รู้ ว่าเจ้านำสิ่งของของจิ่นเหนียงมาเก็บไว้เป็นการส่วนตัว! ว่าแล้วเชียวทุกครั้งที่ข้าเดินไปที่เรือนของจิ่นเหนียง ข้างนอกจะมีสาวใช้กับยายรับใช้คอยเฝ้าอยู่ตลอด สรุปแล้วเจ้ายังมีเรื่องปิดบังข้าอีกกี่เรื่อง? ฉินเซียงเหลียน เจ้าช่างมีความสามารถจริงๆ!”
สีหน้าของฮูหยินใหญ่ซีดเซียว แต่งงานมานานเป็นเวลาหลายปี นางคลอดบุตรสาวและบุตรชายให้กับกู้หนานเฉิง แม้ว่ากู้หนานเฉิงจะโกรธก็ยังจะเรียกนางว่าฮูหยินใหญ่ ไม่เคยเรียกนางด้วยชื่อจริงตรงๆเลยสักครั้ง เรื่องของอี๋เหนียงสาม มันได้ล้ำเส้นของกู้หนานเฉิงไปแล้ว
“นายท่าน! ท่านพูดเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร! แม้ในเรื่องนี้ข้าอาจจะทำผิดไป แต่นั่นก็เพราะนายท่านเองนั่นแหละ ท่านลองคิดดูสิ หยูจิ่นเหนียงเข้ามาในจวนทั้งที่ยังตั้งครรภ์อยู่ กู้ชิวเหลิ่งเป็น……”
“หุบปาก!”
กู้หนานเฉิงก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วถีบหล่อน อี๋เหนียงสามเป็นต่อมโมโหของเขามาโดยตลอด ไม่มีใครสามารถแตะต้องนางได้ รวมถึงฮูหยินใหญ่ด้วย
“ท่านแม่!!”
กู้ชิวเซียงดึงขากางเกงของกู้หนานเฉิงเอาไว้ ร้องไห้แล้วกล่าวว่า:”ถึงท่านพ่อจะไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ของการเป็นสามีภรรยาเมื่อวันวาน แต่ก็ต้องเห็นแก่หน้าของพี่ใหญ่สิเจ้าคะ! ท่านพี่เขานำทัพสู้รบอยู่ข้างนอก อีกไม่กี่วันก็จะกลับมาแล้ว! ท่านพี่จากบ้านไปหลายปี ท่านก็คิดเสียว่าเป็นการเห็นใจท่านแม่……”
เท้าข้างที่ยกขึ้นของกู้หนานเฉิงค่อยๆวางลงไป กู้ชิวเซียงยังถือว่าฉลาด ตระกูลกู้มีผู้สืยทอดคนนี้เพียงคนเดียว กู้ชิวถางเองก็มีความสามารถ เข้าไปอยู่ในกองทัพสู้รบมาตั้งแต่เด็ก เหมือนกับเขาสมัยเมื่อก่อนไม่มีผิด ยิ่งฉลาดมากกว่าด้วยซ้ำ เห็นแก่หน้าของกู้ชิวถาง เขาก็ไม่สามารถลงเท้าไปได้
ในตอนที่กู้ชิวเซียงกำลังจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก กู้ชิวเหลิ่งก็กล่าวขึ้นมาทันทีว่า:”พูดถึงท่านพี่ ท่านพ่อควรจะเห็นแก่หน้าของท่านพี่แล้วปล่อยท่านแม่ไปจริงๆ อย่างไรเสียท่านแม่ก็ได้ให้กำเนิดบุตรที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลกู้ เป็นคุณงามความดีที่ไม่สามารถมองข้ามไปได้! ยิ่งกว่านั้นท่านพี่เพิ่งจะชนะการศึก ไม่นานจะได้รับการเลื่อนยศในราชสำนัก ดังนั้นท่านพ่อ……ไม่ว่าท่านแม่จะกระทำผิดหนักหนาเพียงใด ก็โปรดเห็นแก่หน้าของท่านพี่ ปล่อยท่านแม่ไปเถิดเจ้าค่ะ!”
สิ่งที่กู้ชิวเหลิ่งกล่าวดูเหมือนจะเป็นการขอร้องแทนฮูหยินใหญ่ แต่โดยนิสัยของกู้หนานเฉิงแล้ว จะต้องพิจารณาถึงเหตุผลที่ฮูหยินใหญ่ได้รับความโปรดปรานจนมีความเย่อหยิ่งเช่นนี้เพราะทายาทคนนี้อย่างแน่นอน คิดว่าให้กำเนิดทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลกู้แล้วจะไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาได้ นี่เป็นสิ่งที่กู้หนานเฉิงไม่อยากเห็นอย่างแน่นอน ไม่มีใครสามารถท้าทายอำนาจของเขาในจวนแห่งนี้ได้
ขาที่เพิ่งวางลงไป กระทบเข้าที่อกของฮูหยินใหญ่อีกครั้ง ครั้งนี้ใช้แรงไปเยอะมาก จนมีเลือดไหลออกมาจากมุมปากของฮูหยินใหญ่
กู้ชิวเซียงไม่สามารถรั้งไว้ได้ทันเวลา เมื่อเห็นแม่ของตัวเองถูกกู้หนานเฉิงทุบตีจนมีสภาพเช่นนี้ ก็จ้องเขม็งไปทางกู้ชิวเหลิ่ง แล้วตะโกนอย่างโกรธเคืองว่า:”กู้ชิวเหลิ่ง! ท่านแม่กับข้าดูแลเจ้าอย่างดี เจ้ามาซ้ำเติมเช่นนี้ได้อย่างไร! ท่านพ่อกับท่านแม่ทะเลาะกัน มันจะดีต่อเจ้าอะไรได้!”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวด้วยสีหน้ามึนงงว่า:”พี่ใหญ่! พี่กำลังพูดสิ่งใดอยู่? ข้า……ข้าเพียงแค่ไม่อยากให้ท่านพ่อหายโกรธ ข้าไม่ได้ซ้ำเติมเสียหน่อย!”
กู้หนานเฉิงกล่าวอย่างโมโห:”เงียบให้หมด! อย่าคิดว่าเจ้าให้กำเนิดถางเอ๋อร์ แล้วจะทำสิ่งใดก็ได้! ข้ายังไม่ตาย! ถึงข้าตายไป แน่นอนว่าจวนโหวแห่งนี้จะเป็นของถางเอ๋อร์ แต่เจ้า! เจ้าล้มเลิกความคิดที่อยู่ในใจของเจ้าซะ! ตกลงแล้วเจ้านำภาพวาดของจิ่นเหนียงไปไว้ที่ใด! จะบอกหรือไม่!”
ใบหน้าของฮูหยินใหญ่บิดเบี้ยว เจ็บจนกุมหน้าอกเอาไว้ กล่าวสิ่งใดไม่ออก นางไม่รู้ว่าภาพวาดของอี๋เหนียงสามอยู่ที่ใด ถึงแม้นางจะยึดทรัพย์สินส่วนตัวของอี๋เหนียงสามมาเป็นของตัวเอง ก็ไม่รู้ว่ามีภาพวาดอะไรนั่น
กู้ชิวเหลิ่งกล่าว:”ที่ท่านพ่อหมายถึง ใช่ภาพวาดที่พี่ใหญ่ขอจากข้าไปเมื่อวันก่อนใช่หรือไม่? ภาพนั้นอยู่ในห้องของพี่ใหญ่นี่นา”
กู้หนานเฉิงหรี่ตาลงอย่างอันตราย ท่าทางของเขาที่มองไปทางกู้ชิวเซียงแย่มากราวกับกำลังจะฆ่าคน
กู้ชิวเซียงไม่เคยพบเห็นกู้หนานเฉิงแสดงท่าทางเช่นนี้มาก่อน กลัวหัวหดจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
ในตอนนี้เอง กู้หนานเฉิงได้สะบัดแขนเสื้อเดินออกไปแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งเหลือบมองกู้ชิวเซียงอย่างเย็นชา เอ่ยยิ้มๆว่า:”พี่ใหญ่ พื้นมันเย็น รีบพยุงท่านแม่ขึ้นมาเร็ว”
“เจ้า!”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้มองสีหน้าของกู้ชิวเซียงอีก ตอนที่นางจากไป รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
จูเอ๋อร์ยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเรือนมาสักระยะแล้ว จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย
สวนเซียงลู่เป็นเรือนที่สวยงามที่สุดในจวนโหวมาตลอด ณ ตอนนี้ กู้หนานเฉิงกำลังจ้องมองภาพวาดภาพหนึ่ง
บนนั้นเป็นภาพวาดของหญิงสาวคนหนึ่ง ดวงตาคู่นั้นมีรอยยิ้ม สวมผ้าคลุมหน้าเอาไว้ สามารถเห็นได้รางๆถึงริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้นบางๆใต้ผ้าคลุมนั้น
นี่เป็นภาพวาดของอี๋เหนียงสาม เขาไม่ใช่คนรู้หนังสือ ไม่สามารถท่องบทกวีและวาดภาพได้ เขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าหยูจิ่นเหนียงยังทิ้งภาพเหมือนเอาไว้
แต่บนใบหน้าทางด้านซ้ายของสาวงามผู้นั้นกลับมีคำว่า”ร่าน”ถูกเขียนเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าถูกเขียนขึ้นไปภายหลัง
ด้านข้างยังมีกวีสองประโยค แม้ว่าเขาจะไม่ถนัดหนังสือ แต่ก็สามารถเข้าใจความหมายของบทกวีบทนี้ได้
“ความแพศยาของหญิงผู้นี้ ยังไม่เทียบเท่านกกระทาที่บินคู่อยู่กลางเวหา”
กู้หนานเฉิงกำภาพเอาไว้ ดวงตาคู่หนึ่งแทบจะลุกเป็นไฟ กล่าวอย่างโมโหว่า:”ผู้ใดเป็นคนเขียน! ฉินเซียงเหลียน!”
กู้ชิวเซียงกำลังพยุงฮูหยินใหญ่ให้เดินเข้ามา แล้วบังเอิญได้เห็นฉากนี้