ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 255 วันเกิดปีที่15
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 255 วันเกิดปีที่15
เซียวอวิ๋นเซิงมองไปทางกู้ชิวเหลิ่งด้วยความสงสัย เขากล่าวว่า “เมื่อครู่เจ้ายังไล่ให้ข้าไป บัดนี้กลับให้ข้าพาเจ้าเดินชมทั่วจวนฉู่อ๋อง กู้ชิวเหลิ่งเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่?”
“ข้าคิดอะไรอยู่นั่นท่านเสียอ๋องน้อยเดามิได้อย่างแน่นอน แต่หากท่านมิยินดี ข้าจะเดินชมเองก็ย่อมได้ เข่อเอ๋อร์ที่อยู่ด้านนอกคงจะคุ้นเคยจวนฉู่อ๋องดีกระมัง”
เซียวอวิ๋นเซิงเหลือบมองไปยังเข่อเอ๋อร์ที่อยู่ข้างนอก โอกาสดีๆ เช่นนี้เขาจะปล่อยให้แก่บ่าวรับใช้คนหนึ่งได้อย่างไรกัน
เซียวอวิ๋นเซิงเก็บพัดแล้วกล่าวว่า “ใครบอกว่าข้ามิยินยอม ต่อให้เจ้าคิดเรื่องร้ายใดอยู่ก็มิอาจปิดบังข้าได้หรอก”
กู้ชิวเหลิ่งเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เซียวอวิ๋นเซิงรู้สึกว่ามิได้เจอกู้ชิวเหลิ่งหลายเดือน แลดูนางสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย นางโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่
เซี่ยอวิ๋นเซิงกล่าวว่า “แม่หนูน้อย ปีนี้เจ้าอายุ 15 แล้วใช่หรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว นางมิรู้ว่าเจ้าของร่างนี้เกิดปีอะไร วันไหน จู่ๆ เซียวอวิ๋นเซิงถามขึ้นเช่นนี้นางก็มิรู้จะตอบอย่างไร
“เซียวโหวเย๋น้อยเอ่ยถามข้าเพื่อสิ่งใด เจ้าจะให้ของขวัญวันเกิดข้าหรือ?”
“เจ้าฝันไปเถิด”
เซียวอวิ๋นเซิงเบ้ริมฝีปากแล้วเมินหน้าหนี ที่จริงเขาได้ดูวันเกิดของกู้ชิวเหลิ่งและรู้ว่ามันผ่านไปแล้ว เพียงแต่ในตอนนั้นกู้ชิวเหลิ่งอยู่ที่แคว้นฉี เขามิอาจที่จะบากหน้าไปให้ของขวัญนางได้
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวขึ้นอย่างเย็นชา “ในเมื่อมิได้คิดให้ของขวัญวันเกิดข้า แล้วจะเอ่ยถึงมันทำไม”
เซียวอวิ๋นเซิงรู้สึกผิดเล็กน้อย เขาเก็บพัดที่อยู่ในแขนเสื้อลงแล้วกล่าวว่า “ข้าก็เพียงแค่ถามดู อีกอย่างข้ามอบของขวัญให้เจ้ามากมาย เจ้าจะมาเรียกร้องของขวัญวันเกิดจากข้าอีกข้าคงมิมีให้เจ้าแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “สิ่งที่เจ้ามอบให้ข้าเหล่านั้น ข้าเก็บเอาไว้อย่างดี และแน่นอนว่าข้าจะมิบังคับเซียวโหวเย๋น้อยมอบของขวัญให้ข้าอีก มิจำเป็น”
“ข้า……”
เซียวอวิ๋นเซิงเกือบที่จะนำพัดที่อยู่ในแขนเสื้อของตนออกมาให้กู้ชิวเหลิ่ง แต่เมื่อครุ่นคิดดูอีกที ที่แห่งนี้คือจวนฉู่อ๋อง ทุกการกระทำของเขาฉู่สวินจะรู้อย่างแน่นอน หากว่าเข้ามอบของขวัญให้แก่กู้ชิวเหลิ่ง ก็ดูเหมือนจะเป็นการแย่งภรรยาคนอื่น
กู้ชิวเหลิ่งแอบสังเกตลักษณะทั่วไปของจวนฉู่อ๋อง จึงมิได้เห็นการกระทำอันเล็กน้อยของเซียวอวิ๋นเซิง
เซียวอวิ๋นเซิงอดมิได้ที่จะเอ่ยถามว่า “เจ้าและฉู่สวินเป็นคู่หมั้นกัน แต่เจ้าก็เป็นพระชายาของอวี้ฉือจ้าน เจ้าเดินทางมาแคว้นเป่ยในครั้งนี้เพื่อสิ่งใดกันแน่”
ริมฝีปากของกู้ชิวเหลิ่งเผยอยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น “ข้ามาทำอะไรน่ะหรือ? เหตุใดเจ้าจึงมิไปเอ่ยถามสหายแสนดีของเจ้าฉู่สวินเล่า”
“หากข้าถามเรื่องใดจากปากเขาได้ ข้าจะมาถามเจ้าทำไมเล่า”
ทุกครั้งที่เซียวอวิ๋นเซิงตั้งใจจะถามคำถามนี้ ฉู่สวินก็จะเบี่ยงเบนไปที่เรื่องอื่น นอกจากเขาจะรู้ว่าฉู่สวินกับกู้ชิวเหลิ่งเป็นคู่หมั้นกันแล้ว เขาก็มิรู้เรื่องอื่นเลย อย่าได้คิดเอ่ยถามสักน้อย
กู้ชิวเหลิ่งครุ่นคิด เรื่องที่เซียวอวิ๋นเซิงถามนางเกี่ยวกับวันเกิดเมื่อครู่ ดูเหมือนนางจะนึกอะไรได้จึงถามขึ้นว่า “เซียวโหวเย๋น้อย เจ้าเคยดูฤกษ์วันเกิดของข้าหรือไม่?”
“มิ……มิเคย ข้าจะไปดูฤกษ์วันเกิดของเจ้าทำไมกัน เจ้าเป็นใครเล่า”
กู้ชิวเหลิ่งครุ่นคิดแล้วพยักหน้า “อ้อ เซียวโหวเย๋น้อยมิเคยเห็นมันนี่เอง ดูเหมือนข้าจะคิดไปเอง ข้าเป็นเพียงแค่บุตรสาวของคนธรรมดา และมิรู้ว่าวันเกิดของตนนั้นคืออะไร ข้ามิเคยมีงานวันเกิดตั้งแต่เด็ก เดิมทีข้าต้องการจะเอ่ยถามจากเซียวโหวเย๋น้อยว่ารู้หรือไม่ เพื่อที่จะได้ให้ตนเองมีวันเกิดสักที ในเมื่อเซียวโหวเย๋น้อยมิรู้ ข้าคิดว่าวันเกิดของข้าคงจะผ่านไปนานแล้วกระมัง”
เซียวอวิ๋นเซิงสัมผัสได้ถึงความเศร้าโศกในแววตาของกู้ชิวเหลิ่งที่ไหลออกมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกใจอ่อน กระแอมออกมาแล้วโกหกว่า “จะว่าไปเรื่องวันเกิดของเจ้า ก่อนหน้านี้ข้าเคยเห็น เอ๋……ดูเหมือนวันเกิดเจ้าจะเป็นวันมะรืนนี้……”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้วคลื่นเล็กน้อย ความรู้สึกเศร้าโศกเมื่อครู่จางหายไปทันที
ที่แท้เจ้าของร่างนี้เกิดวันที่3เดือน9
“นี่ ข้าจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้เจ้าถือว่าสงสาร เอาหรือไม่”
เซียวอวิ๋นเซิงมองไปกู้ชิวเหลิ่ง และพบว่าดูเหมือนกู้ชิวเหลิ่งจะมิสนใจแม้แต่น้อย
กู้ชิวเหลิ่งตอบว่า “ต่อให้ข้าจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดก็มิจำเป็นต้องให้เจ้ามาสงสาร ในแคว้นเป่ยนี้คำพูดของเจ้าหาได้มีผลนักใช่หรือไม่”
“นี่เจ้า……”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวขึ้นขัดจังหวะว่า “จวนฉู่อ๋องนี้ใหญ่นัก เดินได้ประเดี๋ยวเดียวก็เหนื่อยเสียแล้ว”
เมื่อกล่าวจบกู้ชิวเหลิ่งก็หันไปกำชับกับเข่อเอ๋อร์ที่อยู่ข้างหลังว่า “เข่อเอ๋อร์พวกเรากลับกันเถิด”
เซียวอวิ๋นเซิงยืนอยู่ที่เดิมแล้วเอ่ยถามว่า “ข้าเล่า?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “ข้ามิรบกวนเซียซโหวเย๋น้อยแล้ว เจ้าจะเดินเล่นที่จวนฉู่อ๋องอีกหลายวันก็ได้ แต่ที่ต้าเยียนนั้นฮ่องเต้รีบเร่งให้เจ้ากลับไป”
“เจ้า! กู้ชิวเหลิ่งเจ้าไล่ข้าไปอย่างงั้นหรือ”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “ที่ต้าเยียนใช่ว่าจะว่างงาน ในฐานะเซียวโหวเย๋น้อย หน้าที่ของเจ้ามากมายนัก”
กู้ชิวเหลิ่งเดินจากไปแล้ว เซียวอวิ๋นเซิงพูดอะไรมิออก อวี้ฉือจ้านอยากให้เขากลับต้าเยียนหรือ? น่าจะคงเป็นความคิดของอวี้ฉือจ้านมากกว่า
จู่ๆ เซียวอวิ๋นเซิงก็เรียกกู้ชิวเหลิ่งไว้ “ช้าก่อน”
กู้ชิวเหลิ่งหยุดฝีเท้าลงแล้วหันไปเอ่ยถามว่า “เซียวโหวเย๋น้อยมีอะไรจะบอกกับข้าหรือ”
เซียวอวิ๋นเซิงกล่าวว่า “ในที่สุดกู้หนานเฉิงก็ล้มลงแล้ว เขาถูกเนรเทศไปที่หนิงโจว ตระกูลฉินทั้งเก้าโคตรถูกทำลาย ข่าวนี้เพิ่งถูกส่งมาเมื่อวาน”
ความสัมพันธ์ของตระกูลกู้และตระกูลฉินสำหรับนางมิได้มีความสำคัญใด เซียวอวิ๋นเซิงจึงกล่าวขึ้นอีกว่า “บัดนี้กู้ชิวถังเป็นเเม่ทัพใหญ่และฮ่องเต้ชื่นชมเขายิ่งนัก”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า “ขอบคุณสำหรับข่าวของเซียวโหวเย๋น้อย”
“มิเป็นไร”
กู้ชิวเหลิ่งหันไปกล่าวกับเข่อเอ๋อร์ว่า “พวกเราไปกันเถิด”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
เมื่อครู่นางเดินชมจวนฉู่อ๋องพร้อมกับเซียวอวิ๋นเซิงอยู่พักใหญ่ กู้ชิวเหลิ่งพอทำความเข้าใจเกี่ยวกับจวนฉู่อ๋องได้บ้างแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ นางกับเซียวอวิ๋นเซิงเดินเล่นอยู่ในจวนฉู่อ๋องเป็นเวลาเนิ่นนานราวกับกำลังเดินอยู่ในตลาด
ต่อให้ข้างกายจะมีเฉิงตู้อยู่ แต่นางก็มิอาจวางใจลงได้ เนื่องจากที่นี่คือแคว้นเป่ย นางมิเคยชินกับผู้คนและถนนหนทาง ด้านของจวนฉู่อ๋องเองก็มิใช่สถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุด มองจากการที่ฉู่อ๋องต้องมีองครักษ์ลับคอยติดตามก็พอจะรู้ว่าในแคว้นเป่ยผู้ที่อยากจะปลิดชีพฉู่สวินมีมิน้อย
ส่วนนาง หากมีคนในจวนฉู่อ๋องรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับฉู่สวินมิธรรมดา นางคงมิอาจอยู่ในจวนฉู่อ๋องได้เนิ่นนานนัก บัดนี้นางมีความรู้สึกว่านับตั้งแต่ก้าวแรกที่ก้าวเข้ามาในจวนฉู่อ๋อง อวี้ฉือจ้านก็ยากที่จะหานางพบ ส่วนนางก็ยากที่จะออกไป
หากว่าฉู่สวินต้องการจะกักตัวนางเอาไว้ในจวนฉู่อ๋อง ดูเหมือนนางมิมีทางสู้กลับแม้แต่น้อย
นี่แหละคือความแตกต่าง องค์ชายตัวประกันคนหนึ่งที่อยู่ในต่างแคว้นต่างแดนมาเป็นเวลาหลายปี แต่กลับมีอำนาจกว้างขวางใหญ่โตคงมิใช่คนธรรมดาแน่นอน
ส่วนฉู่สวิน……หวังว่าฉู่สวินจะมิกักบริเวณนางไว้ในนี้ มิเช่นนั้นแล้วด้วยความสามารถของนางตามลำพัง ต่อให้มีเฉิงตู้อยู่ข้างกายก็มิอาจออกไปได้