ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 258 การตอบสนองจากภายใน
กู้ชิวเหลิ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ด้านข้างกล่าวว่า “มิเพียงเท่านั้น หากข้าออกไปมิได้ ข่าวคราวที่ข้าอยู่ในจวนฉู่อ๋องก็มิอาจเล็ดลอดไปได้ด้วย จวนฉู่อ๋องนี้มิต่างอันใดกับถังเหล็กที่มิอาจแม้แต่จะมีลมพัดเข้ามาได้ บัดนี้ในใต้หล้าแม้แต่พระราชวังก็ยังมีช่องโหว่ ทว่าในจวนฉู่อ๋องของเจ้ากลับมิเป็นเช่นนั้น ฉู่อ๋องเป็นคนเช่นไร ข้าคิดว่าผู้ใดก็ตามคงรู้มิใช่หรือ”
จี้ต้านจิบน้ำชาเข้าไปอึกหนึ่งแล้วตอบว่า “อืม ดีเยี่ยมนัก มิเสียแรงที่เป็นมู่หรงชิว แม่ทัพหญิงแห่งแคว้นฉี”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “พวกเจ้าจะเล่นปริศนากับข้าไปอีกนานเท่าไร นับตั้งแต่แรกเริ่มก็มิได้ตั้งใจจะบอกข้าว่าข้าเป็นใครใช่หรือไม่ การที่เรียกข้ามาก็เพียงแค่ต้องการหยอกล้อข้าเล่น พวกเจ้ายังต้องการที่จะกักบริเวณร่างนี้ หรือต้องการจะเรียกวิญญาณกู้ชิวเหลิ่งกลับมากันแน่”
เหตุผลนานาประการที่อาจเป็นไปได้ หากจะกล่าวถึงสิ่งที่กู้ชิวเหลิ่งกลัว นั้นก็คงเป็นในข้อสุดท้าย เพราะว่าหากจี้ต้านและฉู่สวินยืนกรานจะเรียกวิญญาณของร่างนี้กลับมา นางก็คงไร้สิ้นหนทาง
เมื่อถึงเวลานั้น อวี้ฉือจ้านจะทำอย่างไร?
ฉู่สวินมิได้เอ่ยสิ่งใด ราวกับว่าเขามอบหมายหน้าที่นี้ให้แก่จี้ต้าน
“คุณหนูกู้มองพวกเราเลวร้ายเกินไปเสียแล้ว ที่ข้าเดินทางมาในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการจะบอกกับคุณหนูกู้ถึงเรื่องตัวตนอันแท้จริงของท่าน ว่าเป็นใครอย่างไรกันแน่”
กู้ชิวเหลิ่งเผยอยิ้มขึ้นอย่างเยือกเย็น “เจ้าต้องการจะบอกว่าตัวตนอันแท้จริงของกู้ชิวเหลิ่งคืออะไรใช่หรือไม่ พวกเจ้าคิดว่าข้ามีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนของกู้ชิวเหลิ่งงั้นหรือ การที่ข้าเดินทางมาแคว้นเป่ยอีกครั้ง ก็เพียงแค่เพราะการหมั้นหมายที่ไร้หลักฐานนั่นต่างหาก”
กู้ชิวเหลิ่งเดินทางมาเพื่อที่จะหาหลักฐานความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขา เพื่อที่จะได้อยู่กินกับอวี้ฉือจ้านอย่างมีความสุข โดยมิมีข้อขัดแย้งใด เรื่องนี้ฉู่สวินรู้ดี และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงใช้ข้ออ้างนี้ในการมัดตัวกู้ชิวเหลิ่งไว้ข้างกาย
จี้ต้านกล่าวว่า “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านมาก ถึงแม้ท่านจะเป็นกู้ชิวเหลิ่งก็ตาม”
“หมายความว่าอย่างไร?”
กู้ชิวเหลิ่งมิเกรงกลัวว่าจี้ต้านจะหลอกนาง เนื่องจากนางมิได้โง่ คำโกหกทั่วไปนั้นมิอาจหลอกนางได้เลย
จี้ต้านกล่าวว่า “ยังจำเรื่องชะตาสาวฟีนิกซ์ที่สวรรค์กำหนดได้หรือไม่?”
แน่นอนว่ากู้ชิวเหลิ่งยังมิลืม ชะตาสาวฟีนิกซ์ที่สวรรค์กำหนดครั้งแรกที่นางได้ยินเรื่องนี้ก็ได้ยินออกมาจากปากของจี้ต้าน ต่อมานางจึงได้รู้เรื่องนี้จากปากของหวาเทียนว่าชะตาสาวฟีนิกซ์ที่สวรรค์กำหนดเป็นของฮองเฮา มิใช่เพียงแค่เป็นฮองเฮาแห่งแคว้นใดแคว้นหนึ่ง แต่นั่นคือชะตาของสตรีผู้สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้า
จี้ต้านกล่าวว่า “ดูเหมือนคุณหนูกู้จะคิดได้แล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าจะกล่าวตามตรง ทั้งกู้ชิวเหลิ่งและมู่หรงชิว พวกเจ้าทั้งสองมีชะตาชีวิตเป็นสาวฟีนิกซ์ที่สวรรค์กำหนด ดังนั้นร่างกายของท่านทั้งสองจึงได้เชื่อมโยงกัน และด้วยความเชื่อมโยงลักษณะพิเศษนี้ จึงทำให้ข้าสามารถทำพิธีชุบฟื้นวิญญาณให้เข้าร่างได้”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจความหมายของท่าน แต่กู้ชิวเหลิ่งตายไปเมื่อหนึ่งปีก่อน ส่วนข้าตายไปเมื่อสี่ปีก่อน ระยะเวลาห่างกันเนิ่นนานเพียงนี้ ท่านทำอย่างไรให้ข้าสามารถมาเข้าร่างนี้ได้อีก หรือท่านจะหยั่งรู้ล่วงหน้าว่าอีกสามปีกู้ชิวเหลิ่งจะตาย”
เมื่อกล่าวถึงการตายของกู้ชิวเหลิ่งบ่อยครั้งเข้า ใบหน้าของฉู่สวินก็ดูแข็งทื่อลง
จุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับฉู่สวินผู้มีความหนักแน่นหนักเช่นนี้ก็คือความรู้สึก ความรู้สึกที่ฉู่สวินมีต่อกู้ชิวเหลิ่งเรียกได้ว่าเป็นจุดตายของเขา
ดูเหมือนจี้ต้านจะมิได้สังเกตเห็นท่าทีของฉู่สวิน เขากล่าวต่อไปว่า “นั่นเป็นเพราะความขุ่นเคืองในใจเจ้าที่มีมากล้น ตอนถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินของแคว้นฉี ข้าได้ทำนายดูดวงชะตา และพบว่าบนท้องฟ้ามีดวงดาวสองดวงตรงข้ามกันตกลงไปดวงหนึ่ง จึงได้คิดถึงวิธีการเรียกวิญญาณกลับมา คนของข้าคอยอยู่เคียงข้างเจ้า เพื่อตอบสนองจากภายใน เพียงแค่เจ้ามิรู้ตัวเท่านั้น”
เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันมิได้ คาดว่าคงจะหมายถึงเหตุการณ์ดังนี้ ระหว่างนางและกู้ชิวเหลิ่งจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่วิญญาณของนางถูกขังอยู่ในคุกใต้ดิน เนื่องจากถูกจวินฉีเซิ่งและมู่หรงอี๋ทำร้ายจนตายจึงออกไปมิได้ และกู้ชิวเหลิ่งถูกท่านอ๋องหกอวี่เหวินหวายอุ้มไปโยนทิ้งแม่น้ำจนจมน้ำตายส่วนตัวนางทำได้เพียงเป็นตัวแทน เข้ามาในร่างของกู้ชิวเหลิ่งได้เท่านั้น
นี่มันต่างอันใดกับเป็นตัวแทนกัน?
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวด้วยความเย็นชาว่า “ผู้ที่เจ้ากล่าวว่าคอยตอบสนองจากภายในนั่นคือจูเอ๋อร์ใช่หรือไม่?”
“ถูกต้องแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งควรจะคิดได้ตั้งแต่แรก กู้ชิวเหลิ่งเสแสร้งแกล้งทำเป็นโง่เง่ามาหลายปีก็เพื่อปิดซ่อนความจริงจากทุกคน รอให้ฉู่สวินเดินทางมาหานาง แต่เรื่องระหว่างกู้ชิวเหลิ่งกับอวี่เหวินเจี๋ย จูเอ๋อร์รู้ดีเป็นที่สุด แม้แต่เรื่องที่เป็นความลับหนักหนา กู้ชิวเหลิ่งก็ได้เอ่ยกับจูเอ๋อร์อย่างจริงใจ และจูเอ๋อร์เมื่ออยู่ต่อหน้านาง ทุกการกระทำแม้จะเป็นไปอย่างสมเหตุสมผล แต่ก็จริงจังเสียจนความลับมิอาจไหลรั่วได้
หากว่าจูเอ๋อร์มิใช่คนที่ถูกส่งมาโดยผู้ที่มีความสำคัญที่สุดในชีวิตกู้ชิวเหลิ่ง แล้วนางจะให้ความสำคัญกับเพียงบ่าวรับใช้คนเดียวได้อย่างไร
ที่สำคัญที่สุดก็คือ ในตระกูลกู้นั้นกู้ชิวเหลิ่งเป็นเพียงแค่บุตรสาวคนหนึ่งของอนุภรรยา ข้างกายนางมีเพียงจูเอ๋อร์เป็นบ่าวรับใช้คนเดียวเท่านั้น ก่อนนี้ ปี้เถาเป็นบ่าวรับใช้ข้างกายฮูหยินใหญ่ ฉู่สวินรู้ได้ถึงการเคลื่อนไหวของนางในต้าเยียน คาดว่าคงจะมีคนรายงานไปให้แก่ฉู่สวินที่อยู่แคว้นเป่ยฟังทุกวัน นอกจากจูเอ๋อร์แล้ว จะมีใครอีกเล่าที่รู้ถึงการกระทำโดยละเอียดของนาง
ก่อนหน้านี้นางรู้สึกว่าเรื่องราวดูผิดปกติไป เพียงแต่มิเคยคิดในแนวทางนี้มาก่อน บัดนี้มองดูแล้วนางเลี้ยงเสือไว้เคียงข้างจริงๆ
“บัดนี้เจ้าควรจะบอกกับข้าว่าเหตุใดข้าจึงต้องใช้ร่างนี้ในการกลับมาอีกครั้ง ฉู่สวิน คนที่เจ้ารักคือกู้ชิวเหลิ่งมิใช่หรือ หลายปีมานี้เจ้าพยายามปกป้องกู้ชิวเหลิ่งมิใช่หรือไร การที่เจ้าให้ข้าไปแทนที่นางอันเป็นที่รัก เจ้ามิรู้สึกว่าตนเองผิดหรือ”
ฉู่สวินมองไปทางกู้ชิวเหลิ่งและกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ ว่า “เหิงเอ๋อร์ตายไปเพราะอุบัติเหตุ วิญญาณของนางมิได้อาฆาตแค้นและรอคอยการกลับมาแก้แค้นเช่นเจ้า วิญญาณของนาง จี้ต้านมิอาจเรียกมารวมได้ แต่ของเจ้านั้นทำได้ และเจ้าก็คือเหิงเอ๋อร์”
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ดูมิดีนัก “เจ้ากำลังกล่าววาจาไร้สาระอะไรกัน”
ฉู่สวินกล่าวว่า “ข้าหมายความว่า การที่เจ้ารู้สึกว่าเจ้าคือกู้ชิวเหลิ่ง นั่นก็เพราะจิตใต้สำนึกของเจ้ายังทำงานอยู่ แต่การที่จี้ต้าน เรียกวิญญาณกลับมา เป็นการเรียกวิญญาณและจิตใต้สำนึกของกู้ชิวเหลิ่งมาฝังไว้ในร่างของเหิงเอ๋อร์เท่านั้น และบัดนี้ดูเหมือนเจ้าคงจะสัมผัสได้ถึงจิตใต้สำนึกของเหิงเอ๋อร์ในร่างนี้”
จี้ต้านกล่าวว่า “วิญญาณมิอยู่แต่จิตใต้สำนึกยังอยู่ เพียงแค่ข้าลบล้างตัวตนของมู่หรงชิวทิ้งไป ทิ้งไว้เพียงแค่ความทรงจำและจิตใต้สำนึกของกู้ชิวเหลิ่ง เช่นนั้นเจ้าก็จะเป็นกู้ชิวเหลิ่ง”
กู้ชิวเหลิ่งเข้าใจการกระทำของฉู่สวินได้ในทันที เนื่องจากชะตาของนางกับสาวฟีนิกซ์ที่สวรรค์กำหนดเชื่อมโยงกันอยู่ ดังนั้นจึงสามารถนำวิญญาณมาอยู่ในร่างของกู้ชิวเหลิ่งได้สำเร็จ แม้ว่าวิญญาณของกู้ชิวเหลิ่งจะมิอยู่แล้ว แต่จิตสำนึกยังอยู่ หากว่าตนถูกลบจิตใต้สำนึกของมู่หรงชิวทิ้งไป เช่นนั้นนางก็จะกลายเป็นกู้ชิวเหลิ่งอย่างสมบูรณ์
“เหิงเอ๋อร์วันที่จิ่นกูกูให้กำเนิดเจ้าคือวันที่5เดือน6 หาใช่วันที่10เดือน8”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้วขึ้น เซียวอวิ๋นเซิงบอกกับนางว่าวันเกิดนางคือวันที่3เดือน9
หรือเป็นเพราะกลัวว่านางมิได้มีวันเกิดอายุครบ 15 ปีแล้วจะเสียใจ จึงได้โกหกนาง?
แต่ในมิช้า เนื่องจากกู้ชิวเหลิ่งตระหนักได้ถึงคำถามอีกคำถามหนึ่งจึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ความหมายของเจ้าคือ กู้ชิวเหลิ่งมิใช่บุตรสาวของกู้หนานเฉิง และเจ้าเรียกหยูจิ่นเหนียงว่ากูกู?”