ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 265 อ๋องเฉิงซีเฮ่อหลันถิง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 265 อ๋องเฉิงซีเฮ่อหลันถิง
ฉู่สวินนั่งอยู่ในห้องหนังสือ ในมือถือม้วนหนังสือเอาไว้ แต่ความคิดไม่ได้อยู่ที่หนังสือนานแล้ว
“ฉู่สวิน ต้องยอมเสียสละก่อนถึงจะได้รับมา ท่านต้องรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองอยากได้จริงๆคืออะไร มีใต้หล้าแล้ว ก็ไม่สามารถมีความรักหญิงชายอีก”
ในหัวนึกถึงคำพูดของจี้ต้านนับครั้งไม่ถ้วน เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร ถ้าหากเขากลายเป็นพระราชาแห่งแคว้นเป่ย เช่นนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะมีโหลวเว่ยเหิงเป็นฮองเฮาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าวันหน้าเขาจะมีภรรยาและสนมมากมาย คนที่รักก็มีเพียงโหลวเว่ยเหิงคนเดียวเท่านั้น เช่นนี้ยังไม่พอหรือ?
เหิงเอ๋อร์ น่าจะเข้าใจเขา
ถึงแม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่ฉู่สวินกลับรู้ดีว่า สิ่งที่จี้ต้านพูดล้วนเป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุด โหลวเว่ยเหิงคือคนที่เด็ดเดี่ยวแน่วแน่คนหนึ่ง ถ้าหากเขาเลือกบัลลังก์ เช่นนั้นโหลวเว่ยเหิงจะต้องจากเขาไปตลอดกาลอย่างแน่นอน
แล้วเขาจะยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?
ฉู่สวินถูแหวนปานจื่อหยกที่อยู่ในมือ หลังจากที่พลิกตัวไปมาทั้งคืน ก็ยังหาวิธีแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมไม่ได้
และในวันรุ่งขึ้น ก็มีข่าวส่งมาจากวังหลวง อ๋องเฉิงซีแห่งแคว้นเป่ยกลับมาจากชายแดนมาถึงเมืองหลวงแล้ว
ตอนที่ได้รับข่าวนี้ บนใบหน้าของฉู่สวินมีความตื่นตะลึงปรากฏขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
อ๋องเฉิงซีเฮ่อหลันถิงเป็นคนที่ค่อนข้างโหดคนหนึ่ง เดิมทีเขานึกว่าเฮ่อหลันถิงจะประจำการอยู่ชายแดนตลอดไป แต่คิดไม่ถึงว่าในเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ ฮ่องเต้จะเรียกตัวเฮ่อหลันถิงกลับมา
เฮ่อหลันถิงเป็นลูกที่ฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบันทรงโปรดปรานมากที่สุด แต่เพราะเมื่อสามปีก่อนตอนนำทัพโจมตีเขตเมืองฆ่าคนวางเพลิงและปล้นสะดม ฮ่องเต้ที่ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านโกรธเคืองอย่างมาก ดังนั้นจึงส่งตัวเฮ่อหลันถิงไปประจำการที่ชายแดน เมื่อไปประจำการก็คือสามปี แม้แต่เขาก็เกือบจะลืมผู้ชายคนนี้ไปแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเฮ่อหลันถิงจะกลับมาในเวลานี้
ความจริงฮ่องเต้ตัดสินใจจะยกบัลลังก์ให้แก่เขาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว เพราะสำหรับฮ่องเต้แล้ว คนที่โปรดปรานที่สุดไม่ใช่ลูกชายแท้ๆของตัวเอง แต่เป็นองค์หญิงวี่หรงมารดาของเขา
ถึงแม้เขาจะไม่รู้เหตุผลที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานองค์หญิงวี่หรงมารดาของเขาเช่นนี้ ถึงขั้นเต็มใจจะสละราชสมบัติให้ แต่รู้ว่าตอนที่มารดาของเขายังเยาว์วัยเคยสละชีวิตช่วยฮ่องเต้เอาไว้ มากกว่าหนึ่งครั้ง
ฮ่องเต้ถึงขั้นยังหวังว่า เขาจะสามารถเป็นฮ่องเต้แห่งแคว้นเป่ย
แต่ว่าตอนนี้ จู่ๆฮ่องเต้ก็เรียกตัวเฮ่อหลันถิงกลับวังหลวง……
ฉู่สวินนึกถึงคำพูดที่จี้ต้านกล่าวมาเมื่อวานนี้ น้ำเสียงที่คลุมเครือไม่ชัดเจนนั่นดูเหมือนจะมีความหมายบางอย่างอยู่
หรือจะเป็นเพราะว่าฮ่องเต้จะเรียกตัวเฮ่อหลันถิงกลับเมืองหลวง?
เวลานี้ ฉู่สวินเข้าใจความคิดของฮ่องเต้แล้ว เรียกตัวเฮ่อหลันถิงกลับเมืองหลวง ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น แต่เพื่อโหลวเว่ยเหิง
นี่คือการเตือนของฮ่องเต้ ให้เขาเลือกระหว่างบัลลังก์กับผู้หญิง
“ดี ดีจริงๆ”
ฉู่สวินหรี่ตาลงอย่างคุกคาม ในใจของฮ่องเต้ ถึงแม้จะดูแลเขาอย่างดี แต่ก็แฝงไปด้วยภัยคุกคามของอำนาจ ผู้หญิงกับอำนาจไม่สามารถมีได้ทั้งสองอย่างได้ ไม่ผู้หญิง ก็บัลลังก์
และทุกสิ่งทุกอย่างนี้ สาเหตุน่าเป็นเพราะอวี้ฉือจ้าน
อิทธิพลของผู้ชายคนนี้ จะดูแคลนไม่ได้จริงๆ
เข่อเอ๋อร์คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวว่า: “นายท่าน ฮองเฮาเรียกตัวจวิ้นจู่เหิงเข้าวังไปแล้ว”
ฉู่สวินขมวดคิ้ว: “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“เมื่อครู่นี้”
เสียงของฉู่สวินค่อนข้างเย็นชา: “ทำไมถึงไม่ขวางเอาไว้?”
เข่อเอ๋อร์รีบร้อนกล่าวว่า: “ไม่ใช่ว่าข้าน้อยไม่ขวางเอาไว้ แต่ไม่กล้าจะขวางต่างหาก คนที่มาคือฟางกูกูที่อยู่ข้างกายฮองเฮา ไม่พูดอะไร ก็พาจวิ้นจู่เหิงไปอย่างใช้ทั้งไม้อ่อนและไม้แข็ง……และจวิ้นจู่เหิงเองก็ให้ข้าน้อยไม่ต้องสนใจมาก นางไปครู่เดียวเดี๋ยวก็กลับ”
“บัดซบ! เจ้าคิดว่าไปครู่เดียวเดี๋ยวก็กลับจริงๆหรือ? ฮองเฮาจะมีเวลาว่างเรียกตัวเหิงเอ๋อร์ไปพบได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่าเป็นคำสั่งของฝ่าบาทชัดๆ!”
เข่อเอ๋อร์รีบร้อนคารวะหน้าผากแตะพื้น กล่าวว่า: “เพราะข้าน้อยจัดการเรื่องราวไม่ถูกต้อง ขอนายท่านโปรดลงโทษด้วย!”
ฉู่สวินกลัดกลุ้มเรื่องที่ฮ่องเต้เรียกตัวอ๋องเฉิงซีกลับเมืองหลวงอยู่ก่อนแล้ว ตอนนี้โหลวเว่ยเหิงก็มาถูกฮองเฮาเรียกตัวไปอีก ไปครั้งนี้น่าจะต้องอยู่แปดเก้าวันถึงจะสามารถกลับมาได้
ฉู่สวินอดกลั้นความโกรธเอาไว้ ตอนนี้จะขัดแข้งขัดขาตัวเองก่อนไม่ได้เด็ดขาด
“เสวียนอี พานางออกไป โบยสามสิบที”
เสวียนอีเดินเข้ามา กล่าวขึ้นมาอย่างเคารพนบนอบ: “ข้าน้อยรับคำสั่ง”
เข่อเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมา มองดูฉู่สวินที่โหดเหี้ยมไร้ความปรานี ไม่เห็นนางอยู่ในสายตาเลย
เข่อเอ๋อร์รู้สึกเหมือนหัวใจถูกมีดกรีดในทันใด อยู่ข้างกายฉู่สวินมาหลายปีขนาดนี้ แต่ฉู่สวินปฏิบัติต่อนาง ก็แค่เจ้านายปฏิบัติต่อผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น ไม่มีความรู้สึกส่วนตัวเลย
เสวียนอีลากตัวเข่อเอ๋อร์ลงไป เห็นความรู้สึกที่เข่อเอ๋อร์มีต่อฉู่สวินในสายตานานแล้ว
หลังจากที่เข่อเอ๋อร์ไปรับการโบยด้วยตัวเองแล้ว เสวียนอีถึงได้กล่าวขึ้นมาว่า: “เข่อเอ๋อร์อยู่เคียงข้างท่านมานานขนาดนี้ เกรงว่าคงมีใจนอกลู่นอกทางแล้ว”
ฉู่สวินกล่าวออกมาอย่างราบเรียบ: “เจ้าจับตาดูให้ดี ถึงแม้ความสามารถนางจะไม่เลว แต่วันหน้าไม่สามารถอยู่ข้างกายเหิงเอ๋อร์ได้แล้ว มีความคิดซับซ้อนมากเกินไป ช้าเร็วจะทำลายงานใหญ่ของข้า”
“ขอรับ”
ฉู่สวินขมวดคิ้ว กล่าวว่า: “เจ้าไปที่วังหลวง บอกว่าเป็นคำสั่งของข้า ให้เจ้าเป็นองครักษ์อยู่ข้างกายของเหิงเอ๋อร์ ปกป้องความปลอดภัยของนางในช่วงนี้”
เสวียนอีกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก: “ข้าน้อยปกป้องความปลอดภัยของนายท่านมาโดยตลอด”
ฉู่สวินกล่าวว่า: “ความปลอดภัยของนาง สำคัญกว่าข้ามาก เจ้าปกป้องนาง ก็เท่ากับปกป้องข้า”
“……ข้าน้อยรับคำสั่ง”
เสวียนอีหยุดอยู่กับที่ ถึงแม้จะพูดว่ารับคำสั่งแล้ว แต่กลับไม่ยอมเคลื่อนไหว
ฉู่สวินขมวดคิ้ว กล่าวว่า: “ทำไม? คำพูดของข้า เจ้าฟังไม่เข้าใจหรือ?”
เสวียนอีลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า ได้แต่กล่าวว่า: “ข้าน้อยขออำลา”
ทางด้านนี้ โหลวเว่ยเหิงติดตามฟางกูกูเดินไปยังตำหนักฮองเฮาไปตามทางสวนยวี่ฮวา
โหลวเว่ยเหิงคิดพิจารณาในใจ ครั้งนี้น่าจะไม่ใช่ฮองเฮาเรียกนางไป อาจจะเป็นเจตนาของฝ่าบาท
อวี้ฉือจ้านไม่เพียงแค่มีชื่อเสียงในต้าเยียนเท่านั้น ในแต่ละแคว้นก็มีบารมีอย่างมากเช่นกัน ครั้งนี้ฮ่องเต้น่าจะวางแผนให้ฮองเฮา ถือโอกาสรั้งนางไว้ที่วังหลวง
อาจจะไม่ใช่ว่าไม่อยากให้นางแต่งงานกับฉู่สวิน นี่ก็ทำให้ยิ่งมั่นใจมากขึ้น นางไม่ใช่โหลวเว่ยเหิงอะไรนี่เลย แต่เป็นกู้ชิวเหลิ่ง ภรรยาของอวี้ฉือจ้าน
กำลังไตร่ตรองอยู่ โหลวเว่ยเหิงก็รู้สึกว่าตัวเองชนเข้ากับหน้าอกที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กเข้า อดที่ถอยหลังสองก้าวไม่ได้ มือที่แข็งแกร่งทรงพลังข้างหนึ่งดึงตัวโหลวเว่ยเหิงเอาไว้ ใบหน้าหล่อเหลาเด็ดเดี่ยว ดวงตานั่นเหมือนกับงูพิษ ทำให้คนอดที่จะตัวสั่นไม่ได้
โหลวเว่ยเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ก็ยังโค้งคำนับเล็กน้อย กล่าวว่า: “คำนับอ๋องเฉิงซี”
เฮ่อหลันถิงเลิกคิ้ว เขาจากวังหลวงไปนานขนาดนี้แล้ว ทุกอย่างของวังหลวงอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ในความทรงจำไม่เคยมีเงาร่างของผู้หญิงคนนี้ แสดงให้เห็นว่าทั้งสองคนไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ว่าผู้หญิงคนนี้กลับสามารถรู้ฐานะของเขาได้ ช่างน่าสนใจจริงๆ
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคืออ๋องเฉิงซี?”
โหลวเว่ยเหิงก้มหน้าเอาไว้ กล่าวว่า: “อ๋องเฉิงซีประจำการอยู่ที่ชายแดนเหน็ดเหนื่อยตรากตรำและมีผลงานใหญ่หลวง กลับเมืองหลวงมาวันนี้ ในเมืองหลวงแห่งนี้สามารถมีบุคลิกท่าทางเช่นนี้ได้ก็มีเพียงอ๋องเฉิงซีคนเดียวเท่านั้นแล้ว”
เฮ่อหลันถิงรู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงกล่าวว่า: “เจ้าเงยหน้ามาให้ข้าดูหน่อย”
โหลวเว่ยเหิงเงยหน้าขึ้นมา เห็นเพียงดวงตาที่มีเสน่ห์เย้ายวนใจคู่หนึ่ง ริมฝีปากแดงงดงามหยดย้อย ผิวขาวจนเหมือนกับไข่ที่เพิ่งปอกเปลือกมาหมาดๆ ช่างเป็นสาวงามที่งดงามอย่างมากคนหนึ่งจริงๆ
“คือจวิ้นจู่เหิงที่เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งใช่หรือไม่?”