ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 266 เดินไปทางเดียวกัน
โหลวเว่ยเหิงมองดูฟางกูกูที่อยู่ด้านข้างครู่หนึ่ง ฟางกูกูรีบกล่าวขึ้นมาทันที: “เรียนท่านอ๋อง ฮองเฮายังรอให้จวิ้นจู่เหิงไปเข้าเฝ้าอยู่”
“ข้าก็กำลังจะไปหาเสด็จแม่พอดี งั้นก็ไปพร้อมกันเถอะ”
เฮ่อหลันถิงเดินนำหน้าไปก่อน แต่กลับจงใจชะลอฝีเท้าลง ฟางกูกูกล่าวขึ้นมาอย่างลังเล: “ท่านอ๋อง นี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่”
“ฟางกูกู ถึงแม้จะบอกว่าทั้งชายและหญิงจะยังไม่แต่งงาน แต่ว่าตอนนี้จวิ้นจู่เหิงเป็นจวิ้นจู่แล้ว มีความสัมพันธ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับข้า อีกอย่างมีท่านอยู่ข้างกาย หรือว่าข้ายังจะมีการกระทำที่ก้าวข้ามกฎเกณฑ์อะไรออกมา?”
ฟางกูกูรียร้อนกล่าวว่า: “บ่าวมิกล้า”
ต้องบอกว่าเฮ่อหลันถิงเป็นลูกชายสายเลือดโดยตรงของฮองเฮา ฟางกูกูก็เป็นคนเลี้ยงดูมากับมือ แต่ว่าหลังจากที่เฮ่อหลันถิงเติบโตแล้ว นิสัยก็เปลี่ยนไป แม้แต่ฟางกูกูที่เฝ้ามองเขาเติบโตมาตั้งแต่เด็ก ก็ไม่กล้าขัดแม้แต่ครึ่งคำ
เพียงแต่ว่าฮองเฮากับฝ่าบาทก็กลัวว่าราชวงศ์แคว้นเป่ยจะมีใจปรารถนาในตัวโหลวเว่ยเหิง ดังนั้นถึงได้พาตัวโหลวเว่ยเหิงออกมาจากข้างกายของฉู่สวิน ก็เพื่อจะให้โหลวเว่ยเหิงกับอวี้ฉือจ้านรีบกลับต้าเยียนไป แต่ว่าตอนนี้เฮ่อหลันถิงกลับจะเข้าใกล้โหลวเว่ยเหิงให้ได้ จะไม่เป็นการทำให้ฮองเฮาลำบากใจหรอกหรือ?
ฟางกูกูได้แต่หวังว่าเรื่องที่โหลวเว่ยเหิงกับเฮ่อหลันถิงเดินไปด้วยกันอย่าให้อวี้ฉือจ้านได้เห็นเข้า
เฮ่อหลันถิงก็ไม่ใช่คนโง่ ก็แค่เดินอยู่กับจวิ้นจู่เท่านั้น จะทำให้ฟางกูกูมีปฏิกิริยาขนาดนี้ได้อย่างไร? น่าจะเป็นเพราะว่าโหลวเว่ยเหิงคนนี้มีพื้นเพที่ไม่ธรรมดา ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็มีใจคิดคำนวณนานแล้ว
เฮ่อหลันถิงเฝ้าประจำการที่ชายแดนมาหลายปีขนาดนี้ ความโหดเหี้ยมรุนแรงมากกว่าเมื่อสามปีที่แล้วเสียอีก กลับเมืองหลวงในครั้งนี้ เขาก็มาเพื่อบัลลังก์ ย่อมไม่ทำเรื่องที่ทำลายคนอื่นแต่ไม่มีประโยชน์ต่อตนเองอยู่แล้ว แต่วันแรกที่กลับเข้าวัง เขามีใจอยากจะแก้แค้นเล็กน้อยจริงๆ
อย่างไรก็ตามสิ่งที่คนของฝ่าบาทกับฮองเฮาพูดออกมา เขาจะทำตรงกันข้ามทั้งหมด
ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้สึกว่าจวิ้นจู่เหิงที่เพิ่งจะได้รับการแต่งตั้งคนนี้ ก็ค่อนข้างน่าสนใจทีเดียว
โหลวเว่ยเหิงรักษาระยะห่างกับเฮ่อหลันถิงตลอดทาง แต่ว่าเฮ่อหลันถิงก็เกาะติดเข้ามาเหมือนกับกอเอี้ยะหนังวัว
ไม่เพียงแค่โหลวเว่ยเหิงเท่านั้นที่ขมวดคิ้ว แม้แต่ฟางกูกูก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นกัน
ไม่รู้ว่าทำไม มักจะรู้สึกว่าท่านอ๋องท่านนี้ไม่ได้ปราดเปรื่องมองการณ์ไกลและองอาจเหมือนอย่างเล่าลือขนาดนั้น ออกจะดูเหมือนเด็กน้อย ที่กำลังโกรธฮองเฮาฝ่าบาทเล็กน้อย
จู่ๆเฮ่อหลันถิงก็ยื่นเท้าออกมาข้างหนึ่ง ดีที่โหลวเว่ยเหิงหูตาว่องไว ดังนั้นถึงได้หลบออกไปได้
ฟางกูกูเห็นภาพฉากนี้อยู่ในสายตา เฮ่อหลันถิงก็เก็บเท้ากลับมาเร็วเช่นกัน ไม่ทิ้งร่องรอยเลยแม้แต่น้อย
แตกต่างไปจากกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะทั่วไปจริงๆ หากเป็นกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่มีฐานะทั่วไป เวลานี้คงจะล้มอยู่บนพื้น บอบบางและอ่อนแอเกินกว่าจะเดินได้นานแล้ว
สายตาของเฮ่อหลันถิงเคลื่อนย้ายอยู่บนร่างกายของโหลวเว่ยเหิง ถึงแม้เขาจะอยู่ห่างไกลถึงชายแดน แต่กลับรู้ว่าโหลวเว่ยเหิงได้รับการแต่งตั้งหลังจากที่ฉู่สวินพามาถึงหน้าฮ่องเต้เมื่อสองสามวันก่อน
ในเมื่อเป็นผู้หญิงของฉู่สวิน จะต้องน่าสนใจกว่าผู้หญิงอื่นอย่างมากแน่นอน
เฮ่อหลันถิงอยู่ในสถานที่เปล่าเปลี่ยวห่างไกลอย่างชายแดน นอกจากนางสนมสองคนที่ติดตามอยู่ข้างกายเมื่อหลายปีก่อน ก็ไม่มีพระชายารองและพระชายาเอก หลายปีมานี้นอกจากนางสนมสองคนนั้นก็ไม่มีผู้หญิงอื่นอีก เวลาเล่นขึ้นมาอาจจะไม่สบายนัก
เห็นโหลวเว่ยเหิงหน้าตางดงาม ในใจก็รู้สึกมันเขี้ยวในใจ ถึงแม้นี่จะไม่ใช่การกระทำของสุภาพบุรุษ แต่ว่าทุกคนล้วนมีใจรักในความสวยงามอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้นโหลวเว่ยเหิงดูเหมือนดอกไม้ตูมที่กำลังรอจะเบ่งบาน ทำให้คนเอ็นดูรักใคร่จริงๆ
มาถึงหน้าประตูตำหนักฮองเฮาแล้ว โหลวเว่ยเหิงในฐานะที่เป็นจวิ้นจู่ ย่อมไม่กล้าเดินอยู่หน้าเฮ่อหลันถิงก่อนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงกล่าวว่า: “ท่านอ๋องเชิญก่อนเลย”
สายตาของเฮ่อหลันถิงถึงได้ย้ายออกไปจากร่างกายของโหลวเว่ยเหิง กล่าวว่า: “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว”
ตลอดทางที่เดินมานี้ ฟางกูกูดูออกแล้วว่าเฮ่อหลันถิงเกิดความรู้สึกชอบในตัวโหลวเว่ยเหิง ในใจรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย นี่ถ้าให้ฮองเฮารู้เข้า คงต้องใช้ความคิดไม่น้อยอีกแน่
ยิ่งไปกว่านั้นเฮ่อหลันถิงจากไปสามปีแล้ว ระหว่างแม่ลูกเกรงว่ายังมีช่องว่างในตอนนั้นอยู่
แวบแรกของฮองเฮามองไม่เห็นโหลวเว่ยเหิง แต่กลับมองเห็นเฮ่อหลันถิง
ฮองเฮาลุกขึ้นมาในทันที แต่หลังจากนั้นก็ตระหนักได้ว่ากิริยาของตัวเองไม่เหมาะสม ดังนั้นจึงนั่งลงไปใหม่ สายตาหยุดอยู่ที่เฮ่อหลันถิงตลอด นั่นเป็นถึงลูกชายสายเลือดโดยตรงของนางและก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียว แม่และลูกชายไม่ได้พบหน้ากันมาสามปีแล้ว
“กระหม่อมคำนับเสด็จแม่”
“เหิงเอ๋อร์คำนับฮองเฮา”
ฮองเฮามองไปที่ฟางกูกูครู่หนึ่ง นั่นดูเหมือนกำลังถามว่า ทำไมโหลวเว่ยเหิงถึงได้มาพร้อมกับเฮ่อหลันถิงได้
ฟางกูกูเพียงแค่ส่ายหน้า ฮองเฮาก็ไม่สามารถให้ทั้งสองคนคุกเข่านานเกินไปได้ ดังนั้นจึงกล่าวว่า: “ลุกขึ้นมากันเถอะ เด็กๆ ประทานที่นั่ง”
“ขอบพระทัยฮองเฮา”
“ขอบพระทัยฮองเฮา”
ฮองเฮามองดูโหลวเว่ยเหิงแค่เพียงครู่เดียว หลังจากนั้นสายตาก็หยุดอยู่ที่เฮ่อหลันถิงตลอด
“ไม่ได้พบกันสามปี ถิงเอ๋อร์สูงขึ้นมาไม่น้อย และก็คล้ำลงด้วย หลายปีมานี้อยู่ที่ชายแดนเคยชินหรือไม่? ไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อเจ้าหรือยัง?”
ฮองเฮาถามคำถามมากมายในรวดเดียว เฮ่อหลันถิงก็เพียงแค่กล่าวว่า: “ทุกอย่างเรียบร้อยดี กระหม่อมไปน้อมทักทายต่อเสด็จพ่อแล้ว”
ฮองเฮาพยักหน้า กลัวว่าเฮ่อหลันถิงจะยังโกรธเรื่องที่นางไม่ช่วยขอร้องแทนเขาเมื่อสามปีก่อนอยู่ เห็นเฮ่อหลันถิงไม่ได้คิดจะพูดกับนาง ดังนั้นฮองเฮาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปที่ตัวโหลวเว่ยเหิง: “เหิงเอ๋อร์ นี่คืออ๋องเฉิงซีเฮ่อหลันถิง ตอนนี้เจ้าเป็นจวิ้นจู่ เขาก็ถือว่าเป็นพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเจ้าด้วยเช่นกัน”
ฮองเฮาเน้นคำว่าพี่ชายลูกพี่ลูกน้อง แล้วโหลวเว่ยเหิงจะฟังความหมายของฮองเฮาไม่ออกได้อย่างไร?
แต่ว่าความจริงในแคว้นเป่ย ลูกพี่ลูกน้องแต่งงานกันก็มีไม่น้อย ความหมายในคำพูดของฮองเฮา กลับหวังว่าระหว่างนางกับเฮ่อหลันถิงจะไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
เดิมทีโหลวเว่ยเหิงอยากจะเอ่ยปากรับคำ แต่กลับถูกเฮ่อหลันถิงชิงกล่าวตัดหน้า: “กระหม่อมเคยพบเหิงเอ๋อร์แล้ว นางเฉลียวฉลาดอย่างมาก มองแวบแรกก็รู้ฐานะของกระหม่อม มีไหวพริบมากจริงๆ”
“อ๋อ? เหิงเอ๋อร์เฉลียวฉลาดขนาดนั้นเลย”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ก็แค่ลักษณะท่าทางของท่านอ๋องไม่ธรรมดา ดังนั้นเหิงเอ๋อร์ก็เลยบังเอิญรู้เท่านั้น ฮองเฮากับท่านอ๋องชมเกินไปแล้ว”
ฮองเฮาเผยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ตรัสว่า: “เหิงเอ๋อร์ช่างถ่อมตนจริงๆ ความจริงข้าไม่มีลูกสาวมาโดยตลอด และรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้ง ถ้าหากว่าเหิงเอ๋อร์ยินดี ข้าจะรับเจ้าไว้เป็นลูกบุตรธรรม เจ้าจะยินดีหรือไม่?
เฮ่อหลันถิงเลิกคิ้ว เข้าใจเจตนาของฮองเฮาในทันที ก่อนที่โหลวเว่ยเหิงจะพูดอะไร จู่ๆถ้วยชาที่อยู่ในมือก็กระแทกอยู่บนพื้น น้ำชาสาดไปทั่วทั้งร่างกาย
ความคิดของฮองเฮาถูกดึงกลับมาที่เฮ่อหลันถิงในทันที กล่าวขึ้นมาอย่างร้อนใจ: “เกิดอะไรขึ้น? ถิงเอ๋อร์ เจ้าโดนลวกหรือไม่? เด็กๆ ยังไม่รีบพาท่านอ๋องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก!”
เฮ่อหลันถิงกล่าวขึ้นมาอย่างราบเรียบ: “ก็ไม่มีอะไร เสด็จแม่เป็นห่วงเกินไปแล้ว”
ฟางกูกูรีบเดินมาถึงข้างกายของเฮ่อหลันถิงทันที กล่าวว่า: “บ่าวพาท่านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ตำหนักบรรทม”
“อืม”
หลังจากที่เฮ่อหลันถิงจากไปก็เหลือบมองโหลวเว่ยเหิงครู่หนึ่ง ความจริงถึงแม้เฮ่อหลันถิงจะไม่ทำเช่นนี้ นางก็ไม่ยอมรับใครเป็นแม่ไปเรื่อยอยู่แล้ว
ฮองเฮาจัดการรูปลักษณ์ของตัวเองครู่หนึ่ง ตรัสว่า: “ความจริงที่ข้าเรียกเจ้ามาในครั้งนี้ เพราะชอบเจ้ามากจริงๆ ดังนั้นจึงเชิญเจ้ามาพำนักที่วังหลวงสองสามวัน ทางด้านจวนอ๋องฉู่ ข้าจะให้คนไปแจ้ง เจ้าอยู่อย่างสบายใจก็พอ เรื่องอื่นไม่ต้องเป็นกังวล”