ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 268 ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศไม่ได้
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 268 ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศไม่ได้
สิ่งที่อวี้ฉือจ้านกล่าวมาล้วนเป็นส่วนที่เป็นส่วนตัวที่สุดในร่างกายของโหลวเว่ยเหิงทั้งนั้น แม้แต่เข่อเอ๋อร์ที่ปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายก็ไม่แน่ว่าจะรู้ชัดเจนขนาดนี้ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนอื่น?
ตอนที่อวี้ฉือจ้านกล่าวคำพูดนี้ออกมา โหลวเว่ยเหิงก็เชื่ออวี้ฉือจ้านไปมากกว่าครึ่งแล้ว
แต่ว่าพูดเรื่องพวกนี้ออกมาต่อหน้า โหลวเว่ยเหิงก็ยังรู้สึกหน้าแดงอยู่ดี
ในความทรงจำไม่มีคนคนนี้แท้ๆ แต่ว่าคนคนนี้กลับสามารถบอกส่วนที่เป็นความลับบนร่างกายของนางออกมาได้
ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนได้ยินแล้ว ก็รู้สึกหน้าแดงทั้งนั้น
อวี้ฉือจ้านมองดูแก้มที่เริ่มแดงขึ้นของโหลวเว่ยเหิง กล่าวว่า: “เจ้าให้ข้าหุบปาก คือเชื่อข้าแล้ว?”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ข้าเชื่อท่านแล้วอย่างไร? แต่ข้าจำท่านไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แล้วทำไมต้องไปกับท่านด้วย?”
“เจ้าเป็นภรรยาของข้า ถึงแม้ว่าเจ้าจะจำข้าไม่ได้ ข้าก็สามารถทำให้เจ้านึกขึ้นมาได้”
อวี้ฉือจ้านค่อยๆเข้าไปใกล้โหลวเว่ยเหิงทีละนิดทีละนิด โหลวเว่ยเหิงกลับไม่ได้ถอยหลังออกไปเลย
มักจะรู้สึกว่านางโหยหาอ้อมกอดนี้ โหยหามานานแล้ว
อวี้ฉือจ้านกอดโหลวเว่ยเหิงเอาไว้แน่น เสียงทุ้มต่ำและแหบแห้ง: “ข้าได้ให้เมิ่งจิ่วเดินทางมายังแคว้นเป่ยแล้ว ถึงเวลาเขาจะรักษาอาการสูญเสียความทรงจำของเจ้าให้หาย”
“เมิ่งจิ่ว?”
อวี้ฉือจ้านลูบผมของโหลวเว่ยเหิงเบาๆ กล่าวว่า: “พักผ่อนดีๆ ข้ากลับก่อนแล้ว”
อวี้ฉือจ้านจุมพิตตรงหน้าผากของโหลวเว่ยเหิง
โหลวเว่ยเหิงชะงักไปเล็กน้อย หลังจากที่อวี้ฉือจ้านจากไปแล้ว ถึงได้สติกลับมา
ในความทรงจำดูเหมือนกับว่ามีบางอย่างปรากฏขึ้นมา รู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างมาก
ถึงแม้หลายวันมานี้ฉู่สวินจะดีต่อนางมากแค่ไหน นางก็ไม่มีความรู้สึกอบอุ่นที่แท้จริงแบบนี้
แต่กับอวี้ฉือจ้าน กลับรู้สึกถึงความรักที่อวี้ฉือจ้านมีต่อนางได้อย่างชัดเจน
และในเวลานี้ จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูดังมาจากหน้าประตู
โหลวเว่ยเหิงขมวดคิ้ว เดินออกมาจากฉากบังตา สวมเพียงเสื้อชั้นในที่เบาบางตัวเดียว กล่าวว่า: “เข้ามา”
ไม่ใช่นางกำนัล คนที่ผลักประตูเข้ามาคือเสวียนอี
เสวียนอีเห็นโหลวเว่ยเหิงสวมเสื้อชั้นในทั้งชุด บนเส้นผมยังมีหยดน้ำหยดลงมา เหมือนเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ
เสวียนอีก้มหน้าลงทันที โหลวเว่ยเหิงกลับไม่ได้คิดอะไรมาก แต่กล่าวถามว่า: “ฉู่สวินให้เจ้ามาหรือ?”
เสวียนอีกล่าวขึ้นมาอย่างเคารพนบนอบ: “นายท่านให้ข้าน้อยเฝ้าอยู่ข้างกายจวิ้นจู่”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวออกมาอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย: “เจ้ากลับไปบอกเขา เจ้าอยู่ข้างกายข้า ถึงจะเป็นความไม่ปลอดภัยอย่างแท้จริง”
เสวียนอีขมวดคิ้ว: “จวิ้นจู่กล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”
“คนในวังหลวงล้วนไม่มีความโกรธแค้นใดๆกับข้าทั้งนั้น นอกจากเจ้าที่ไม่ต้องการให้ข้าปรากฏตัวอยู่ข้างกาย ฉู่สวินแล้ว น่าจะไม่มีคนอื่นแล้วมั้ง?”
เสวียนอีไม่ต้องการให้โหลวเว่ยเหิงปรากฏตัวอยู่ข้างกายฉู่สวินจริงๆนั่นแหละ ฉู่สวินเป็นเจ้านายของเขา และเป็นว่าฮ่องเต้ที่แท้จริงในอนาคต แต่ว่าหลายปีมานี้ความใส่ใจที่ฉู่สวินมีต่อโหลวเว่ยเหิงกลับก้าวข้ามจุดที่เป็นการขัดขวางงานใหญ่ของฉู่สวินแล้ว
สิ่งที่จี้ต้านพูดกับฉู่สวินเมื่อวาน เขาแอบได้ยินหมดแล้ว
เริ่มตั้งแต่เมื่อวาน อคติที่เสวียนอีมีต่อโหลวเว่ยเหิงก็ยิ่งมีมากขึ้น ดังนั้นวันนี้ตอนที่ฉู่สวินให้เขามาปกป้องโหลวเว่ยเหิง เขาถึงได้ต่อต้านขนาดนั้น
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ฉู่สวินรักและเชื่อใจเจ้าขนาดนี้ หลายปีมานี้ก็ให้เจ้าอยู่เคียงข้างมาตลอด ตามติดอย่างใกล้ชิด ตอนนี้เจ้าถูกส่งมาข้างกายของข้า เจ้าไม่เป็นห่วงความปลอดภัยของฉู่สวินหรือ? ทำตามที่ข้าพูด เจ้ากลับไปตอนนี้เลย บอกว่าข้าไม่ชอบให้เจ้าที่เป็นผู้ชายอยู่ข้างกายของข้า เช่นนี้จะไม่เป็นการจบปัญหาทั้งหมดหรอกหรือ? เจ้ากับข้าต่างคนต่างอยู่ ข้าก็ไม่อยากจะเห็นใบหน้าเย็นชาของเจ้า”
เสวียนอีหน้าดำหน้าแดง เขาเป็นถึงชายชาตรีสูงแปดฟุต กลับถูกสาวน้อยอย่างโหลวเว่ยเหิงรังเกียจ ในใจรู้สึกไม่พอใจอยู่นานแล้ว หลังจากโหลวเว่ยเหิงพูดเช่นนี้ เสวียนอีก็เดินจากไปด้วยความโมโหโดยตรง สุดท้ายแม้แต่คำสุภาพก็ไม่มีแล้ว
โหลวเว่ยเหิงมองดูเสวียนอีจากไป ก็เผยสีหน้าท่าทางแปลกประหลาดออกมาเล็กน้อย ฉู่สวินน่าจะรู้ว่านางจะไม่ได้รับอันตรายใดๆในวังหลวง แต่ก็ยังจะส่งเสวียนอีมา ประการแรกก็เพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญต่อนาง ประการที่สองคือต้องการจะให้เสวียนอีมาเฝ้าดูอยู่ข้างกายตัวเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ โหลวเว่ยเหิงก็ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่า ตัวเองก็คือกู้ชิวเหลิ่ง
มิเช่นนั้นฉู่สวินคงจะไม่ให้ความสำคัญจนต้องให้เสวียนอีมาอยู่ข้างกายของนาง เพราะกลัวว่าอวี้ฉือจ้านจะเข้าหานาง
โหลวเว่ยเหิงขมวดคิ้ว กล่าวพึมพำกับตัวเองว่า: “ฉู่สวิน ท่านยังมีเรื่องปิดบังข้าอยู่เท่าไหร่กันแน่?”
โหลวเว่ยเหิงมีลางสังหรณ์ว่า การสูญเสียความทรงจำต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับฉู่สวินแน่
กำลังนวดหว่างคิ้วที่ปวดอยู่ หนึ่งในนางกำนัลก็เดินเข้ามา กล่าวขึ้นมาด้วยความเคารพนบนอบ: “ไม่ทราบว่าจวิ้นจู่อาบน้ำเสร็จหรือยัง?”
โหลวเว่ยเหิงโบกไม้โบกมือ กล่าวว่า: “เจ้าไปเก็บกวาดเถอะ อีกสักครู่ข้าจะพักผ่อนแล้ว”
“เจ้าค่ะ”
และในตอนที่นางกำนัลกำลังจะเดินเข้ามา จู่ๆโหลวเว่ยเหิงก็รู้สึกว่าไม่สบายท้องอย่างมาก ตอนมื้อเที่ยงก็ไม่ได้กินอะไรไปมากแท้ๆ แต่กลับอดที่จะอาเจียนออกมาไม่ได้
“จวิ้นจู่ ท่านไม่สบายหรือไม่?”
โหลวเว่ยเหิงคลื่นไส้อาเจียนไปสักพักหนึ่ง อาเจียนอาหารที่กินในตอนค่ำออกมาเล็กน้อย สงบสติอารมณ์ลงมา กล่าวว่า: “ไม่มีอะไร อาจเป็นเพราะปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศไม่ได้”
“จวิ้นจู่ ถ้าอย่างไรเชิญหมอหลวงมาดูหน่อยเป็นไร?”
“ไม่ ไม่ต้อง เจ้าเก็บกวาดเสร็จแล้วก็ออกไปเถอะ”
โหลวเว่ยเหิงนั่งอยู่บนเตียง แล้วนอนราบ หวังจะสามารถบรรเทาอาการไม่สบายในกระเพาะอาหาร แต่ชั่วครู่เดียวก็สงบลงมาจริงๆ
นางมักจะรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่นางรู้ว่าเวลานี้ไม่สามารถไปเชิญหมอหลวงได้อย่างเด็ดขาด
นางเข้าวังหลวงมาวันแรก หากว่าไปเชิญหมอหลวงในเวลานี้ ฝ่าบาทกับฮองเฮาก็จะรู้สึกว่าตัวเองแกล้งทำเป็นป่วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะคิดว่าตัวเองรักฉู่สวินมากเป็นพิเศษ และไม่ชอบอวี้ฉือจ้าน
นี่ไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ
โหลวเว่ยเหิงเผื่อเอาไว้ ก็ยังคงผูกกระดิ่งเอาไว้ข้างเตียง และซ่อนมีดสั้นเอาไว้ในแขนเสื้อเล่มหนึ่ง
ในคืนนี้หลับได้ไม่ลึก วันรุ่งขึ้นก็ปลอดภัยไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่า วังหลวงแห่งนี้ยังถือว่าปลอดภัยอยู่
โหลวเว่ยเหิงเก็บกระดิ่งเอาไว้ในตู้ ในตอนที่นางกำนัลมาถึง ก็เริ่มล้างหน้าหวีผมและเปลี่ยนเสื้อผ้า
สิ่งของทุกชิ้นล้วนเป็นของใหม่ทั้งนั้น แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังเป็นชุดฝ่ายในที่เร่งทำออกมา ซึ่งซับซ้อนมากในการสวมใส่
“วันนี้วังหลังมีงานเลี้ยงน้ำชา ฮองเฮาเชิญจวิ้นจู่ไปร่วมงานด้วย”
โหลวเว่ยเหิงได้ยินเสียงนี้ รู้สึกคุ้นหูในทันที หันกลับไปมอง เห็นเพียงเข่อเอ๋อร์ยืนอยู่ตรงนั้น
“ใครเป็นคนใช้ให้เจ้ามา?”
เข่อเอ๋อร์คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวว่า: “ท่านอ๋องเป็นห่วงสุขภาพของจวิ้นจู่จริงๆ ดังนั้นถึงได้ให้บ่าวมาปรนนิบัติ”
โหลวเว่ยเหิงมองดูเข่อเอ๋อร์ครู่หนึ่ง กล่าวว่า: “เมื่อวานข้าก็ให้เสวียนอีนำคำพูดกลับไปบอกแล้วว่า ข้าไม่ต้องการให้คนของจวนอ๋องฉู่ปรนนิบัติรับใช้ และไม่ต้องการให้เขาส่งคนมาเฝ้าดูความเคลื่อนไหวของข้า”
เข่อเอ๋อร์กำมือที่อยู่ในแขนเสื้อเอาไว้แน่น ในใจรู้สึกไม่เต็มใจแท้ๆ แต่เบื้องหน้ากลับไม่สามารถแสดงออกได้แม้แต่น้อย ได้แต่กล่าวว่า: “จวิ้นจู่ ท่านอ๋องทำเพื่อความปลอดภัยของท่านทั้งนั้น อีกอย่างบ่าวแค่คอยปรนนิบัติรับใช้อยู่ข้างกายท่านเท่านั้น ไม่มีความคิดอย่างอื่นเลย! ถ้าหากท่านให้บ่าวกลับไปเช่นนี้ ท่านอ๋องต้องตีบ่าวจนตายแน่!”
โหลวเว่ยเหิงเหลือบมองเข่อเอ๋อร์ที่อยู่บนพื้นอย่างเย็นชาครู่หนึ่ง กล่าวออกมาอย่างราบเรียบ: “อยู่ต่อได้ แต่สิ่งที่ได้ยินได้เห็นที่นี่ ถ้าหากเปิดเผยออกไปแม้แต่ครึ่งคำ ไม่ต้องรอให้เขาเอาชีวิตของเจ้า ข้าจะเอาชีวิตเจ้าเอง”