ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 269 ฮองเฮาพระราชทานการแต่งงาน
เข่อเอ๋อร์คุกเข่าอยู่บนพื้น คารวะหน้าผากแตะพื้นไปหนึ่งครั้ง กล่าวว่า: “บ่าวจะไม่พูดอะไรทั้งนั้น ขอจวิ้นจู่ได้โปรดให้บ่าวอยู่ข้างกายด้วย! ขอร้องท่านล่ะ!”
นางกำนัลที่อยู่ข้างกายของโหลวเว่ยเหิงคาดเข็มขัดให้กับโหลวเว่ยเหิง กล่าวขึ้นมาอย่างเคารพนบนอบ: “จวิ้นจู่ เสร็จเรียบร้อยแล้ว”
โหลวเว่ยเหิงพยักหน้า กล่าวว่า: “ไปเถอะ”
โหลวเว่ยเหิงกับนางกำนัลทั้งหลายเดินผ่านข้างกายของเข่อเอ๋อร์ไป ตั้งแต่ต้นจนจบ โหลวเว่ยเหิงไม่ได้มองเข่อเอ๋อร์เลย
แต่เข่อเอ๋อร์กลับยังคุกเข่าอยู่บนพื้นคารวะหน้าผากแตะพื้นไปหนึ่งครั้ง กล่าวว่า: “ขอบคุณจวิ้นจู่ที่ทำให้สมปรารถนา!”
ตั้งแต่เริ่มแรก โหลวเว่ยเหิงก็มองเห็นความไม่เต็มใจและความขุ่นเคืองจากในดวงตาของเข่อเอ๋อร์แล้ว ถึงแม้ว่าเข่อเอ๋อร์จะปกปิดได้เป็นอย่างดี แต่ว่าความอิจฉาลึกๆที่อยู่ในดวงตาไม่สามารถปิดบังนางได้เลย
สำหรับผู้หญิงแล้ว สิ่งที่จะถูกกระตุ้นให้เกิดความอิจฉาได้ง่ายที่สุดก็เหลือเพียงความรักเท่านั้นแล้ว
โหลวเว่ยเหิงยิ้มเย้ยหยันออกมา สาเหตุที่นางไม่อยากให้เข่อเอ๋อร์ปรนนิบัติอยู่ข้างกายก็เป็นเพราะเหตุผลนี้
ผู้หญิงที่ชอบฉู่สวินคนหนึ่งอยู่ข้างกายของนาง จะต้องมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้นแน่
ตอนที่เข่อเอ๋อร์ยืนขึ้นมา แผ่นหลังยังคงเจ็บปวดมาก นางคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่สวินจะลงทัณฑ์นาง
โหลวเว่ยเหิงมีอะไรดี? ถึงแม้หน้าตาจะงดงาม แล้วมันเป็นอย่างไร? หัวใจของนางไม่ได้อยู่ที่ฉู่สวินเลยด้วยซ้ำ แถมยังทำลายความจริงใจของฉู่สวินครั้งแล้วครั้งเล่า
ผู้หญิงแบบนี้ ไม่คู่ควรกับความรักของฉู่สวินเลย
ครั้งนี้นางอาสารับคำสั่งมาที่นี่ด้วยตัวเอง ไม่ใช่เพื่อช่วยฉู่สวินเฝ้าอยู่ข้างกายของโหลวเว่ยเหิง แต่จะมาหาวิธี ทำอย่างไรให้ โหลวเว่ยเหิงออกไปจากชีวิตของฉู่สวินอย่างสมบูรณ์
นอกจากความตายแล้ว ก็ไม่มีวิธีอื่นที่จะทำให้ฉู่สวินตัดใจไปจากโหลวเว่ยเหิงได้
งานเลี้ยงน้ำชาที่ฮองเฮาจัดขึ้นมาไม่ใช่หญิงสูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงทุกคนจะสามารถมาร่วมงานได้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นลูกสาวภรรยาเอกของขุนนางขั้นสามขึ้นไปถึงจะสามารถไปได้ นี่ก็เป็นโอกาสที่ฮ่องเต้จะเลือกสนม บรรดาท่านอ๋องได้เลือกพระชายาเอก
โหลวเว่ยเหิงเพิ่งจะเดินเข้าไปในห้องโถงงานเลี้ยงน้ำชา แวบแรกที่เห็นคือฮองเฮา และที่เห็นหลังจากนั้นคือหญิงสาวที่อยู่ข้างกายของฮองเฮา กิริยาท่าทางอ่อนช้อย รูปร่างหน้าตาสง่างาม ทุกกิริยาท่าทางล้วนเป็นลักษณะท่าทางของกุลสตรีที่มาจากตระกูลใหญ่
ในบรรดาหญิงสูงศักดิ์ที่มีชื่อเสียงในเรือนนี้ ก็มีเพียงท่านนี้ที่ดึงดูดสายตาอย่างมาก
โหลวเว่ยเหิงโค้งคำนับเล็กน้อย กล่าวว่า: “เหิงเอ๋อร์คำนับฮองเฮา น้อมทักทายฮองเฮา”
ฮองเฮากวักมือเรียกโหลวเว่ยเหิง ตรัสว่า: “เหิงเอ๋อร์ มานี่ มานั่งข้างกายข้า”
“เพคะ”
โหลวเว่ยเหิงเห็นซูเย่าเยียนนั่งอยู่ด้านซ้ายของฮองเฮา ดังนั้นตัวเองจึงไปนั่งทางด้านขวา
ฮองเฮาตรัสต่อโหลวเว่ยเหิงว่า: “นี่คือหลานสาวของข้า แซ่ซู ชื่อเย่าเยียน”
บนใบหน้าของโหลวเว่ยเหิงมีรอยยิ้มจางๆ: “คุณหนูซู”
ฮองเฮาตบไปที่มือของโหลวเว่ยเหิงเบาๆ กล่าวว่า: “ท่านนี้คือจวิ้นจู่เหิงที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมาใหม่”
น้ำเสียงของซูเย่าเยียนอ่อนโยนอย่างมาก กล่าวว่า: “ได้ยินชื่อของจวิ้นจู่เหิงมานานแล้ว ได้พบกันวันนี้ โดดเด่นไม่ธรรมดาจริงๆ”
“คุณหนูซูเกรงใจไปแล้ว คุณหนูซูต่างหากที่งดงามภายนอกและเฉลียวฉลาดภายใน”
ฮองเฮาตรัสออกมาด้วยความปลาบปลื้ม: “พวกเจ้าไม่ต้องชมกันไปมาหรอก ข้ามองดูยังรู้สึกดีใจอย่างมาก เย่าเยียนก็ไม่ได้เข้าวังมาได้ระยะหนึ่งแล้ว ปีนี้อายุสิบห้าแล้วใช่ไหม?”
ซูเย่าเยียนกล่าวตอบว่า: “ทูลเสด็จอาหญิง ปีนี้หม่อมฉันอายุสิบหกแล้ว”
ฮองเฮาตบศีรษะเบาๆ ตรัสว่า: “ดูข้าสิ นี่มันความจำแบบไหนกัน อายุสิบหกแล้ว ก็ถึงเวลาแต่งงานแล้ว”
โหลวเว่ยเหิงเลิกคิ้ว ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรมากกับการกระทำของฮองเฮามากนัก
ความจริงนางน่าจะคิดได้นานแล้ว นางเพิ่งจะเข้าวังได้หนึ่งวัน วันรุ่งขึ้นก็จัดงานเลี้ยงน้ำชา ยังหาสาวงามเช่นนี้มาคนหนึ่ง ต้องเป็นเรื่องการแต่งงานของเฮ่อหลันถิงแน่นอน
อาจเป็นเพราะเมื่อวานนางกับเฮ่อหลันถิงเข้าไปในตำหนักฮองเฮาพร้อมกัน ทำให้ในใจฮองเฮาเกิดความระแวดระวังขึ้นมา
และความคิดของฮองเฮา ไม่จำเป็นต้องคิดมากเลย ก็เพื่อให้เฮ่อหลันถิงตัดใจจากความคิดที่มีต่อนาง ฮ่องเต้มีเจตนาจะให้นางแต่งงานกับอวี้ฉือจ้านนานแล้ว กลัวว่าฉู่สวินจะกระทำการขัดขวาง ดังนั้นถึงได้โยกย้ายเฮ่อหลันถิงกลับมา ทำให้ฉู่สวินไม่สามารถแยกตัวออกมาได้ แต่เฮ่อหลันถิงดันจะเป็นปรปักษ์กับฮ่องเต้การกระทำของฮองเฮาในครั้งนี้ เป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่จะให้เฮ่อหลันถิงอยู่ในเมืองหลวง
เป็นเช่นนั้นจริงๆ ซูเย่าเยียนหน้าแดงเพราะความเขินอาย ฮองเฮาตรัสขึ้นมาอย่างเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่: “ข้าจำได้ว่า ปีนี้ถิงเอ๋อร์ก็ไม่เด็กแล้ว ยังไม่มีพระชายาเอกเลย นี่ก็เป็นพรหมลิขิตงดงามที่ฟ้าประทานให้”
โหลวเว่ยเหิงไม่ได้พูดอะไรสักคำ ถึงแม้ในใจของซูเย่าเยียนจะมีความรักที่ลึกล้ำต่อพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของตัวเองคนนี้มานานแล้ว แต่ว่าบรรดาลูกหลานขุนนางมากมายอยู่ที่นี่ นางก็เอ่ยปากได้ยาก ทำได้เพียงหน้าแดง รอให้ฮองเฮาเป็นคนตัดสินใจ
“กระหม่อมกลับรู้สึกว่าเสด็จแม่เป็นห่วงเกินไปแล้ว”
ที่นี่คือวังหลัง ไม่ใช่ที่ที่ผู้ชายสามารถเข้ามาได้ตามอำเภอใจ แต่ว่าเฮ่อหลันถิงเป็นลูกชายแท้ๆของฮองเฮา และก็เป็นท่านอ๋อง ดังนั้นเข้ามาน้อมทักทายก็มีความเป็นไปได้อยู่
บรรดาหญิงสาวชนชั้นสูงเหล่านั้นเห็นเฮ่อหลันถิง หัวใจของทุกคนต่างก็เต้นโครมครามขึ้นมา เฮ่อหลันถิงเป็นใคร? ถึงแม้จะถูกโยกย้ายไปที่ชายแดนหลายปีขนาดนี้ แต่ก็ยังเป็นลูกชายสายเลือดโดยตรงของฝ่าบาทและฮองเฮา มีความสำคัญมากในใจของฝ่าบาท มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะกลายเป็นฮ่องเต้ในอนาคต ใครไม่อยากจะแต่งงานเป็นพระชายาเอกของเฮ่อหลันถิง? ถ้าหากมีวันหนึ่งเฮ่อหลันถิงขึ้นครองบัลลังก์จริงๆ เช่นนั้นพวกนางก็จะได้เป็นฮองเฮา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฮ่อหลันถิงยังหน้าตาหล่อเหลา หญิงสาวที่ถูกเลี้ยงดูในห้องส่วนตัวเห็นเข้า หัวใจก็ละลายไปกว่าครึ่งแล้ว
ฮองเฮาถูกปฏิเสธในทันที สีหน้าเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อในชั่วพริบตา และความเขินอายบนใบหน้าของซูเย่าเยียนก็จางหายไปกว่าครึ่ง
“หม่อมฉันคำนับท่านอ๋อง”
เฮ่อหลันถิงมองสำรวจบริเวณโดยรอบ ถึงได้กล่าวว่า: “นี่คืองานเลี้ยงน้ำชาของเสด็จแม่ คุณหนูทั้งหลายไม่ต้องมากพิธี”
เสียงของเฮ่อหลันถิงแหบแห้งและมีพลังดึงดูด หญิงสาวพวกนั้นมองดูอย่างไม่อาจละสายตาได้
“เย่าเยียนคำนับพี่ชาย”
เสียงของซูเย่าเยียนไพเราะอย่างมาก และกิริยาท่าทางก็เป็นธรรมชาติไม่เสแสร้ง
เฮ่อหลันถิงเพียงแค่มองไปครู่เดียว ก็กล่าว: “คุณหนูซู ไม่ต้องมากพิธี”
เมื่อครู่นี้นางเรียกเฮ่อหลันถิงว่าพี่ชาย กลับได้รับคำว่าคุณหนูซูกลับมา ก็ทำให้ซูเย่าเยียนรู้สึกเสียหน้าต่อหน้าบรรดาคุณหนูทั้งหลายแล้ว
ฮองเฮามองดูเฮ่อหลันถิงอย่างตำหนิ ตรัสว่า: “นี่คือเย่าเยียนน้องสาวลูกพี่ลูกน้องของเจ้า เจ้าน่าจะยังจำได้อยู่ใช่ไหม?”
เฮ่อหลันถิงหาที่นั่งลง กล่าวว่า: “คุณหนูซูคือสตรีผู้มีความสามารถในเมืองหลวง กระหม่อมเป็นทหาร จำได้แค่กิจการงานทหารเท่านั้น”
ฮองเฮามองดูท่าทางที่ดูเหมือนจะร้องไห้ของซูเย่าเยียน ชั่วขณะหนึ่งไม่รู้ว่าควรสั่งสอนลูกชายคนนี้อย่างไรดี
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ทูลฮองเฮา วรรณกรรมคู่กับศิลปะการต่อสู้นี้ คือการผสมผสานกันที่สมบูรณ์แบบ ท่านอ๋องอยู่ในสนามรบมาหลายปี ก็ต้องการหญิงสาวที่งดงามภายนอกและเฉลียวฉลาดภายในมาดูแล ไม่ใช่หรือ?”
สายตาของเฮ่อหลันถิงหยุดอยู่ที่โหลวเว่ยเหิง คลุมเครือคาดเดาไม่ได้ เหมือนงูพิษที่พันรอบอยู่บนร่างกายของโหลวเว่ยเหิง เพียงแต่ว่าโหลวเว่ยเหิงทำเหมือนกับไม่รู้ตัวเท่านั้น
ฮองเฮามองไปที่โหลวเว่ยเหิงอย่างพึงพอใจ ตรัสต่อเฮ่อหลันถิงด้วยความจริงใจแฝงไปด้วยความหมายลึกซึ้ง: “เหิงเอ๋อร์กล่าวถูกต้องแล้ว แม้แต่เหิงเอ๋อร์ยังรู้ความคิดของข้า เจ้าก็ไม่ใช่เด็กๆแล้ว ก็ควรจะแต่งงานได้แล้ว”
เฮ่อหลันถิงกล่าวออกมาอย่างไม่รับน้ำใจเลยแม้แต่น้อย: “เสด็จแม่ กระหม่อมอยู่ชายแดนมานานหลายปีขนาดนี้ เคยชินกับการไปไหนมาไหนคนเดียวนานแล้ว ไม่รบกวนให้เสด็จแม่เป็นห่วงดีกว่า”