ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 270 ข้ออ้างที่ยอดเยี่ยม
ฮองเฮาถูกคำพูดของเฮ่อหลันถิงทำให้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่แสร้งทำเป็นโกรธเล็กน้อย ตรัสว่า: “เหลวไหล! ปีนี้เจ้าก็อายุยี่สิบหกแล้ว จะไปไหนมาไหนคนเดียวตลอดได้อย่างไร? งานแต่งงานนี้ ข้าตัดสินใจแทนเจ้าแล้ว วันนี้ก็จะหารือกับเสด็จพ่อเจ้า เลือกวันมงคลแต่งงานเลย!”
เฮ่อหลันถิงคุกเข่าลงไปบนพื้น กล่าวว่า: “เมื่อเป็นเช่นนี้ กระหม่อมก็จะขอไปประจำการที่ชายแดนด้วยตัวเอง ไม่กลับเมืองหลวงอีก!”
“เจ้า!”
ใบหน้าของซูเย่าเยียนซีดขาวจนไม่อาจซีดขาดได้อีก ถูกเฮ่อหลันถิงปฏิเสธการแต่งงานในที่สาธารณะ นี่ถ้าหากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป นางยังจะสู้หน้าคนได้อย่างไร?
ฮองเฮาตรัสด้วยความโกรธ: “เจ้าทำเช่นนี้ วันหน้าจะให้เย่าเยียนสู้หน้าคนได้อย่างไร?”
“เสด็จแม่ผิดแล้ว ถ้าหากกระหม่อมแต่งงานกับคุณหนูซู นั่นถึงจะเป็นการทำให้คุณหนูซูเสียใจไปตลอดชีวิต”
ฮองเฮามองดูเฮ่อหลันถิงอย่างไม่อยากจะเชื่อ: “เจ้าพูดว่าอะไรนะ?”
เฮ่อหลันถิงกล่าวว่า: “กระหม่อมอยู่ในสนามรบ ไปครั้งหนึ่งก็กินเวลาไปสองสามปี ถึงเวลานั้นคุณหนูซูก็ต้องอยู่ตามลำพังไม่มีสามีอยู่เคียงข้าง ถึงเวลานั้นกระหม่อมจะไม่เป็นการถ่วงเวลาคุณหนูซูหรอกหรือ?”
สิ่งที่เฮ่อหลันถิงกล่าวออกมาทำให้ฮองเฮาไม่รู้จะรับคำต่ออย่างไรดี โหลวเว่ยเหิงเกิดความคิดขึ้นมา กล่าวว่า: “ท่านอ๋องพูดอะไรน่ะ? ท่านอ๋องมีฐานะสูงส่ง ก่อนหน้านี้ฝ่าบาทส่งท่านอ๋องไปฝึกฝนที่ชายแดน แต่ว่าตอนนี้กลับมาจากการฝึกฝนแล้ว หรือว่ายังจะเป็นแม่ทัพออกรบต่ออีก?”
ฮองเฮาเข้าใจความหมายของโหลวเว่ยเหิงทันที ตรัสว่า: “เหิงเอ๋อร์กล่าวถูกต้องแล้ว ข้ายังไปกราบทูลฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ วันหน้าจะไม่ย้ายเจ้าไปชายแดนอีก เช่นนี้เจ้าจะยอมแต่งงานดีๆแล้วใช่ไหม?”
โหลวเว่ยเหิงไม่ให้โอกาสเฮ่อหลันถิงได้พูดอะไร แต่ชิงกล่าวขึ้นมาว่า: “ฮองเฮาตรัสถูกต้องแล้ว ท่านอ๋องก็อายุยี่สิบหกแล้ว ถ้าหากยังไม่แต่งงาน จะไม่เป็นการทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะหรอกหรือ? ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องทายาทสืบสกุลสำคัญขนาดไหน ท่านอ๋องคิดว่าอย่างไร?”
“เหิงเอ๋อร์เข้าใจความคิดของข้าที่สุดแล้ว”
เฮ่อหลันถิงเห็นฮองเฮากับโหลวเว่ยเหิงเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เหมือนหวังดีต่อเขา คิดแทนเขาในทุกด้าน
เฮ่อหลันถิงเห็นซูเย่าเยียนที่น่าสงสาร เดิมทีซูเย่าเยียนก็ไม่ได้ดูแย่อยู่แล้ว เขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่แต่งงานกับคนอื่นนอกจากโหลวเว่ยเหิง อย่างไรก็คือผู้หญิงคนหนึ่ง สามารถช่วยให้เขาไม่ต้องจากเมืองหลวงตลอดไป นั่นก็คือเครื่องมือให้ใช้ประโยชน์ที่ดีที่สุดแล้ว
เฮ่อหลันถิงฟังออกนานแล้วว่าโหลวเว่ยเหิงจงใจพูดเช่นนี้ เพื่อหาข้ออ้างที่ยอดเยี่ยมไม่ให้เขาจากเมืองหลวงไป
และข้ออ้างนี้ส่วนใหญ่ก็เพื่อเขา เหตุผลเป็นเพราะอะไรกันแน่ เขากลับอยากรู้อยากเห็นมาก
เฮ่อหลันถิงเกี่ยวมุมปากขึ้นมา เป็นผู้หญิงที่ฉลาดคนหนึ่งเลย
“เช่นนั้นกระหม่อมก็ทำความเคารพไม่สู้ทำตามคำสั่งแล้ว”
เฮ่อหลันถิงเห็นด้วยอย่างง่ายดายขนาดนี้ ทำให้บรรดาหญิงสาวที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างก็พากันรู้สึกหดหู่ใจ
เดิมนึกว่าเฮ่อหลันถิงไม่ชอบซูเย่าเยียน และจะไม่แต่งงานกับซูเย่าเยียน เป็นการให้โอกาสที่ใหญ่หลวงแก่พวกนาง แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายกลับถูกโหลวเว่ยเหิงทำลายความหวังไป
งานเลี้ยงน้ำชานี้เปลี่ยนเป็นน่าเบื่อไม่น่าสนใจขึ้นมา และสำหรับโหลวเว่ยเหิงแล้ว ผลประโยชน์ที่เก็บเกี่ยวมาได้มากที่สุดก็คือการแต่งงานระหว่างเฮ่อหลันถิงและซูเย่าเยียน
หลังจากที่งานเลี้ยงน้ำชาจบลงแล้ว โหลวเว่ยเหิงก็เดินไปยังตำหนักด้านข้างของตัวเอง และเฮ่อหลันถิงกลับดึงแขนของโหลวเว่ยเหิงจากด้านหลัง
โหลวเว่ยเหิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ข้างกายยังมีนางกำนัลติดตามอยู่ เฮ่อหลันถิงมีความกล้าจับไม้จับมือนางในที่สาธารณะ หากเรื่องนี้รู้ไปถึงหูฮองเฮา เช่นนั้นในใจของฮองเฮานางก็จะเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักสถานการณ์คนหนึ่ง
โหลวเว่ยเหิงกล่าวถาม: “ท่านอ๋องมีธุระอะไรไม่ทราบ?”
เฮ่อหลันถิงกล่าวต่อนางกำนัลที่อยู่ข้างของโหลวเว่ยเหิง: “พวกเจ้าถอยไปก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับจวิ้นจู่ตามลำพัง”
นางกำนัลมองไปที่โหลวเว่ยเหิงครู่หนึ่ง โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ทำไม? ไม่ได้ยินที่ท่านอ๋องพูดหรือ?”
“บ่าวมิกล้า พวกบ่าวขออำลา”
หลังจากที่นางกำนัลไปกันหมดแล้ว โหลวเว่ยเหิงถึงได้กล่าวขึ้นมา: “ตอนนี้คนก็ไปหมดแล้ว ท่านอ๋องมีเรื่องสำคัญอะไรจะพูดกับข้า? ถึงขั้นตามหลังมาถึงที่นี่?”
เฮ่อหลันถิงกอดอก กล่าวว่า: “โหลวเว่ยเหิง เจ้าไม่ต้องมาอ้อมค้อมกับข้า วันนี้เจ้าพูดเรื่องพวกนั้นต่อหน้าเสด็จแม่ หมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
โหลวเว่ยเหิงแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ กล่าวถาม: “หมายความว่าอย่างไร? เมื่อครู่นี้ข้าพูดต่อหน้าฮองเฮาไปมากมาย ข้าจำไม่ได้ว่าคำพูดไหนทำให้ท่านอ๋องเกิดความสงสัย ขอท่านอ๋องโปรดชี้แจ้งด้วย”
เฮ่อหลันถิงหรี่ตาลงเล็กน้อย กล่าวว่า: “เจ้าอย่าทำเป็นแกล้งโง่กับข้า เจ้าหาข้ออ้างการแต่งงาน ให้เสด็จแม่ไปกราบทูลต่อหน้าเสด็จพ่อ ให้วันหน้าข้าไม่ต้องไปลำบากที่ชายแดนอันหนาวเหน็บอีก เจ้าหมายความว่าอย่างไรกันแน่? คือกำลังช่วยข้าหรือ? ข้าไม่เชื่อหรอก ว่าเจ้าจะมีความคิดที่ดีขนาดนี้”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “ในเมื่อท่านอ๋องพูดถึงขนาดนี้แล้ว เช่นนั้นข้าก็สามารถบอกท่านอ๋องอย่างชัดเจนได้เลย ที่ข้าพูดเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อช่วยท่านอ๋อง แต่ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าไม่ใช่ทั้งหมด คิดว่าท่านอ๋องก็น่าจะรู้ความคิดของฝ่าบาทแล้ว ก็แค่ให้ท่านมาเพื่อดึงรั้งฉู่สวินเอาไว้เท่านั้น เขาจะให้ฉู่สวินเลือกระหว่างบัลลังก์กับข้า บัลลังก์นี้ช้าเร็วก็ต้องเป็นของฉู่สวินอยู่แล้ว ข้อนี้ท่านอ๋องน่าจะรู้ดีที่สุดใช่ไหม?”
สำหรับความเชื่อใจและความฝากฝังที่มีต่อฉู่สวินในใจของฝ่าบาทเฮ่อหลันถิงรู้มาโดยตลอด และเขาก็รู้ว่าฉู่สวินคือขององค์หญิงวี่หรงน้องสาวที่ฝ่าบาททรงรักมากที่สุด สำหรับเรื่องที่ฝ่าบาทจะยกบัลลังก์ให้กับฉู่สวิน ถึงแม้ในใจของเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“เจ้าอยากพูดอะไรกันแน่?”
โหลวเว่ยเหิงกล่าวว่า: “ในเมื่อรู้ว่าฝ่าบาทมีเจตนาจะยกบัลลังก์ให้กับฉู่สวิน เช่นนั้นก็น่าจะรู้ดีว่า เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะแต่งงานกับฉู่สวิน และข้า ก็ไม่ยินดีจะแต่งงานกับฉู่สวินเช่นกัน ดังนั้นข้าหาข้ออ้างรั้งท่านอ๋องเอาไว้ ก็เพื่อให้ท่านอ๋องดึงรั้งฉู่สวินเอาไว้ และเป็นการดึงรั้งระยะยาว เช่นนี้ข้าถึงจะสามารถหมดห่วงไร้กังวลได้”
ความโกรธปะทุขึ้นมาในใจของเฮ่อหลันถิง: “นี่เจ้ากำลังหลอกใช้ข้า? และยังพูดได้อย่างหนักแน่นมีเหตุผลรองรับเช่นนี้อีก?”
โหลวเว่ยเหิงกลับไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมีอะไรที่ไม่เหมาะสม แต่กล่าวว่า: “ท่านกับข้าต่างคนก็ได้ในสิ่งที่ต้องการ ทำไมข้าถึงจะพูดอย่างหนักแน่นมีเหตุผลรองรับไม่ได้? อีกอย่างข้าช่วยให้ท่านอ๋องได้อยู่เมืองหลวงถาวร ท่านอ๋องควรขอบคุณข้าถึงจะถูก ทำไมกลับทำหน้าโกรธเคือง นี่คือจะมาซักไซ้เอาความหรือ?”
“ดี โหลวเว่ยเหิง เจ้าช่างมีความคิดดีจริงๆ ข้าได้เปิดหูเปิดตาจริงๆแล้ว”
เฮ่อหลันถิงสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป โหลวเว่ยเหิงไม่ได้เก็บสิ่งที่สอดแทรกเข้ามาเล็กน้อยนี้มาใส่ใจ ในสายตาของนาง ถึงแม้เฮ่อหลันถิงจะองอาจห้าวหาญเก่งในการต่อสู้ แต่ยังขาดกลยุทธ์ และไม่ใช่คนที่จะเป็นฮ่องเต้ได้ ท้ายที่สุดบัลลังก์นี้อย่างไรก็ต้องเป็นของฉู่สวิน ในเมื่อจะเป็นของฉู่สวิน เช่นนั้นการข่มขู่ของเฮ่อหลันถิงเหล่านั้น นางก็ไม่จำเป็นต้องกลัวเลย
เพียงแต่ว่าฮองเฮากับฝ่าบาทต้องการให้ฉู่สวินอยู่ให้ห่างจากนาง นี่กลับทำให้โหลวเว่ยเหิงรู้สึกกลัดกลุ้ม นางยังอยากจะรู้ว่าเพราะอะไรตัวเองถึงสูญเสียความทรงจำกันแน่ และที่มาของทุกสิ่งทุกอย่างนี้ น่าจะอยู่ในการควบคุมของฉู่สวิน
“จวิ้นจู่ เรากลับไปกันเถอะ”
โหลวเว่ยเหิงมองดูนางกำนัลที่อยู่ตรงหน้าครู่หนึ่ง รู้ว่านางแอบฟังอยู่ตลอด แต่กลับไม่ได้เก็บมาใส่ใจ แต่กล่าวว่า: “นำทาง”
“บ่าวรับคำสั่ง”
และโหลวเว่ยเหิงไม่รู้ว่า ยังมีคนคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ในที่ลับแล้วแอบฟังการสนทนาระหว่างนางกับเฮ่อหลันถิง