ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 39 ราชโองการของฮ่องเต้
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 39 ราชโองการของฮ่องเต้
ถ้ามีดสั้นนี้ไม่ได้เตรียมไว้เพื่อมอบให้เขาตั้งแต่แรก แล้วหญิงสาวที่อ่อนแอคนหนึ่งจะพกมีดสั้นไว้กับตัวทำไมกัน
กู้ชิวถางดื่มเหล้าพลางใช้ความคิด กู้ชิวเหลิ่งระวังตัวเองอยู่ตลอดเวลา กู้ชิวถางนั้นฉลาดกว่าจิ้งจอกเฒ่าอย่างกู้หนานเฉิงมาก บางทีในขณะที่เขาพูดเรื่องมีดสั้นที่อยู่บนเอวนางนั้น ก็รับรู้ได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแล้ว
การกินข้าวร่วมกันสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว กู้ชิวถางตามกู้หนานเฉิงเข้าไปในห้องหนังสือ ราวกับมีเรื่องอะไรสำคัญต้องการจะปรึกษา
อี๋เหนียงรองเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “คุณชายใหญ่เพิ่งจะกลับมา นายท่านก็เรียกเขาไปปรึกษางานในห้องหนังสือ ดูออกเลยว่าคุณชายใหญ่นั้นสำคัญกับนายท่านมากแค่ไหน”
บนใบหน้าของฮูหยินใหญ่เผยรอยยิ้มเยาะ พูดขึ้นว่า “น้องก็จริงๆเลย ตั้งแต่ปีนขึ้นเตียงนายท่านจนตอนนี้ก็สองปีแล้ว แม้แต่ลูกชายสักคนก็ยังให้กำเนิดไม่ได้ ถ้าหากไม่เป็นเพราะยังมีเยว่เอ๋อร์ที่เป็นลูกสาว เกรงว่านายท่านคงจะลืมเจ้าไปแล้วกระมัง”
สีหน้าของอี๋เหนียงรองเปลี่ยนเป็นไม่พอใจขึ้นมาทันที ตอนแรกฐานะของนางไม่ได้สูงส่ง เป็นเพียงสาวใช้ข้างกายของฮูหยินใหญ่เท่านั้น ภายหลังคิดอยากจะเปลี่ยนสถานะของตนเอง ฉวยโอกาสตอนที่กู้หนานเฉิงไม่ระวังวางยาเขา จากนั้นก็ตั้งครรภ์กู้ชิวเยว่ กู้หนานเฉิงจึงรับนางเป็นอนุ
เดิมทีนางคิดว่าจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้น แต่คิดไม่ถึงว่านางจะสู้ฮูหยินใหญ่ไม่ได้เลย นางที่เดิมทีได้รับความรักความหลงใหลอย่างมากก็ค่อยๆถูกฮูหยินใหญ่ทำลายจนสิ้น ตอนนี้มีชีวิตที่ดีกว่าบ่าวไพร่เล็กน้อยเท่านั้น ถ้าหากไม่ใช่เพราะยังมีลูกสาวอยู่หนึ่งคน คงต้องมีจุดจบเหมือนกู้ชิวเหลิ่งแน่
หลายปีมานี้นางพยายามทำดีประจบเอาใจ แต่ฮูหยินใหญ่ก็ยังคงไม่อาจลืมความแค้นในครั้งนั้นได้
กู้ชิวเยว่ดึงแขนเสื้อของอี๋เหนียงรอง ส่งสัญญาณให้อี๋เหนียงรองอย่าพูดมาก จากนั้นก็ยิ้มอย่างละอายใจต่อฮูหยินใหญ่”ท่านแม่อย่าถือสาอี๋เหนียงเลย เยว่เอ๋อร์กับอี๋เหนียงจะกลับไปเดี๋ยวนี้”
ฮูหยินใหญ่โบกมืออย่างไม่ไยดี ขณะที่ตอนนี้กู้ชิวเหลิ่งยังคงอยู่ตรงระเบียงของห้องโถงใหญ่ มองดูฉากตรงหน้าเงียบๆ
คาดว่ากู้ชิวเซียงคงรีบร้อนจะกลับไปซ้อมเต้นรำ สุดท้ายฮูหยินใหญ่ก็ออกไปด้วย
กู้ชิวเหลิ่งก่อนหน้านี้ไม่รู้มาก่อนเลยว่าความสัมพันธ์ระหว่างอี๋เหนียงรองกับฮูหยินใหญ่จะไม่ลงรอยกัน แต่ตอนนี้ดูแล้วจะรุนแรงกว่าที่นางคาดคิดเอาไว้
ถ้าหาก……รับอี๋เหนียงคนใหม่เข้ามา ฮูหยินใหญ่ที่ชอบริษยาคนนี้จะทำอย่างไร
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งผุดรอยยิ้มเย็น ได้เวลาไปเยี่ยมกู้ชิวเหลิ่งท่านนี้แล้ว
จูเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆถามขึ้นว่า “คุณหนู ท่านดูอะไรหรือเจ้าคะ”
“ข้ากำลังดู โอกาสที่มาถึงแล้ว”
ไม่ว่าฮูหยินใหญ่จะเสแสร้งอย่างไร ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงนิสัยเดิมได้ หญิงที่ชอบอิจฉาริษยา นี่คือสิ่งที่ต้องห้ามอย่างเด็ดขาด
หน้าประตูเรือนของกู้ชิวเหลิ่งมีสาวใช้คนหนึ่งยืนก้มหน้าอยู่ ดูขี้ขลาดจนตัวสั่นเทา
จูเอ๋อร์มองแวบเดียวก็ดูออกแล้วว่าสาวใช้คนนั้นคืออิงเอ๋อร์ จึงได้เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “คุณหนู นี่คืออิงเอ๋อร์ สาวใช้ที่ช่วยหวีผมให้ท่านครั้งที่แล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ก้าวเข้าไปช้อนคางของอิงเอ๋อร์ขึ้นมา แม้ว่าอายุจะไม่มาก แต่กลับมีใบหน้าที่ไม่เลวเลยทีเดียว
อิงเอ๋อร์รีบคุกเข่าลงกับพื้น พูดว่า “บ่าวอิงเอ๋อร์ คำนับคุณหนูรอง”
กู้ชิวเหลิ่งพูดเสียงเรียบว่า “ลุกขึ้นมาเถิด”
พูดคำนี้เสร็จแล้ว กู้ชิวเหลิ่งก็เดินผ่านอิงเอ๋อร์ที่ยังคงคุกเข่าอยู่ เดินตรงเข้าไปในลานบ้าน
จูเอ๋อร์ที่มีน้ำใจเข้าไปช่วยประคองจูเอ๋อร์ให้ลุกขึ้น พูดอย่างดีใจว่า “ตลอดมาข้าดูแลคุณหนูเพียงลำพัง หลังจากนี้มีเจ้ามาอยู่ด้วย พวกเราจะได้เป็นเพื่อนกัน”
อิงเอ๋อร์พยักหน้าอย่างมึนงง พูดว่า “เจ้าค่ะพี่จูเอ๋อร์ ข้าโง่มาก ……ไม่รู้ว่าจะทำให้คุณหนูโมโหหรือเปล่า”
จูเอ๋อร์พูดยิ้มๆว่า “คุณหนูเป็นคนพูดน้อย แต่เป็นคนดีมากทีเดียว”
ในที่สุดอิงเอ๋อร์ก็รู้สึกโล่งใจ
ไม่ไกลนักกู้ชิวเหลิ่งพูดเสียงเย็นว่า “ไปตักน้ำร้อนมาหนึ่งกะละมัง”
จูเอ๋อร์บอกว่า “บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้ คุณหนูรีบพักผ่อนก่อนนะเจ้าคะ”
กู้ชิวเหลิ่งหมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง ถอดรองเท้าออกอย่างเกียจคร้าน นอนไปบนตั่งหนานุ่ม ร่างกายรู้สึกหนาวมาก แต่นางกลับไม่อยากห่มผ้าห่ม
ผ่านไปพักใหญ่ อิงเอ๋อร์ยกน้ำร้อนเข้ามา พูดว่า “คุณหนู น้ำร้อนได้แล้วเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งลืมตาขึ้น ถามว่า “จูเอ๋อร์เล่า”
อิงเอ๋อร์บอกว่า “อยู่หน้าประตูเจ้าค่ะ เหมือนว่าคุณชายใหญ่จะสั่งคนมาส่งของให้”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า หย่อนเท้าลงไปแช่ในน้ำร้อน สองเท้าที่เดิมทีเย็นดุจน้ำแข็งเมื่อสัมผัสถูกน้ำร้อน ราวกับถูกละลาย
จูเอ๋อร์ถือถาดใบหนึ่งเข้ามา บนถาดมีมีดสั้นที่ประณีตสวยงามอยู่เล่มหนึ่ง ยังประดับไว้ด้วยอัญมณีสีเขียวอ่อนเม็ดหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีขวดยาหนึ่งขวด รวมไปถึงน้ำผึ้งหนึ่งขวดโหล
“รองแม่ทัพที่รับใช้ข้างกายคุณชายใหญ่ส่งมาให้ บอกว่าก่อนที่คุณชายใหญ่จะไปห้องหนังสือได้สั่งให้เขาไปเตรียมสิ่งของเหล่านี้มาให้”
จูเอ๋อร์ยกของเหล่านั้นไปตรงหน้ากู้ชิวเหลิ่ง พูดว่า “ว่าไปก็น่าแปลก คุณชายใหญ่รู้ได้อย่างไรว่าท่านเป็นไข้ บ่าวดูแล้วเมื่อครู่คุณชายใหญ่ก็ไม่ได้มองมาทางคุณหนูสักเท่าไหร่นี่นา”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูมีดสั้น มีดสั้นคมกริบมาก ไม่ได้ด้อยไปกว่ามีดสั้นที่นางลับเลยแม้แต่น้อย กู้ชิวเหลิ่งพูดเสียงเรียบเฉยว่า “เป็นของน้ำใจ เก็บไว้เถอะ”
“แล้วยา……”
กู้ชิวเหลิ่งพูดว่า “เอาไปต้มเถิด”
ถ้าหากก่อนหน้านี้กู้ชิวเหลิ่งยังคงติดใจสงสัยในตัวกู้ชิวถาง แต่หลังจากที่เห็นสิ่งของที่กู้ชิวถางส่งมาให้ นางก็ยกเลิกความคิดที่จะหยั่งเชิงก่อนหน้านี้ทันที กู้ชิวถางออกจากจวนโหวไปตั้งหลายไป นิสัยไม่เหมือนกับฮูหยินใหญ่และกู้ชิวเซียงอย่างแน่นอน เหมือนที่ฮ่องเต้ว่าไว้ไม่มีผิด เป็นคนที่มีความสามารถที่แข็งแกร่งและซื่อตรงไม่ประจบสอพลอ
เมื่อถึงยามเย็น จูเอ๋อร์วิ่งเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน ใบหน้าตื่นเต้นและพูดว่า “คุณหนู มีข่าวดีเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งกำลังลับมีดสั้น เห็นท่าทีของจูเอ๋อร์ จึงถามว่า “เรื่องอะไร”
“เป็นราชโองการของฮ่องเต้ ให้คุณหนูไปรับเจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกตกตะลึงขึ้นมาในชั่วพริบตา คิดไม่ถึงว่าอวี้ฉือจ้านจะไปขอราชโองการให้นางได้รวดเร็วเช่นนี้
นางยินดีที่จะรอต่อไปอีกสองสามวัน แต่เมื่อคิดทบทวนดูแล้ว อวี้ฉือจ้านเป็นถึงท่านเซ่อเจิ้งหวาง แค่ราชโองการ สำหรับเขาแล้วมันง่ายเหมือนปอกกล้วย
ใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งไม่มีแววดีใจเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่พูดไม่ได้ว่า ดูจากจุดนี้แล้ว อวี้ฉือจ้านได้ให้คำตอบที่พอใจแก่นาง อย่างน้อยอวี้ฉือจ้านไม่มีความคิดที่อยากจะฆ่านาง
นึกถึงเรื่องเมื่อคืนวาน สายตาของอวี้ฉือจ้าน กู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกว่าคนคนนี้มีจิตใจโหดเหี้ยมเด็ดขาด มากกว่านางเสียอีก
กู้ชิวเหลิ่งวางมีดสั้นในมือลง พูดว่า “ไปกันเถอะ”
จูเอ๋อร์วางรองเท้าไว้ตรงหน้ากู้ชิวเหลิ่งด้วยความเคยชิน
ในห้องโถงใหญ่ กู้หนานเฉิงกำลังคุยอย่างถูกคอกับขันทีผู้มามอบราชโองการ ฮูหยินใหญ่ยืนอยู่ข้างๆ และคอยยกน้ำชาให้เป็นระยะ
เมื่อฮูหยินใหญ่เห็นกู้ชิวเหลิ่งเข้ามา ในสายตาก็มีแววร้ายกาจวาบผ่าน แต่เกิดขึ้นรวดเร็วมาก แล้วนางก็วางสีหน้ามีเมตตาปรานี พูดขึ้นว่า “เหลิ่งเอ๋อร์ ทำไมเจ้าจึงมาช้าเช่นนี้ เกากงกงมารออยู่นานแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มบางๆ ย่อร่างลงเล็กน้อย พูดว่า “เหลิ่งเอ๋อร์มาช้า ขอเกากงกงอภัยด้วย”