ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 4 นัดพบเป็นการส่วนตัว
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 4 นัดพบเป็นการส่วนตัว
ด้วยความร้อนใจของแม่นมฉี นางลืมให้คนมาจับตัวคนชั่วที่บุกเข้ามาในเรือนของกู้ชิวเหลิ่งไปสนิท
ฮูหยินใหญ่ยิ้มออกมาแทนที่จะโกรธ “ดี ข้ากำลังปวดหัวกับการคิดหาวิธียุติการหมั้นหมายระหว่างกู้ชิวเหลิ่งกับท่านอ๋องหกอยู่พอดี ในที่สุดโอกาสนี้ก็มาถึง”
เป็นหญิงสาวแต่แอบนัดพบชายหนุ่มเป็นการส่วนตัวตอนกลางวันแสกๆ นี่ใช่สิ่งที่บุตรีจากครอบครัวสูงศักดิ์ควรทำหรือ เช่นนี้จะคู่ควรกับท่านอ๋องหกได้อย่างไร
ฮูหยินใหญ่ยิ่งคิดก็เหมือนยิ่งได้ระบายความโกรธ เมื่อนึกถึงมารดาผู้ล่วงลับของกู้ชิวเหลิ่งที่ใช้รูปลักษณ์พราวเสน่ห์แย่งความรักจากกู้โหวไปในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตอนนี้นางก็ได้ให้กำเนิดลูกสาวหนึ่งคน ถ้าอี๋เหนียงสามที่อยู่บนฟ้ามองลงมา นางจะไม่แค้นเคืองจนแทบจะลุกออกจากหลุมศพเลยหรือ
ฮูหยินใหญ่จัดเครื่องแต่งกายเล็กน้อยก่อนจะพูดกับกู้ชิวเซียงว่า “ไป เราไปดูกันเถิด”
กู้ชิวเซียงโค้งคำนับอย่างสุภาพและตอบว่า “เจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่เดินอย่างไม่รีบร้อน พยายามเต็มที่เพื่อทำให้ตนเองดูงดงามเพียบพร้อม เมื่อมาถึงศาลาเลี่ยวเฟิ่งของกู้ชิวเหลิ่ง นางก็แสร้งทำเป็นกังวลจนหน้าถอดสี เมื่อก้าวเข้าไปด้านในด้วยความเร็ว นางก็พบว่า ‘กู้ชิวเหลิ่ง’ กำลังนั่งอยู่บนระเบียงทางเดินอย่างเกียจคร้าน
ปี้เถานอนตัวเปียกอยู่บนพื้นและร้องไห้โวยวายเหมือนเด็ก “ฮูหยิน! ท่านต้องจัดการให้บ่าวนะเจ้าคะ! แม้ว่าคุณหนูรอง…จะไม่ชอบบ่าวยังไง! แต่นางก็ไม่มีสิทธิ์กำจัดบ่าว!”
ฮูหยินใหญ่แสร้งทำเป็นแปลกใจพลางถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น ใครจะกำจัดเจ้า”
แววตาของปี้เถาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง นางชี้ไปที่กู้ชิวเหลิ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลก่อนจะพูดขึ้นว่า “คุณหนูรองเจ้าค่ะ! นางนัดพบกับผู้ชายตอนกลางวันแสกๆ! เมื่อบ่าวพบเข้า นางก็ถีบบ่าวลงสระบัว!”
ฮูหยินใหญ่มองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นชายที่ว่า ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงชี้ไปยังปี้เถาที่อยู่บนพื้นและถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้น คุณหนูรอง นางคือสาวใช้ในเรือนของเจ้า มันเกิดสิ่งใดกันแน่ ทำไมอยู่ดีๆ คนเราจึงตกลงไปในสระได้”
กู้ชิวเหลิ่งค่อยๆ ลงจากระเบียงและเดินมาตรงหน้าฮูหยินใหญ่อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว จากนั้นจึงคำนับด้วยความเคารพราวกับเป็นคนละคน
น้ำเสียงของนางเป็นเหมือนสายลมที่ทำให้คนฟังรู้สึกนุ่มนวลในจิตใจ “เรียนท่านแม่ ปี้เถาไม่ระวังและพลัดตกลงไปในสระบัวเอง ไม่เกี่ยวอะไรกับลูกเลยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินใหญ่ส่งสายตาให้กู้ชิวเซียง จากนั้นกู้ชิวเซียงจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานน่าฟัง “น้องรอง แม้ว่านางจะเป็นแค่บ่าวในจวนของเรา แต่ถ้าเจ้าทำร้ายผู้อื่นจนตาย มันจะทำให้ชื่อเสียงของพวกเราเสียหาย อย่างคำกล่าวที่ว่าเมื่อพระโอรสทําผิดกฎหมาย มีโทษเทียบเท่าสามัญชน นอกจากนี้ปี้เถายังไม่ใช่ทาสผูกขาด ถ้าน้องรองไม่อยากขึ้นศาล เจ้าก็ควรพูดความจริง”
ตอนนั้นเองที่กู้ชิวเหลิ่งได้มองกู้ชิวเซียงชัดๆ นางงดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดวงตากลมโต ผิวเหมือนหิมะและนางน่าจะเพิ่งแปรงผมก่อนออกมาข้างนอก มีกลิ่นดอกท้อจางๆ อยู่บนร่างกายของนางซึ่งทำให้ผู้พบเจอหลงใหล
กู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างเฉยเมยว่า “ลูกไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าใคร แล้วบัดนี้ปี้เถาก็ยืนอยู่ตรงนี้ จะบอกว่าฆ่าได้อย่างไร ท่านแม่โปรดพินิจพิเคราะห์ดูเถิด”
ปี้เถาโอดครวญ “ฮูหยิน! บ่าวมิได้ปดนะเจ้าคะ! เมื่อครู่จูเอ๋อร์ก็เห็น! นางนัดเจอกับชายคนหนึ่ง! บ่าวไม่ได้พูดเหลวไหล! คุณหนูรองกลัวว่าบ่าวจะเปิดโปงเรื่องนี้ออกไป นางจึงคิดจะกำจัดบ่าว!”
ฮูหยินใหญ่พูดอย่างไม่เชื่อหู “มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นจริงๆ รึ? มีผู้ชายบุกเข้ามาในเรือนของเจ้า? ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป จวนโหวของเราจะมีหน้าอยู่ในเมืองหลวงได้อย่างไร! ชายผู้นั้นอยู่ที่ใด เจ้าพาเขาออกมา แม่จะจัดการอย่างยุติธรรมอย่างแน่นอน”
กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้ามอง แววตาคู่นั้นไม่มีความขลาดหรือความกลัวใดๆ สักนิดเดียว มันเหมือนกระจกที่สะท้อนใบหน้าที่น่าเกลียดของฮูหยินใหญ่และกู้ชิวเซียงออกมาได้อย่างสมบูรณ์
ฮูหยินใหญ่รู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาอย่างอธิบายถูก ราวกับว่าแผ่นหลังของนางชาวาบ ดวงตาคู่นั้นเหมือนแอ่งน้ำเยือกแข็งที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้ง ทำให้ผู้คนรู้สึกหนาวเหน็บจากส่วนลึกของหัวใจ
กู้ชิวเซียงรู้สึกแค่ว่ากู้ชิวเหลิ่งในวันนี้ดูต่างออกไป แต่นางก็บอกไม่ได้ว่าอะไรที่ผิดปกติ
เมื่อกู้ชิวเซียงเห็นว่ากู้ชิวเหลิ่งไม่ได้คิดจะอธิบาย นางจึงพูดขึ้นว่า “ชายแปลกหน้าบุกเข้าไปในห้องของหญิงสาว ช่างเป็นเรื่องที่ฉาวโฉ่ยิ่งนัก น้องรองหมั้นหมายกับท่านอ๋องหกแล้ว เรื่องเช่นนี้นอกจากจะทำให้จวนโหวของเราเสียเกียรติ ยังทำให้ราชวงศ์เสื่อมเสียไปด้วย น้องรองอย่าปกปิดเรื่องนี้เลย ชายผู้นั้นอยู่ที่ใด เจ้าเรียกออกมาเสีย ท่านแม่จะได้ตรวจสอบเรื่องราว”
“เป็นข้าเอง”
เสียงของเซียวอวิ๋นเซิงฟังดูมีอิสระ ดังกังวานและน่าฟัง เมื่อเขาเดินออกมา ผู้ที่พบเห็นก็พลันรู้สึกเพลิดเพลินราวกับอาบสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
ฮูหยินใหญ่และกู้ชิวเซียงตกตะลึง เมื่อพวกนางเห็นใบหน้าของเซียวอวิ๋นเซิงชัดๆ พวกนางจึงได้สติ แล้วฮูหยินใหญ่ก็เริ่มหน้าเสียเล็กน้อย
แน่นอนว่านางรู้ดีว่าชายผู้นี้เป็นใคร เซียวอวิ๋นเซิง เซียวโหวเย๋น้อย หลานชายของท่านเซียวโหวเย๋ พระสหายของฮ่องเต้อวี้ฉือกง ผู้ซึ่งนำกองทัพไปออกรบเมื่อสองปีก่อนและเพิ่งกลับมาวันนี้
ปี้เถาชี้เซียวอวิ๋นเซิงและพูดว่า “เขานี่แหละเจ้าค่ะ! เขาเป็นคนที่แอบนัดพบกับคุณหนูรอง!”
กู้ชิวเซียงถูกเลี้ยงให้อยู่แต่เหย้าเฝ้าแต่เรือน ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าในราชสำนักมีชายสูงศักดิ์ท่านไหนบ้าง แม้ว่านางจะเห็นว่าชายผู้นี้ดูไม่ธรรมดา แต่นางก็ยังรีบโยนเรื่องฉาวโฉ่ของการแอบนัดพบให้กู้ชิวเหลิ่ง นางเอ่ยว่า “เจ้าเป็นใคร เหตุใดถึงมาปรากฏตัวในห้องของน้องรองได้ ช่างเหลวไหลยิ่งนัก!”
ฮูหยินใหญ่พูดอย่างตื่นตระหนกว่า “เงียบเสีย! ยังไม่รีบทำความเคารพเซียวโหวเย๋น้อยอีก!”
ปี้เถาไม่คิดว่าชายบนต้นไม้เมื่อครู่จะเป็นเซียวอวิ๋นเซิง นางจึงตกใจจนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและรีบคุกเข่าลงกับพื้นก่อนจะคำนับอีกฝ่าย
ขณะที่กู้ชิวเซียงยังไม่เข้าใจ เซียวอวิ๋นเซิงก็คลี่พัดออกและพูดด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ว่า “ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นหรอก แม่นางกู้พูดถูก นายน้อยอย่างข้าก็เป็นแค่ชายเหลวไหลเท่านั้น!”
พัดถูกปิดลงอย่างแรงพร้อมกับดวงตาของเซียวอวิ๋นเซิงที่หรี่ลง
“เป็นเซียวโหวเย๋น้อยนี่เอง ชิวเซียงเข้าใจผิดเองเจ้าค่ะ เมื่อครู่ชิวเซียงแค่พยายามปกป้องน้องสาวเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาล่วงเกิน เซียวโหวเย๋น้อยโปรดอภัย”
เซียวอวิ๋นเซิงสะบัดพัดและพูดว่า “มิบังอาจ”
เมื่อเห็นว่าเซียวอวิ๋นเซิงเริ่มทนไม่ไหว กู้ชิวเซียงที่ทำให้เซียวอวิ๋นเซิงขุ่นเคืองจึงไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก
ฮูหยินใหญ่ยกยิ้มมุมปากพลางถามว่า “ไม่ทราบว่าเหตุใดเซียวโหวเย๋น้อยจึงมาปรากฏตัวอยู่ในห้องของสาวน้อยคนนี้ได้หรือ”
เซียวอวิ๋นเซิงเลิกคิ้วและพูดว่า “ฮูหยินใหญ่ต้องการถามว่าข้ากับคุณหนูรองได้กระทำเรื่องเสื่อมเสียกันหรือไม่เช่นนั้นหรือ ดูเหมือนฮูหยินใหญ่ก็คงคิดว่าข้าเป็นชายที่เหลวไหลเช่นกันสินะ”
แน่นอนว่าฮูหยินใหญ่ไม่กล้าล่วงเกินโหวเย๋น้อยผู้นี้ นางจึงพูดแต่เพียงว่า “มิบังอาจ เพียงแต่ชายโสดหญิงโสดที่ยังไม่แต่งงาน การกระทำเช่นนี้… มันไม่เหมาะสมจริงๆ”
ราวกับเซียวอวิ๋นเซิงได้ฟังเรื่องที่น่าขบขันเป็นอย่างยิ่ง เขาพูดว่า “นายน้อยอย่างข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ฮูหยินใหญ่พูด ชายโสดหญิงโสดรึ ในที่แห่งนี้มีหญิงคนเดียวเสียที่ไหน! นายน้อยอย่างข้าไม่ได้ขาดแคลนสาวงามเสียหน่อย!”
คำก็นายน้อย สองคำก็นายน้อย คำนั้นทำให้ฮูหยินใหญ่ดึงรั้งสีหน้าไว้ไม่ไหว
เซียวอวิ๋นเซิงพูดต่อ “คุณหนูรองไม่ต้องปกปิดเรื่องราวให้ข้าหรอก ความจริงแล้วนายน้อยอย่างข้าเป็นคนผลักคนผู้นี้ลงไปเอง แม่นางกู้บอกว่าจะจับคนขึ้นศาลใช่หรือไม่ จับข้าไปเลย ข้าก็อยากจะรู้ว่าทางการจะกล้ารับหรือไม่!”