ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 40 แผนการของฮูหยินใหญ่
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 40 แผนการของฮูหยินใหญ่
เกากงกงเป็นคนโปรดที่รับใช้ข้างกายฮ่องเต้ การให้เกากงกงมามอบราชโองการด้วยตนเองนั่นแสดงว่าเป็นเรื่องที่ดีมากอย่างแน่นอน
เกากงกงพยักหน้าเบาๆ พูดว่า “คุณหนูรองเกรงใจมากไปแล้ว รีบรับราชโองการเถอะ”
ปากพูดเช่นนั้นก็จริง แต่เกากงกงก็ยังคงรู้สึกตะลึงเล็กน้อยกับท่าทีของกู้ชิวเหลิ่ง ที่ไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำเลย กลับรู้สึกมีความสบายๆอยู่หลายส่วน
กู้หนานเฉิงกับฮูหยินใหญ่คุกเข่าอยู่ที่พื้น จากนั้นกู้ชิวเหลิ่งก็คุกเข่าอยู่ด้านหน้าสุด ฟังราชโองการที่เกากงกงอ่าน “มีราชโองการให้คุณหนูรองแห่งตระกูลกู้กู้ชิวเหลิ่งเข้าร่วมงานเลี้ยงในวันขึ้นสองค่ำเดือนห้า และประทานกระโปรงเขียวครามลายไผ่หนึ่งชุด พร้อมผ้าแพรไหมสิบผืน”
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “หม่อมฉันกู้ชิวเหลิ่งรับราชโองการ”
ฮูหยินใหญ่ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นบิดผ้าเช็ดหน้าไปมา เกากงกงมาส่งราชโองการด้วยตนเอง เห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้ทรงให้ความสำคัญกับกู้ชิวเหลิ่ง ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องที่ท่านอ๋องหกอวี่เหวินหวายถอนหมั้นหรือไม่ ฉะนั้นจึงอยากจะปลอบใจ แต่ไม่ว่าอย่างไรหากข่าวนี้แพร่ออกไป คนในเมืองหลวงต้องวิจารณ์กันไปต่างๆนานาแน่
กู้ชิวเหลิ่งรับราชโองการมาถือไว้ในมือ กู้หนานเฉิงมองกู้ชิวเหลิ่งด้วยสายตาที่มีความหมายแอบแฝง จากนั้นก็ไปส่งเกากงกง ในห้องโถงเหลือแค่ฮูหยินใหญ่และกู้ชิวเหลิ่งสองคนเท่านั้น
ฮูหยินใหญ่ฝืนยิ้มออกมา พูดขึ้นว่า “เหลิ่งเอ๋อร์ช่างมีวาสนาจริงๆ นี่เพิ่งจะถอนหมั้น ฮ่องเต้ก็มีราชโองการ เป็นนัยว่าจะประทานงานแต่งให้เจ้านะ”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มบางๆ พูดว่า “ท่านแม่พูดอะไรกัน ครั้งที่แล้วฮ่องเต้ทรงประธานให้ลูกได้มีอำนาจในการตัดสินใจเรื่องแต่งงานอย่างอิสระ แล้วจะจงใจประทานงานแต่งงานให้ลูกได้อย่างไร คำพูดของฮ่องเต้นั้นศักดิ์สิทธิ์เชื่อถือได้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะคืนคำ หรือที่ท่านแม่พูดถึงจะหมายความว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนั้นไร้ซึ่งวาจาสัตย์”
ฮูหยินใหญ่สีหน้าเย็นชาลงทันที เห็นว่ากู้หนานเฉิงยังคงคุยกับเกากงกงอยู่ที่ประตูจวน จึงทำสีหน้าเคร่งขรึมและบอกว่า “กู้ชิวเหลิ่ง เจ้าอย่ามาทำเสแสร้งกับข้า ข้ารู้ตั้งนานแล้วว่าเจ้ามันมีใจคิดไม่ซื่อ รอให้ข้าจับจุดอ่อนของเจ้าได้ ต้อง……”
“ถ้าหากลูกไม่ลืมละก็ เซียวโหวเย๋น้อยเคยพูดไว้ว่า ถ้าหากเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นกับข้าในจวนนี้ ท่านแม่ก็หนีความผิดไม่พ้นเช่นกัน นี่จึงเป็นสาเหตุที่ท่านแม่ไม่ได้ลงมือกับข้าในช่วงนี้กระมัง ถ้าหากท่านคิดว่าข้ายังคงเป็นกู้ชิวเหลิ่งคนนั้นที่ปล่อยให้ท่านรังแกได้ตามใจ เช่นนั้นท่านก็คิดผิดแล้ว ท่านแม่ มีความสุขกับชีวิตในตอนนี้ดีกว่า เพราะหลังจากนี้ ข้าจะทำให้ท่านทรมานจนอยู่ไม่สู้ตาย”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ปิดบังความคิดที่อยู่ในใจของตนเองเลยสักนิด ถ้าหากเมื่อก่อนตอนที่นางยังไร้ความสามารถ จำเป็นต้องแสร้งเป็นคนอ่อนแอเพื่อให้คนอื่นตายใจ แต่ว่าตอนนี้ฮูหยินใหญ่ได้เผยตัวตนที่แท้จริงของนางออกมาตรงหน้าด้วยตนเอง เรื่องดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว รวดเร็วกว่าที่กู้ชิวเหลิ่งคิดเอาไว้ แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีความสามารถที่เพียงพอ ได้แต่ใช้สิ่งที่มีอยู่ในมือเดิมพันไปก่อนเท่านั้น
ความจองหองของกู้ชิวเหลิ่งมีไม่น้อยไปกว่าฮูหยินใหญ่เลย แม้ว่าฮูหยินใหญ่จะมีตระกูลฉินคอยช่วยเหลือสนับสนุน แต่เมื่อมองเห็นแววตาที่ดำสนิทและลึกล้ำของกู้ชิวเหลิ่งคู่นั้น นางรู้สึกราวกับว่าตนเองได้กลายเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว
กู้หนานเฉิงส่งเกากงกงกลับไปแล้ว ตอนที่เดินกลับมาใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย ถามว่า “ฮ่องเต้นึกอย่างไร จึงได้ให้เจ้าเข้าร่วมงานเลี้ยงของแคว้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเช่นนี้ ”
สีหน้าของฮูหยินใหญ่ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว พูดยิ้มๆว่า “ก็ลูกเราเพิ่งจะถอนหมั้นกับท่านอ๋องหก อายุก็ยังน้อย ฮ่องเต้ทรงมีเมตตา ต้องทำการเลือกสามีที่ดีให้กับลูกของเราในงานเลี้ยงของแคว้นอย่างแน่นอน”
กู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “ลูกกำลังคิดว่า ประชาชนในเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าลูกถูกถอนหมั้นจากว่าที่สามีในอนาคต หากข่าวนี้แพร่ออกไปคงเป็นการเสียหน้าราชวงศ์ไม่น้อย ฮ่องเต้ทรงมีจิตใจที่กว้างขวางมีคุณธรรมยิ่งนัก ครั้งนี้ได้เชิญลูกเข้าร่วมงานเลี้ยงเป็นการพิเศษ บางทีอาจเป็นการป่าวประกาศให้ได้ยินถึงความใจกว้างก็ราชวงศ์ก็ได้กระมัง”
ที่กู้ชิวเหลิ่งพูดมา เป็นเหตุผลเดียวกับที่กู้หนานเฉิงคิด ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ได้มีรับสั่งให้กู้ชิวเหลิ่งแต่งงานได้อย่างอิสระ ไม่ต้องให้เขาเป็นคนจัดการให้ ครั้งนี้เห็นทีว่าคงจะต้องการป่าวประกาศถึงความใจกว้างในราชวงศ์แน่ นี่ไม่เพียงแต่จะกู้หน้ากลับมาให้กับราชวงศ์ได้ ยิ่งสามารถทำให้ประชาชนรู้สึกถึงความอบอุ่นและใจกว้างของราชวงศ์ ไม่ใช่ฮ่องเต้ที่มีจิตใจคับแคบแต่อย่างใด
กู้หนานเฉิงพยักหน้าอย่างพอใจ พูดว่า “เหลิ่งเอ๋อร์เดาไม่ผิด งานเลี้ยงของแคว้นครั้งนี้เจ้าเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ขาดเหลืออะไร ให้บอกแม่เจ้าได้เลย นางไม่มีทางตระหนี่กับเจ้าแน่”
กู้ชิวเหลิ่งอมยิ้มมองไปทางฮูหยินใหญ่ พูดว่า “กระโปรงที่ฮ่องเต้ส่งมาให้ ลูกรู้สึกชอบมาก ส่วนเรื่องอื่นไม่ได้ขาดสนอะไรแล้ว ถ้าหากหลังจากนี้พบว่ายังขาดเหลืออะไร ลูกจะปรึกษากับท่านแม่เจ้าค่ะ”
กู้หนานเฉิงพยักหน้า “เจ้ากลับไปที่เรือนก่อนเถอะ ข้ากับแม่เจ้ามีเรื่องจะคุยกัน”
“เจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งจากไปพร้อมกับราชโองการ นางไม่อยากรู้เลยสักนิดว่ากู้หนานเฉิงจะพูดคุยอะไรกับฮูหยินใหญ่ เพราะนางรับรู้ได้อย่างเลือนรางว่า ครั้งที่แล้วทั้งๆที่กู้หนานเฉิงเห็นแล้วว่ากู้ชิวเซียงนั้นมีภาพวาดงามล้มเมืองภาพหนึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเลย ต้องเป็นเพราะฮูหยินใหญ่ได้พูดอะไรบางอย่างกับนางอย่างแน่นอน
ไม่ว่าอย่างไร กู้ชิวเซียงก็เป็นถึงหญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง นอกจากข่าวเสียหายที่เกี่ยวพันกับอวี่เหวินหวายเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ก็ไม่มีจุดบกพร่องใดๆเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่กู้ชิวเซียงเป็นลูกสาวคนโตของจวนโหว กู้หนานเฉิงต้องคำนึงถึงการวิพากษ์วิจารณ์ของคนภายนอกกับแรงกดดันจากทางด้านตระกูลฉิน ฉะนั้นสำหรับลูกสาวคนนี้ กู้หนานเฉิงยังคงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ฮูหยินใหญ่กำลังยกน้ำชาถ้วยหนึ่ง ไปวางไว้ตรงหน้ากู้หนานเฉิง เอ่ยด้วยเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “เรื่องของอี๋เหนียงสาม เป็นความผิดของข้าเอง ข้ารู้สึกผิดไปแล้ว อย่างน้อยก็เห็นแก่ที่ข้าปรนนิบัติรับใช้ท่านตั้งหลายปี ขอนายท่านอย่าถือสาข้าเลย”
กู้หนานเฉิงก็ไม่ได้คิดจะตัดเยื่อใยกับฮูหยินใหญ่จริงๆ ตระกูลฉินมีอิทธิพลต่อราชสำนักมาก ท่านย่าในตระกูลฉินเป็นถึงฮูหยินระดับเอก ในบรรดาสมาชิกสตรีในครอบครัวของเหล่าขุนนางถือว่าเป็นผู้มีบารมีสูงส่ง และตระกูลฉินก็มีอำนาจที่หยั่งรากลึก มีความเกี่ยวพันกับผู้คนมากมาย และยังเป็นตระกูลเก่าแก่นับร้อยปี เขายังไม่คิดจะผิดใจกับตระกูลฉิน
กู้หนานเฉิงใบหน้าบึ้งตึง เสียงเย็นชาและกระด้างพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้จะให้อภัยก็ได้ แต่เจ้าต้องอธิบายเรื่องภาพวาดในห้องของเซียงเอ๋อร์ให้ข้าฟังก่อน สาวใช้ที่ชื่อเซี่ยชุนบอกว่าช่วงนี้นางกำลังฝึกเต้นรำอย่างหนัก เจ้ามีแผนการอะไรในใจอีกแล้วใช่หรือไม่”
ฮูหยินใหญ่นวดไหล่ให้กับกู้หนานเฉิง พูดว่า “นายท่านเดาไม่ผิด ข้าวางแผนไว้เช่นนี้ เซียงเอ๋อร์ของเรามีฐานะสูงศักดิ์ เป็นลูกสาวคนโตในจวนโหวของพวกเรา อีกทั้งยังมีหน้าตาที่งดงามยิ่งนัก อย่างว่าแต่ท่านอ๋องหกก่อนหน้านี้เลย แม้แต่ลูกหลานของผู้สูงศักดิ์ทั้งหลาย ก็มาสู่ขอทุกปี แต่ว่าเซียงเอ๋อร์ ที่จริงนางมีใจให้กับท่านอ๋องรอง เรื่องนี้นายท่านก็รู้ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว”
กู้หนานเฉิงพยักหน้า พูดว่า “ถ้าหากท่านอ๋องรองก็มีใจให้กับเซียงเอ๋อร์ จวนโหวของเราก็ยินดีจะให้ลูกสาวแต่งงานด้วย แต่ต้องเป็นพระชายาเอกเท่านั้น แต่หลังจากผ่านเรื่องราวครั้งที่แล้ว ข้าก็เห็นว่าท่านอ๋องรองไม่ได้สนใจเซียงเอ๋อร์เลย”
ฮูหยินใหญ่พูดว่า “นายท่านวางใจได้ ท่านอ๋องรองมีฐานะสูงส่ง ลูกสาวเราก็ไม่ได้ด้อยกว่า ถ้าหากเซียงเอ๋อร์สามารถไปร่ายระบำในงานเลี้ยงของแคว้นละก็ เช่นนั้นไม่เพียงแต่จะสามารถทำให้จวนโหวของพวกเราได้หน้า ยิ่งจะทำให้ท่านอ๋องรองโปรดปรานมากขึ้น ทั้งหมดนี้ล้วนทำเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในภายหน้าของจวนโหวเรา นายท่านคิดว่าสิ่งที่ข้าพูดถูกต้องหรือไม่”
ฮูหยินใหญ่เลิกคิ้วขึ้น มองดูปฏิกิริยาของกู้หนานเฉิง นางแต่งงานกับกู้หนานเฉิงมานานขนาดนี้ เข้าใจความคิดในใจของกู้หนานเฉิงเป็นอย่างดี พวกผู้ชาย เมื่อถึงวัยกลางคน ย่อมต้องคิดถึงแต่เรื่องอำนาจและตำแหน่ง กู้หนานเฉิงเองก็ไม่มียกเว้น