ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 5 ฟื้นคืนแนวปฏิบัติ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 5 ฟื้นคืนแนวปฏิบัติ
ใบหน้าของกู้ชิวเซียงแดงก่ำ นางอดพูดไม่ได้ว่า “เซียวโหวเย๋น้อย ก่อนหน้านี้เป็นชิวเซียงที่ไร้มารยาท แต่ปี้เถาผู้นี้พยายามทำหน้าที่อย่างดีตลอด หากเซียวโหวเย๋น้อยคิดจะสังหารคนของจวนกู้โหว ท่านจะต้องมีเหตุผลมิใช่หรือเจ้าคะ ยิ่งไปกว่านั้นคนเป็นบุรุษยังมาปรากฏตัวอยู่ในห้องของสตรีที่ยังไม่แต่งงานออกเรือนโดยไม่มีเหตุผล หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป น้องรองของข้าจะออกไปพบหน้าใครได้อย่างไร”
เซียวอวิ๋นเซิงเดินไปข้างๆ กู้ชิวเซียงและมองกู้ชิวเซียงตั้งแต่หัวจรดเท้า
ฮูหยินใหญ่กล่าวว่า “เซียวโหวเย๋น้อยโปรดอธิบายด้วย ไม่เช่นนั้นข้าจะอธิบายเรื่องนี้กับนายท่านไม่ได้”
เซียวอวิ๋นเซิงรวบพัดและเอ่ยอย่างเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ถ้าถามว่าเพราะเหตุใดนายน้อยอย่างข้าจึงมาปรากฏตัวที่เรือนของคุณหนูรอง เช่นนั้นก็ควรจะถามแม่นางกู้คนงามแล้วละ”
กู้ชิวเซียงมองเซียวอวิ๋นเซิงอย่างเหลือเชื่อ นางจะรู้ได้อย่างไรว่าเพราะเหตุใดเซียวอวิ๋นเซิงจึงมาปรากฏตัวอยู่ในเรือนของกู้ชิวเหลิ่ง
เซียวอวิ๋นเซิงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คราวนี้ใต้ฝ่าพระบาทเป็นผู้ส่งข้ามาเพื่อขอโทษแทนท่านอ๋องหก ตอนนี้มีข่าวลือไปทั่วเมืองหลวงว่าท่านอ๋องหกทรงใช้กำลังบุกเข้ามาในห้องของคุณหนูรองแห่งจวนโหว ทั้งยังด่าทอทุบตี เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับพระเกียรติของราชวงศ์และศักดิ์ศรีของคุณหนูรอง ฝ่าบาทมิทรงต้องการให้เป็นรู้กันมากเกินไป ดังนั้นจึงรับสั่งให้ข้ามาเงียบๆ โดยไม่ต้องแจ้งจวนโหวล่วงหน้า”
สิ่งที่เขาพูดก็นับว่าฟังดูสมเหตุสมผล กู้ชิวเหลิ่งแอบหัวเราะอยู่ในใจ ไม่คิดว่าเซียวอวิ๋นเซิงจะมีฝีมือในการปั้นน้ำเป็นตัวจนพูดโกหกได้คล่องปากเช่นนี้
ฮูหยินใหญ่รู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเซียวอวิ๋นเซิงกับฮ่องเต้อวี้ฉือกงอยู่แล้ว ดังนั้นนางจึงไม่ได้สงสัยและอดจิตตกไม่ได้ เดิมทีนางคิดจะใช้เรื่องนี้มาแก้ปัญหาเรื่องการแต่งงานระหว่างกู้ชิวเหลิ่งกับอวี่เหวินหวายให้จบสิ้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว
เซียวอวิ๋นเซิงเดินเข้าไปหาปี้เถาที่ตัวสั่นงันงก เขาทรุดตัวลงนั่งยองๆ และมองใบหน้าของปี้เถาก่อนจะกล่าวว่า “สาวน้อยคนงามคนดี ไปเรียนรู้อะไรไม่ดีมารึ? เรียนรู้จากคนอื่นเพื่อยั่วยวนผู้ชาย? นายน้อยอย่างข้าไม่ใช่คนที่จะยั่วยวนได้ง่ายๆ ขนาดนั้น”
ปี้เถาตื่นตระหนกจนเหงื่อไหลเต็มหน้า นางกล่าวว่า “ท่านโหวเย๋น้อย! บ่าวเคยยั่วยวนบุรุษตอนไหนหรือเจ้าคะ!”
เซียวอวิ๋นเซิงส่ายหน้าอย่างจนใจ เขาลุกขึ้นและเอ่ยกับฮูหยินใหญ่ว่า “ดูเถิด คราวนี้ฝ่าบาทรับสั่งให้ข้ามาได้ถูกจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีคนใช้แบบนี้อยู่ในเรือนของคุณหนูรอง! ดูเหมือนข้าจะต้องไปกราบทูลความจริงกับฝ่าบาทเสียแล้ว!”
ฮูหยินใหญ่ไหนเลยจะกล้าปล่อยให้เรื่องน่าอับอายภายในเรือนรับรู้ไปถึงหูคนภายนอก ยิ่งเซียวอวิ๋นเซิงยกชื่อฮ่องเต้มากล่าวเช่นนี้ นางยิ่งไม่กล้าปล่อยให้เรื่องในเรือนได้ยินไปถึงเบื้องบน ดังนั้นนางจึงรีบกล่าวว่า “ท่านโหวเย๋น้อยกล่าวสิ่งใดกัน จะเป็นการยั่วยวนบุรุษไปได้อย่างไร”
เซียวอวิ๋นเซิงเอ่ยด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “ข้ารู้ว่าข้าหล่อเหลางดงามเป็นอย่างมาก แต่นางก็มิอาจแตะเนื้อต้องตัวนายน้อยอย่างข้ามิใช่หรือ? คิดไม่ถึงว่าตอนนำชามาให้ นางจะจงใจทำน้ำชาหกใส่ตัวข้า! คิดจะคลายอาภรณ์ของข้า ที่ข้าถีบนางลงไปในสระมันมากเกินไปงั้นหรือ”
ปี้เถามองเซียวอวิ๋นเซิงอย่างตะลึงงัน ใบหน้าแดงก่ำอย่างคับข้องใจ “บ่าวไม่ได้ทำนะเจ้าคะ! บ่าวไม่ได้ยกชามาให้ด้วยซ้ำ! เป็นท่านโหวเย๋น้อยต่างหาก!”
เดิมทีปี้เถาคิดจะกล่าวหาว่าเซียวอวิ๋นเซิงลอบมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับกู้ชิวเหลิ่ง แต่ถึงจะพูดไปก็ไร้หลักฐาน ยิ่งไปกว่านั้นเซียวอวิ๋นเซิงยังมีสถานะที่พิเศษ บ่าวฐานะต่ำต้อยอย่างนางกล่าวหาไปก็มีแต่จะกลายเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ
เซียวอวิ๋นเซิงรวบพัดเก็บ เขาชี้ตัวเองและถามว่า “ข้างั้นหรือ หรือว่าแม่สาวน้อยคนงามยังจะบอกว่าข้ากับคุณหนูรองลอบคบชู้กัน?”
ปี้เถาใบหน้าขาวซีด นางคุกเข่าลงบนพื้นและร้องว่า “ฮูหยินเจ้าคะ! บ่าว…”
“ฮูหยินใหญ่!”
ทันใดนั้นเซียวอวิ๋นเซิงก็ชิงขัดจังหวะปี้เถาและเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ได้ยินว่าท่านกู้โหวตระเวนเดินทางไปเจียงซีกับท่านอ๋องรอง ตอนนี้ยังไม่กลับมามิใช่หรือ”
ฮูหยินใหญ่เหลือบมองปี้เถาที่อยู่บนพื้นและตอบทันทีว่า “เป็นเช่นนั้น คิดว่าอีกสองวันนายท่านก็น่าจะกลับมาแล้ว”
ชั่วขณะนั้นฮูหยินใหญ่ไม่เข้าใจเจตนาในคำพูดของเซียวอวิ๋นเซิง นางรู้แค่ว่า แม้ว่าเซียวอวิ๋นเซิงจะดูเหมือนเด็กที่ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่ แต่เขาก็ฉลาดเป็นกรดและต้องระวังให้ดี
เซียวอวิ๋นเซิงเขย่าพัดและเอ่ยด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ว่า “ในเมืองหลวงแห่งนี้ ท่านกู้โหวได้ชื่อว่ามีคุณธรรมและมีจิตใจโอบอ้อมอารีจนใครๆ ก็พากันยกย่อง คราวนี้เขาตระเวนเดินทางไปยังเจียงซีกับท่านอ๋องรอง แน่นอนว่าชื่อเสียงแห่งคุณธรรมย่อมเลื่องลือไปไกล ถ้าชื่อเสียงของท่านกู้โหวต้องถูกทำลายเพราะเรื่องภายในเรือน มันคงเรียกว่าได้ไม่คุ้มเสียมิใช่หรือ? ถึงตอนนั้นฮูหยินใหญ่ผู้เป็นนายหญิงของตระกูลคงจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ง่ายๆ”
ฮูหยินใหญ่รีบบอกว่า “ท่านโหวเย๋น้อยอย่าได้พูดจาเหลวไหล แม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจเรื่องในราชสำนัก แต่ข้าก็มิกล้าสร้างความลำบากให้นายท่าน ข้าทำหน้าที่ดูแลการเรือนเป็นอย่างดีเสมอมา จะไปทำให้ชื่อเสียงของนายท่านเสื่อมเสียได้อย่างไร!”
เซียวอวิ๋นเซิงโบกมือและบอกว่า “เรื่องความรับผิดชอบในหน้าที่ของฮูหยินใหญ่นั้นไม่ต้องสงสัยเลย แต่ท่านลองคิดดูเถิด ปี้เถาผู้นี้เป็นเพียงสาวใช้ แต่กล้ารังแกคุณหนูผู้เป็นนายของเรือนแห่งนี้ คราวนี้เพราะไม่พอใจที่นายน้อยอย่างข้าถีบลงไปในสระน้ำ นางถึงกับปรักปรำว่าคุณหนูรองลอบคบชู้สู่ชาย คราวหน้านางอาจจะทำเรื่องที่เลวร้ายยิ่งกว่านี้ก็ได้ ถึงแม้คุณหนูรองกู้จะไม่ใช่บุตรสาวแท้ๆ ของฮูหยินใหญ่ แต่นางก็นับว่าเป็นนายที่ถูกต้องชอบธรรมของจวนโหวแห่งนี้! ถ้าคนนอกรู้ความเป็นไปเป็นมาในเรื่องนี้ ฮูหยินใหญ่รู้ผลที่จะตามมาหรือไม่”
ฮูหยินใหญ่ตัวสั่นเนื่องจากเซียวอวิ๋นเซิงก้าวเข้ามาใกล้ เซียวอวิ๋นเซิงกล่าวเบาๆ ว่า “คนอื่นๆ ต้องพูดกันแน่ว่าภายในจวนกู้โหวมีแต่ความวุ่นวาย ท่านกู้โหวปล่อยให้เอกภรรยารังแกบุตรสาวของอนุภรรยา เรื่องรักภรรยาหลวงชังภรรยาน้อยเช่นนี้เป็นเรื่องที่ผู้คนรังเกียจมาแต่ไหนแต่ไร หลังจากนี้ฮูหยินใหญ่คงไม่อยากให้ใครยกเอาหัวข้อของกู้โหวมาพูดใช่หรือไม่”
เซียวอวิ๋นเซิงไม่ได้พูดเสียงดังและมีเพียงฮูหยินใหญ่ที่ยืนข้างๆ เซียวอวิ๋นเซิงเท่านั้นที่ได้ยินชัดเจน นางแสร้งทำเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจงดงามและใจกว้างมาตลอดเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านกู้โหว ข้อห้ามที่สำคัญที่สุดคือการที่คนอื่นพูดว่านางเป็นคนไร้เหตุผลและใจแคบช่างหึงหวง เวลานี้เมื่อได้ยินคำพูดของเซียวอวิ๋นเซิง นางจึงตระหนักได้อย่างชัดเจนว่าในคำพูดนั้นแฝงไปด้วยการคุกคาม
ปี้เถาที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอยากขยับเข้าไปฟังใกล้ๆ ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน แต่เพราะปัญหาเรื่องระยะห่าง นางจึงไม่ได้ยินเหตุผลอะไรเลยสักอย่าง
ในขณะนั้นเอง เซียวอวิ๋นเซิงก็คลี่พัดออกแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แจ่มใสว่า “ถ้าจะถามข้า ปี้เถาผู้นี้เป็นเพียงสาวใช้คนหนึ่ง ข้าก็แค่อยากช่วยตักเตือนแทนคุณหนูรองเท่านั้น ตอนนี้ในเมื่อฮูหยินใหญ่มาถึงแล้ว คงจะดีกว่ามิใช่หรือถ้าจะทำให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่าง จะได้เป็นการปรับแนวปฏิบัติในจวนแห่งนี้ไปด้วย”
ฮูหยินใหญ่หลุบตามองปี้เถาที่คุกเข่าอยู่บนพื้น ปี้เถากำลังอ้าปากค้างเพราะตกใจกับข้อแก้ต่างของเซียวอวิ๋นเซิงจนสติลอยหาย แม่นมโจวที่อยู่ข้างๆ กำมือแน่น ปี้เถาคือหลานสาวแท้ๆ ของนาง แต่นางติดตามฮูหยินใหญ่มานานหลายปี ฮูหยินใหญ่ไม่มีทางลงมือสังหารปี้เถาแน่ อย่างมากคงแค่ดุด่าทุบตีแค่ครั้งสองครั้งก็น่าจะจบเรื่องแล้ว
เสียงของกู้ชิวเซียงไพเราะเป็นอย่างมาก นางพูดอุบอิบขึ้นมาอย่างนุ่มนวลว่า “จากที่ลูกเห็น ท่านแม่ควรจะลงโทษให้ปี้เถาไปซักผ้านะเจ้าคะ ถึงอย่างไรนางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิง การโบยนั้นออกจะรุนแรงไปสักหน่อย”
ทันใดนั้นเซียวอวิ๋นเซิงก็ยิ้มขึ้นมาและบอกว่า “คุณหนูใหญ่ช่างมีจิตใจดั่งแม่พระ แต่เมื่อครู่นี้คุณหนูใหญ่เพิ่งจะบอกให้จับน้องสาวของตัวเองไปขังคุกที่กรมอาญา ตอนนี้กลับพูดดีๆ ปลอบใจสาวใช้ เห็นแบบนี้แล้วข้านับถือยิ่งนัก ไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่เกิดมาผิดครอบครัวหรืออย่างไร ถึงได้ปฏิบัติกับสาวใช้ราวกับเป็นน้องสาวแท้ๆ”