ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 50 แผนร้ายของฮูหยินใหญ่ 1
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 50 แผนร้ายของฮูหยินใหญ่ 1
เมื่อเอ่ยถึงน้ำทำหมัน สีหน้าของฮูหยินใหญ่จำต้องเกิดความเคร่งขรึมขึ้นมา ตอนนั้นกู้ชิวเหลิ่งดื่มน้ำทำหมันไปแล้วแท้ๆ แต่ว่าหลังจากที่ท่านหมอหวังตรวจซ้ำไปหลายรอบแล้ว กลับบอกว่าร่างกายของกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ผิดปกติอะไร ความสงสัยข้อนี้ติดอยู่ในใจนางมาได้สักพักหนึ่งแล้ว
กู้ชิวเซียงกล่าวว่า: “ท่านแม่ไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องอื่น ขอเพียงเรื่องคืนนี้สำเร็จแล้ว ไม่ว่าวันหน้ากู้ชิวเหลิ่งจะสามารถตั้งครรภ์ได้หรือไม่ ก็ไม่มีใครเอานางแล้ว!”
ฮูหยินใหญ่พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม ถือว่ายอมรับสิ่งที่กู้ชิวเซียงพูดไปโดยปริยาย ใช่แล้ว นางได้นัดแนะกับฉินจงเอาไว้แล้ว ขอเพียงเรื่องในคืนนี้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ถึงเวลานั้นฉินจงบอกว่าแอบติดต่อกับกู้ชิวเหลิ่งมานานแล้ว ขอร้องกู้หนานเฉิงยกกู้ชิวเหลิ่งให้แต่งงานกับเขา เช่นนั้นต่อไปกู้ชิวเหลิ่งก็จะเป็นเหมือนกับชิ้นเนื้อที่ติดอยู่บนเขียง แล้วแต่นางจะจัดการแล้ว
คิดถึงตรงนี้ ความอัดอั้นตันใจที่อยู่ในใจของฮูหยินใหญ่ถึงได้ถือว่าโล่งลงมาได้
ในสายตาของกู้ชิวเซียงมีความโหดเหี้ยมแวบผ่านไปเล็กน้อย นางแค่นึกถึงสายตาและความห่วงใยที่แตกต่างจากคนอื่นของอวี่เหวินเจี๋ยที่มีต่อกู้ชิวเหลิ่ง และหลายวันมานี้ในเมืองหลวงก็มีข่าวลืออื้อฉาวของนางกับอวี่เหวินหวาย ในใจของนางก็มีความโกรธที่ไร้ขอบเขต ถ้าหากไม่ใช่กู้ชิวเหลิ่ง ชีวิตของนางก็จะไม่ถูกรอยด่างนี้ปกคลุม
ยามดึกของคืนวันนี้ เมฆดำหนาแน่นปกปิดพระจันทร์กับดวงดาว ท้องฟ้ามืดครึ้ม
อิงเอ๋อร์รออยู่ในศาลาครู่หนึ่ง เห็นผู้หญิงที่ใส่ชุดกระโปรงหลัวคนหนึ่งเดินมารางๆ มีสายตาที่เย็นยะเยือกราวกับเกล็ดน้ำแข็ง อิงเอ๋อร์กำลังอยากจะเอ่ยปาก ผู้หญิงที่อยู่ในเงามืดก็ยื่นมือออกมาข้างหนึ่งแล้ว ส่ายอยู่ตรงหน้าของอิงเอ๋อร์ครู่หนึ่ง อิงเอ๋อร์รู้สึกเพียงแค่ว่าการมองเห็นพร่ามัว บนใบหน้าที่เดิมทีแดงระเรื่อถูกย้อมชาดลงไปเล็กน้อย ราวกับดอกไม้ที่ละเอียดอ่อนงดงามจนดูเหมือนจะหยดย้อยลงมา
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งเกี่ยวเป็นรอยยิ้มจางๆขึ้นมาเล็กน้อย ค่อยๆถอยออกไปจากศาลาช้าๆ
และในศาลาเหลือเพียงอิงเอ๋อร์ที่อ่อนระทวยอยู่บนพื้นคนเดียว
ฉินจงรออยู่ที่หน้าประตูลานหลังอย่างคันไม้คันมือแล้ว เพราะความสำส่อนตลอดทั้งปี ทั่วทั้งใบหน้าของฉินจงเหลืองและซูบผอม ไม่เหมือนชายหนุ่มที่กำลังอยู่ในวัยยี่สิบกว่าๆเลยแม้แต่น้อย กลับดูเหมือนนักเที่ยวผู้หญิงที่เข้าออกหอนางโลมอยู่บ่อยๆ เพิ่มอายุให้แก่ไปหลายปี
เวลานี้ เขารออยู่ที่ลานหลังสักพักหนึ่งแล้ว เมื่อวานตอนที่ฮูหยินใหญ่บอกกับเขาว่าให้เขามาพบน้องสาวลูกพี่ลูกน้อง เขายังนึกว่าฮูหยินใหญ่จะยกน้องสาวลูกพี่ลูกน้องคนโตให้กับเขา เขาอยากได้กู้ชิวเซียงจนน้ำลายสอมานานหลายปีแล้ว แต่ว่าต่อมาตอนที่ฮูหยินใหญ่บอกว่าเป็นกู้ชิวเหลิ่ง ในใจของเขาก็เย็นยะเยือกลงไป กู้ชิวเหลิ่งเป็นใครเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร? กู้ชิวเหลิ่งหน้าตาน่าเกลียดในเมืองหลวงใครบ้างไม่รู้? อีกทั้งยังเป็นใบ้อีก
เดิมทีเขาไม่เห็นด้วย แต่ว่าในตอนที่ฮูหยินใหญ่ส่งภาพวาดของกู้ชิวเหลิ่งมาถึงมือเขา เขาแทบจะตะลึงงันไปเลย บนม้วนภาพนั้นใบหน้าที่ประณีตกว่ากู้ชิวเซียง และท่วงท่าที่โดดเด่นเยือกเย็น ทำให้เขาตั้งปณิธานต้องเอามาให้ได้
เมื่อนึกถึงใบหน้าที่ล่มชาติล่มเมืองของกู้ชิวเหลิ่ง ฉินจงรู้สึกว่าตัวเองรอนานเท่าไหร่ล้วนคุ้มค่าทั้งนั้น
กระดาษก้อนหนึ่งตกลงมายังข้างเท้าของเขา ฉินจงอาศัยช่วงที่บริเวณโดยรอบไม่มีคน เขารีบร้อนเก็บขึ้นมา ข้างบนเขียนว่า: พบกันฝั่งซ้ายมือห้าสิบก้าวจากศาลา
คำพูดประโยคนี้ราวกับไปกระตุ้นไฟปรารถนาที่อยู่ในใจของฉินจง ฉินจงใส่กระดาษข้อความเข้าไปในอ้อมแขน ถูฝ่ามือไปสองครั้ง วิ่งไปทางฝั่งซ้ายมือของศาลาอย่างตื่นเต้น
ภายใต้แสงจันทร์อันเบาบาง ในศาลามีผู้หญิงที่กำลังนอนกึ่งเปลือยอยู่คนหนึ่ง ใบหน้าของนางเห็นไม่ได้ชัดเจน เห็นได้เพียงสีแดงที่ทำให้คนลุ่มหลงเล็กน้อยเท่านั้น เรือนร่างของอิงเอ๋อร์บิดไปมา เห็นได้ชัดว่าอึดอัดอย่างมาก ในสมองว่างเปล่า สิ่งเดียวที่สามารถรู้สึกได้คือก็คือความร้อนรุ่มที่อยู่ภายในร่างกาย
ฉินจงเห็นภาพฉากนี้ ความปรารถนาที่เดิมทีก็รออยู่นานแล้วถูกจุดประกายขึ้นมาในทันที ไหนเลยจะยังอยู่เฉยได้อีก รีบร้อนเข้าไปใกล้ สัมผัสไปยังกระโปรงของอิงเอ๋อร์ ฉีกทึ้งออกอย่างไม่สนใจคำอธิบาย
อิงเอ๋อร์เองก็เหมือนกับจับที่พึ่งสุดท้ายได้ ดึงไหล่ของฉินจงเอาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยมือ
กู้ชิวเหลิ่งที่อยู่ไม่ไกลออกไปมองดูภาพฉากนี้ มุมปากเกี่ยวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันออกมาเล็กน้อย ค่อยๆหายไปในความมืด
กู้หนานเฉิงบีบหว่างคิ้ว กำลังรู้สึกปากแห้ง หลายวันนี้กู้หนานเฉิงมักจะพักอยู่ในห้องของอิงเอ๋อร์อยู่บ่อยๆ ถึงกับชอบร่างกายที่อ่อนเยาว์มากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
และในเวลานี้ ฮูหยินใหญ่วิ่งเข้ามาอย่างโซซัดโซเซ สีหน้าไม่น่าดูอย่างมาก
กู้หนานเฉิงขมวดคิ้ว กล่าวถาม: “มีเรื่องอะไรถึงทำให้เจ้าไม่มีกาลเทศะเช่นนี้! แม้แต่กฎก่อนเข้าห้องต้องเคาะประตูก็ไม่รู้แล้วหรือ?”
ฮูหยินใหญ่รีบร้อนคุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวว่า: “นายท่านโปรดอภัย เป็นเพราะข้ามีเรื่องด่วนต้องพูด ช้าไป ก็เกรงว่าคนจะหนีไป!”
กู้หนานเฉิงสงสัยในใจ กล่าวถาม: “เรื่องอะไร?”
“มีคนเห็นกู้ชิวเหลิ่งแอบนัดพบกับผู้ชาย รีบร้อนวิ่งมารายงานข้า เพราะนี่เป็นเรื่องใหญ่ ข้าไม่กล้าไม่มารายงานต่อนายท่าน!”
กู้หนานเฉิงลุกขึ้นมาจากบนเก้าอี้ในทันใด กล่าวด้วยความโกรธ: “อะไรนะ? !”
ฮูหยินก้มหน้า กล่าวว่า: “อยู่กันที่ลานหลัง ข้าส่งคนไปดูแล้ว ถ้าอย่างไรนายท่านก็……”
ยังไม่ทันที่ฮูหยินใหญ่จะพูดจบ กู้หนานเฉิงก็สะบัดแขนเสื้อแล้วกล่าวว่า: “ไป!”
ฮูหยินใหญ่มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปของกู้หนานเฉิง มุมปากเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เวลานี้ฉินจงน่าจะเสร็จงานแล้วล่ะมั้ง
ในขณะที่กู้หนานเฉิงเร่งฝีเท้าเดินไปถึงลานหลัง ลานหลังไม่ได้มีใครอยู่เลยสักคน แต่ว่าข้างศาลาที่อยู่ไม่ไกลจากลานหลังกลับมีคนล้อมรอบอยู่ไม่น้อย
กู้หนานเฉิงคว้าคบเพลิงที่อยู่ในมือของข้ารับใช้มา เร่งฝีเท้าเดินไปทางศาลา
อิงเอ๋อร์ปิดร่างกายเอาไว้ ฝังหัวเข้าไปลึกมาก ร้องไห้ราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน
และฉินจงก็กำลังผูกเสื้อผ้าอย่างรีบร้อน และยังกล่าวตะโกนไปด้วย: “รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร? หันหลังกลับไปให้หมดเลยนะ! มิเช่นนั้นข้าจะเอาชีวิตของพวกเจ้า!”
“คุณชายใหญ่ฉิน!”
กู้หนานเฉิงกัดฟันมองไปที่ฉินจง และผู้หญิงที่มองเห็นหน้าไม่ชัดบนพื้น
ฉินจงเห็นว่ากู้หนานเฉิงมาแล้ว สีหน้าท่าทางก็ไม่ได้เปลี่ยนไป แต่กลับกล่าวขึ้นมาว่า: “ท่านลุงกู้……เรื่องในวันนี้ล้วนเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งนั้น หลานกับลูกผู้น้องต่างก็มีใจให้กัน ขอท่านลุงได้โปรดให้เราสองคนแต่งงานกันด้วยเถอะ”
สีหน้าของกู้หนานเฉิงไม่น่าดูอย่างมาก ยกคบเพลิงขึ้นแล้วเงยหน้าของอิงเอ๋อร์ที่อยู่บนพื้นขึ้นมา ในตอนที่เห็นใบหน้าใบนั้น คนที่ตกตะลึงไม่ได้มีเพียงฮูหยินใหญ่กับกู้ชิวเซียงเท่านั้น ฉินจงเองก็เต็มไปด้วยความตะลึง ไม่รู้ว่าทำไมคนที่อยู่ใต้ร่างกายถึงได้กลายเป็นผู้หญิงที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน!
สีหน้าของกู้หนานเฉิงดำมืด เสียงร้องไห้ของอิงเอ๋อร์ ตะโกนออกมาด้วยเสียงร้องไห้เจียนขาดใจ: “นายท่าน! ท่านต้องเชื่อข้านะ! ไม่ใช่อย่างที่ท่านเห็นนะ……คุณชายใหญ่ฉินเขาข่มขืนข้า! ข้าไม่ได้ทำเรื่องที่ทรยศต่อนายท่านจริงๆนะ! ขอท่านได้โปรดเชื่อข้าด้วย!”
ทันทีที่เสียงหยุดลง กู้หนานเฉิงก็ตบไปหนึ่งฉากแล้ว รู้สึกว่ายังไม่สามารถคลายความโกรธลงไปได้ ทั่วทั้งร่างกายโกรธจนสั่นเทาไปหมด
“ทำไมถึงเป็นเจ้า!!”
คนที่โกรธไม่ได้มีเพียงกู้หนานเฉิง ยังมีฉินจง ถึงแม้ว่าความยึดติดกับสาวงามของฉินจงจะไม่ลึกกับอวี่เหวินหวาย แต่ว่าฉินจงให้ความสำคัญกับฐานะที่สูงศักดิ์หรือต่ำต้อยอย่างมากมาตลอด ข้างกายของเขาหากว่ามีสาวใช้ที่หน้าตาไม่เลว ก็จะเล่นเพียงครั้งเดียวแล้วก็โยนทิ้งไป แต่คิดไม่ถึงว่าเมื่อครู่นี้เขาถึงกับลงมือกับอี๋เหนียงของลุงตัวเอง นี่มันก็เพียงพอที่จะให้ฉินจงฉุนเฉียวได้แล้ว
ฉินจงก็ไม่สนใจความถูกต้องเหมาะสมอะไรทั้งสิ้น เข้าไปข้างหน้าแล้วตบไปอีกหนึ่งฉาก ตบจนอิงเอ๋อร์เลือดกบปาก ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมขึ้นมา