ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 55 องค์หญิงอานไท่
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 55 องค์หญิงอานไท่
ผู้จัดการเข้ามาดูใกล้ๆ ตรวจสอบตราประทับทั้งหมดบนโฉนดและหนังสือโอนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถึงได้กล่าวว่า: “ที่แท้ท่านก็คือเจ้านายใหม่ที่คุณชายสั่งการเอาไว้ ข้าน้อยแซ่จาง คือผู้จัดการของที่นี่”
“จัดการสะสางบัญชีของครึ่งปีล่าสุดนี้ออกมา พรุ่งนี้ข้าจะเข้ามาเอา ก่อนหน้าเรื่องพวกนี้ให้แยกประเภทของชาทั้งหมดออกมา ทำเครื่องหมายชาที่ขายดีที่สุด และที่ขายไม่ดีที่สุดทีละรายการ ราคาก็ต้องระบุให้ชัดเจน รวมทั้งราคาซื้อเข้าและราคาขายออก เข้าใจหรือไม่”
ผู้จัดการจางพยักหน้าซ้ำๆ กล่าวว่า: “จัดการเรื่องพวกนี้ออกมาไม่ได้ยุ่งยาก เพียงแต่ว่าคุณหนูไม่รู้ การค้าของโรงน้ำชายีผิ่งเราแย่มาก ขาดทุนมาครึ่งปีกว่าแล้ว กลัวแต่ว่าถึงเวลาจะทำกำไร ไม่ได้ง่ายจริงๆ……”
กู้ชิวเหลิ่งมองสำรวจภายในของโรงน้ำชารอบหนึ่ง โรงน้ำชาแห่งนี้กว้างขวางกว่าโรงน้ำชาทั่วไปเล็กน้อย และหน้าประตูก็มีคนที่อายุไม่มากเท่าไหร่มากมายซื้อผักอยู่ข้างถนน สามารถพูดได้ว่าความเหมาะสมกับผู้คนก็ไม่ได้มีปัญหา พูดกันตามหลักแล้วถึงแม้ที่ตั้งของถนนซีจะแย่แค่ไหน ก็ไม่ถึงกับจะขาดทุนหนักถึงขั้นนี้เด็ดขาด
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “ทำตามที่ข้าบอกจัดการสิ่งที่ข้าต้องการออกมาก่อน ที่เหลือยังไม่ต้องไปสนใจ”
ผู้จัดการจางกล่าวว่า: “ข้าน้อยจะไปจัดการเดี๋ยว”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวกับจูเอ๋อร์ว่า: “เดินไปตามถนนซี ตลอดทางไปจนถึงถนนตงซื่อ”
จูเอ๋อร์อยู่ด้านข้างกล่าวว่า: “แต่ว่าคุณหนู เดินไปเช่นนี้มันจะเหนื่อยมากนะเจ้าคะ”
“ข้าแค่ต้องการจะดูว่าบนถนนสายนี้มีครอบครัวแบบไหนกันบ้าง”
จูเอ๋อร์หัวเราะแหะๆ กล่าวว่า: “ที่แท้คุณหนูก็ต้องการจะดูสิ่งนี้นี่เอง ความจริงแล้วถนนซีอยู่ห่างจากฝั่งเมืองแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีขุนนางหรือชนชั้นสูงจะซื้อบ้านที่อยู่อาศัยที่นี่ ที่นี่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นชาวบ้านธรรมดาทั่วไปเท่านั้น”
คิ้วที่ขมวดกันอยู่เล็กน้อยของกู้ชิวเหลิ่งค่อยๆคลายออกช้าๆ ยิ้มออกมาเล็กน้อย: “ข้ารู้แล้ว”
จูเอ๋อร์เห็นท่าทางที่เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งของคุณหนูของตนเอง กล่าวถามด้วยความสงสัย: “คุณหนูรู้อะไรเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ตอบคำถาม ตอนนี้นางยังต้องดูบัญชีของโรงน้ำชาเป็นหลัก ทุกอย่างล้วนต้องรอให้ดูบัญชีแล้วค่อยทำการสรุปที่แน่นอน
ลานทาสของถนนตงซื่อ เป็นสถานที่ที่มีตลาดมืดมั่วสุมอยู่ตลอด มีผู้ชายที่เปลือยกายมากมายถูกขังเอาไว้ในกรงเหล็ก บางคนผอมจนเห็นกระดูก บางคนกลับแข็งแรงไร้ที่เปรียบ
กู้ชิวเหลิ่งยืนอยู่ด้านข้างไกลๆจากกลุ่มผู้ชมที่โอบล้อมอยู่ เจ้านายของทาสเป็นผู้ชายที่มีรูปร่างเตี้ยเล็ก มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่ประชาชนของต้าเยียน น่าจะเดินทางมาไกลจากแดนตะวันตก
คนมากมายล้วนมาเพื่อชมความครื้นเครง ในคนกลุ่มนี้มีผู้หญิงน้อยคนมาก สามารถพูดได้ว่านอกจากกู้ชิวเหลิ่งกับจูเอ๋อร์แล้ว ไม่สามารถมองเห็นผู้หญิงคนที่สามเลย
“ทุกท่านเดินผ่านไปผ่านมา ห้ามพลาดเด็ดขาด! พวกนี้คือบรรดาทาสที่แข็งแรงที่สุดของแดนตะวันตกเราเลยนะ! พวกเขาซื่อสัตย์เหมือนกับสุนัข จะไม่ทรยศนายของตัวเองเด็ดขาด!”
แส้ของเจ้านายทาสตีไปบนกรงเหล็ก ผู้ชายที่อยู่ในกรงเหล็กถูกลากตัวออกมาทีละคน
เจ้านายทาสกล่าวว่า: “รีบทำให้ทุกคนดูสิว่าพวกเจ้าใครคือทาสที่ยอดเยี่ยมที่สุด!”
แส้ฟาดลงไปบนหลังของทาสทุกคนอย่างไร้ความปรานี กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่มองดูอย่างเงียบๆ และจูเอ๋อร์ปิดตาเอาไว้อย่างทนดูไม่ได้เล็กน้อยแล้ว
ความจริงมีคนทำการซื้อขายทาสอยู่ทุกหนแห่งทั่วประเทศ ที่นางเคยเห็นไม่ได้มีเพียงแห่งนี้เท่านั้น แต่ว่าไม่เคยเจอทาสที่สามารถทำให้นางรู้สึกถูกใจอย่างแท้จริงมาก่อน ดังนั้นก็เลยไม่ได้ซื้อมาโดยตลอด
ทาสที่ถูกขังอยู่ในกรงต่างคนต่างกำลังทำร้ายร่างกายของอีกฝ่าย ราวกับไม่เห็นคู่ต่อสู้เป็นมนุษย์ เหมือนกับสัตว์ป่ากำลังต่อสู้กันอยู่
คนที่โอบล้อมอยู่บริเวณโดยรอบกำลังส่งเสียงโห่ร้องเชียร์ แต่ดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งกลับมองเห็นผู้ชายที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดคนหนึ่ง รูปร่างของเขาสูงใหญ่ สีผิวเป็นสีข้าวสาลีที่แข็งแรง ก้มหน้าเอาไว้ มองกล้ามเนื้อขนาดใหญ่แข็งแรงของเขาออกได้ไม่ยาก คนที่อยู่ที่นี่ไม่ว่าใครก็ไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาทั้งนั้น
ในเวลานี้ ในสนามเหลือเพียงแค่คนสองคนเท่านั้นแล้ว
คนที่เหลืออยู่คนนั้นดูเหมือนไม่กล้าเข้าใกล้ผู้ชายที่อยู่ในมุมมืดคนนั้น ร่างกายสั่นเทาและถอยหลังอยู่ตลอด เจ้านายของทาสกล่าวด้วยความโกรธ: “สู้สิ!”
แส้ฟาดไปบนตัวร่างกายของผู้ชายที่อยู่ในมุมมืด และคนที่เหลืออยู่คนนั้นก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้อยู่ดี ราวกับว่าผู้ชายคนนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวอะไรสักอย่าง
เจ้านายของทาสกัดฟัน ฟาดแส้ไปบนร่างกายของคนที่เหลืออยู่คนนั้น เนื้อตัวแทบจะแตกยับ ในที่สุดเขาก็จู่โจมไปทางคนที่อยู่ในมุมมืดคนนั้น เพียงแค่ชั่วพริบตานั้น ก็ถูกกัดจนหอหอยขาด
มนุษย์ตัวเป็นๆคนหนึ่งถูกกัดหอหอยขาดนั่นคือแนวความคิดแบบไหน เลือดยังคงพุ่งออกจากคอ คนยังคงชักกระตุกอยู่ แต่ว่าคนยังไม่ตาย ยังต้องดิ้นรนอย่างทุกข์ทรมานช่วงเวลาหนึ่งก่อนถึงจะสามารถตายไปได้ นี่ต้องเป็นคนใจเหี้ยมขนาดไหน ถึงจะสามารถใช้วิธีการแบบนี้ได้?
ชั่วขณะหนึ่งเจ้าของทาสก็ตกตะลึงไปเช่นกัน ผู้ชมที่โอบล้อมอยู่บริเวณโดยรอบเห็นว่ามีคนตาย อุทานออกมาด้วยความตกใจคำหนึ่ง ก็รีบวิ่งหนีไปอย่างไร้ร่องรอย
“เจ้า! เจ้าทำอะไรลงไป! เจ้าทาสที่สมควรตายนี่!”
แส้ของเจ้านายทาสกำลังจะฟาดลงไปบนร่างกายของผู้ชายคนนั้น เสียงของกู้ชิวเหลิ่งชิงตัดหน้าขึ้นมาก่อนก้าวหนึ่ง กล่าวว่า: “ช้าก่อน! คนคนนี้ข้าเอาแล้ว!”
“ไม่! คนคนนี้ข้าเอาแล้ว!”
เสียงของคนที่พูดมีความหยาบคายและพาลเล็กน้อย กู้ชิวเหลิ่งหันหน้ากลับไป ก็เห็นผู้หญิงที่มีใบหน้างดงามมากคนหนึ่ง สวมชุดเสื้อผ้าที่แตกต่างไปจากชุดของต้าเยียน
กู้ชิวเหลิ่งมองไปเพียงแค่ครู่เดียว ก็ดูออกว่านี่คือเครื่องแต่งกายของซีจิ้ง และน้ำเสียงโอหังเช่นนี้ แล้วก็เป็นคนที่มีรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ เป็นได้เพียงองค์หญิงของซีจิ้ง อานไท่เท่านั้นแล้ว
องค์หญิงอานไท่เดินมาถึงข้างกายของกู้ชิวเหลิ่ง มองพิจารณากู้ชิวเหลิ่งขึ้นลงครู่หนึ่ง โยนเงินหนึ่งร้อยตำลึงเข้าไปในมือของจูเอ๋อร์ กล่าวว่า: “คนคนนี้ข้าเอาแล้ว เงินพวกนี้เพียงพอให้พวกเจ้าซื้อทาสหนึ่งร้อยคนแล้ว”
บนใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งสวมใส่ผ้าคลุมหน้าบางผืนหนึ่ง กล่าวว่า: “ในเมื่อแม่นางเห็นแล้ว เช่นนั้นแม่นางก็ซื้อเถอะ”
กู้ชิวเหลิ่งโค้งคำนับเล็กน้อย กล่าวกับจูเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง: “เราไปกันได้แล้ว”
“อ๋า? แต่ว่าคุณหนู……ท่านไม่ได้จะ……”
กู้ชิวเหลิ่งหันหลังก็จากไปเลย ไม่มีความอาลัยอาวรณ์เลยแม้แต่น้อย และองค์หญิงอานไท่เพียงแค่เย้ยหยันออกมาคำหนึ่ง กล่าวกับเจ้านายทาสว่า: “ทาสคนนี้ราคาเท่าไหร่?”
เจ้านายทาสกลอกลูกตา กล่าวว่า: “คนที่ตายไปเมื่อครู่กับคนนี้ล้วนเป็นทาสที่ดีที่สุดของเรา! อย่างไรก็ต้องหนึ่งร้อยตำลึง!”
องค์หญิงอานไท่ก็รับเงินมาจากมือของผู้ชายที่อยู่ข้างกายมาอีกหนึ่งร้อยตำลึง โยนเข้าไปในมือของเจ้านายทาส สั่งการผู้ชายที่อยู่ด้านข้างว่า: “อานู! พาตัวเขาไป!”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์หญิง”
และกู้ชิวเหลิ่งกับจูเอ๋อร์ที่อยู่ไม่ไกลออกไปก็ไม่ได้จากไป แต่ว่ามองดูภาพที่อยู่ตรงหน้าอย่างราบเรียบ
จูเอ๋อร์กล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบา: “คุณหนูทำไมเมื่อครู่นี้ไม่โต้แย้งกับแม่นางคนนั้นล่ะ? คนคนนี้เราเห็นก่อนแท้ๆ”
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งเกี่ยวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันเล็กน้อย: “ซีจิ้งเป็นแคว้นเล็กๆที่ป่าเถื่อน องค์หญิงยังไม่เข้าใจหลักเหตุผล ข้าโต้แย้งกับนางไปก็เปล่าประโยชน์ แต่ข้ามีลางสังหรณ์อย่างหนึ่ง องค์หญิงอานไท่ไม่สามารถพาตัวผู้ชายคนนั้นไปได้”
“องค์หญิง? ที่แท้นางก็คือองค์หญิงของซีจิ้งคนนั้นนี่เอง……”
มองไปที่องค์หญิงอานไท่ที่ค่อยๆเดินออกไปไกลจากถนน กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “ตามพวกนางไป ฝีเท้าเบาหน่อย อย่าให้ถูกคนสังเกตเห็น”