ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 64 วิเคราะห์สถานการณ์
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 64 วิเคราะห์สถานการณ์
หากพูดถึงการมองคนมองสถานที่ สายตาของเซียวอวิ๋นเซิงถือว่าไม่เลว เพียงแต่การทำธุรกิจ มันก็ช่าง……
อย่างไรก็ตาม กู้ชิวเหลิ่งไม่สามารถชมว่าดีจริงๆ
กู้ชิวเหลิ่งมองดูโรงน้ำชาทั้งหมดที่เซียวอวิ๋นเซิงมีในครอบครอง ในเมืองหลวงมีทั้งหมดสามแห่ง หนึ่งในนั้นตั้งอยู่บนถนนฉางอัน ชื่อร้านโรงน้ำชาลื่วเยว่ รายได้สุทธิในหนึ่งเดือนอยู่ที่ประมาณสามแสนตำลึง และถ้าหากขายดี นั้นก็คือสี่แสนตำลึงต่อหนึ่งเดือน ในเมืองหลวงถือได้ว่าเป็นโรงน้ำชาที่ดีที่สุดแล้ว
อีกแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนถนนตงต้า ชื่อโรงน้ำชาไป่เหนียน ทำเลไม่เลว รายได้สุทธิในหนึ่งเดือนก็อยู่ที่ระหว่างสองแสนถึงสามแสนตำลึง
มีเพียงโรงน้ำชายีผิ่งแห่งนี้เท่านั้น ที่ขาดทุนอย่างหนัก
กู้ชิวเหลิ่งหยิบพู่กันขึ้นมา เขียนข้อบังคับลงไปบนกระดาษเซวียนจื่อ
ข้อที่หนึ่ง: วางชาดอกไม้ที่มีราคาถูกเอาไว้บนโต๊ะสำหรับรับจ่ายเงิน ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ติดเครื่องหมายบอกราคาให้ชัดเจน เริ่มต้นขายที่ห้าร้อยกรัม
ข้อที่สอง: ชาดอกไม้ที่มีราคาสูงขึ้นมาเล็กน้อยให้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขาย รับประกันราคาถูกกว่าโรงน้ำชาทั้งหมดในเมือง ปรับราคาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย การลดราคาที่ดีที่สุดอยู่ระหว่างอัตราส่วนร้อยละสิบถึงยี่สิบต่อหนึ่งร้อย วางไว้ด้านนอกโรงน้ำชา แขวนป้าย ติดเครื่องหมายบอกราคาให้ชัดเจน
ข้อที่สาม: ชาดอกไม้ที่เหลือไม่ว่าราคาสูงหรือต่ำ ซื้อหนึ่งกิโลกรัมแถมห้าร้อยกรัม คงราคาเอาไว้ไม่เปลี่ยนแปลง
ข้อที่สี่: ใบชาที่แพงที่สุดในร้าน ครึ่งหนึ่งในนั้นให้ขายออกไปข้างนอก ขายออกไปทางภาคใต้เป็นหลัก ราคาขายออกยิ่งสูงยิ่งดี ปรับให้เข้ากับราคาปัจจุบันสามเท่า
กู้ชิวเหลิ่งวางพู่กันที่อยู่ในมือลง ใบนี้เป็นเพียงความคิดที่นางเรียบเรียงออกมาได้ในตอนนี้เท่านั้น
ตรงหน้าประตูมีเสียงเคาะประตูดังมา กู้ชิวเหลิ่งนำบัญชีและกระดาษเก็บเข้าไปในลิ้นชัก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ: “เข้ามา”
กู้ชิวถางยกโจ๊กใบบัวเอาไว้ถ้วยหนึ่ง เห็นว่ากู้ชิวเหลิ่งยังจุดเทียนนั่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะ นึกว่ากู้ชิวเหลิ่งยังคงฝึกเขียนตัวอักษรอยู่ ดังนั้นจึงเอ่ยปากกล่าวว่า: “ดึกขนาดนี้แล้ว แสงไฟจากเทียนมันสลัว กินอะไรหน่อยแล้วก็พักผ่อนเถอะ”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้า กล่าวว่า: “อักษรนี้ฝึกเขียนได้ไม่ดีอยู่ตลอด ฝึกอีกสักพักหนึ่ง ข้าก็จะวางลงพักผ่อนแล้ว”
กู้ชิวถางวางโจ๊กใบบัวเอาไว้บนโต๊ะหนังสือ กู้ชิวเหลิ่งกล่าวถาม: “ดูสีหน้าท่านพี่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่นอน กำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่ใช่ไหม?”
“องค์หญิงอานไท่แห่งซีจิ้งเดินทางมาพร้อมกับคณะทูต จุดประสงค์ไม่บริสุทธิ์ ดังนั้น……”
“ดังนั้นหลายวันมานี้ท่านพี่ก็เลยครุ่นคิดมาตลอดว่าทำไมซีจิ้งถึงได้พาองค์หญิงอานไท่มาด้วย? ท่านพี่คงไม่ได้กำลังกลัวว่า ราชินีซีจิ้งต้องการจะให้ลูกสาวของตัวเองแต่งงานกับท่านพี่ใช่ไหม?”
ถูกพูดแทงความในใจ บนใบหน้าของกู้ชิวถางกระดากอายเล็กน้อย ความจริงในฐานะที่เป็นลูกผู้ชายอกสามศอก ต่อหน้าภารกิจชาติบ้านเมืองที่จริงจังไม่สมควรจะคิดเช่นนี้ แต่ว่าทุกครั้งตอนที่คิดถึงซีจิ้ง ข่าวลือที่ได้ยินพวกนั้น ก็อดที่จะคิดไปในทิศทางนี้ไม่ได้
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวว่า: “ท่านพี่เป็นคนเที่ยงตรง จะคิดเช่นนี้ก็ไม่แปลก แต่ว่าครั้งนี้ท่านพี่คิดได้ถูกต้องอย่างมาก”
บนใบหน้าของกู้ชิวถางมีความประหลาดใจ กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “เชิญท่านพี่นั่งลงก่อนเถิด”
กู้ชิวถางนั่งลงไปบนเก้าอี้ที่อยู่ไม่ห่างจากกู้ชิวเหลิ่ง สำหรับสิ่งที่กู้ชิวเหลิ่งกล่าวอย่างจริงจังมั่นใจเมื่อครู่นี้ ก็มีความสนใจอยู่เล็กน้อยจริงๆ
“ซีจิ้งผู้หญิงน้อย ผู้ชายมาก เลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเหตุการณ์หนึ่งหญิงหลายสามี ทหารและม้าของซีจิ้งแข็งแกร่งรุ่งเรือง สาเหตุก็เป็นเพราะว่ามีผู้ชายมาก และซีจิ้งส่งองค์หญิงมาที่ต้าเยียน ต้องมีเจตนาแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์อย่างแน่นอน เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรก ก็คือเพื่อเอาใจต้าเยียน เพื่อรักษามิตรภาพไว้ตลอดไป ส่งองค์หญิงแต่งงานเข้ามาด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับท่านพี่แล้ว เพราะคนที่องค์หญิงจะแต่งงานด้วยย่อมต้องเป็นท่านอ๋องอยู่แล้ว”
กู้ชิวถางพยักหน้า แสดงออกว่าเห็นด้วย
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวต่อไปอีกว่า: “อย่างที่สอง ทหารและม้าของซีจิ้งแข็งแกร่งรุ่งโรจน์มาตลอด ไม่เกรงกลัวต้าเยียนเลย และต้าเยียนเป็นแคว้นใหญ่ ทันทีที่เกิดสงครามขึ้นมา แคว้นที่อยู่บริเวณโดยรอบจะต้องวางแผนที่จะตักตวงผลประโยชน์อย่างแน่นอน รวมไปถึงต้าเยียน ดังนั้นซีจิ้งรู้ว่าตัวเองมีความสำคัญขนาดไหน มาครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อแต่งออกไป แต่เพื่อแต่งเข้ามา ความหมายก็คือองค์หญิงจะแต่งผู้ชายท่านหนึ่งไปที่ซีจิ้ง ผู้ชายท่านนี้ก็จะไม่ใช่บรรดาท่านอ๋องของต้าเยียนแล้ว”
กู้ชิวถางจะไม่รู้ได้อย่างไร หากว่าองค์หญิงซีจิ้งจะแต่งผู้ชายไป ก็จะไม่ใช่บรรดาท่านอ๋องที่มีสายเลือดสูงศักดิ์ของต้าเยียนอย่างแน่นอน อย่างไรเสียต้าเยียนก็เป็นประเทศที่ให้ใส่ใจกับธรรมเนียมประเพณี ให้ความสำคัญกับหน้าตามาตลอด ยินดีให้เกิดสงครามขึ้น ก็จะไม่ยอมให้ท่านอ๋องแห่งราชวงศ์แต่งงานออกไปอย่างเด็ดขาด และซีจิ้งเอ่ยคำขอเช่นนี้จะต้องถูกคนคิดว่าเสียมารยาทอย่างแน่นอน ถึงแม้จะต้องเสี่ยงต่อการล่วงเกินต้าเยียน ก็ยังจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คนที่ซีจิ้งต้องการก็จะต้องเป็นคนที่สามารถนำพาผลประโยชน์ให้กับซีจิ้งพวกเขาได้อย่างแน่นอน และคนประเภทนี้ ก็คือแม่ทัพที่มีอำนาจทางการทหารของต้าเยียนในมือ มีกลยุทธ์และกองกำลังที่ทรงพลังเพียงพอ
ในบรรดาขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ในราชสำนัก มีเพียงกู้ชิวถางที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นอายุรูปร่างหน้าตา หรือความสามารถ ล้วนเป็นคนมีความสามารถที่ซีจิ้งต้องการ
กู้ชิวเหลิงยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวว่า: “ท่านพี่ก็ไม่จำเป็นจะต้องมองโลกในแง่ร้ายเช่นนี้ ข้อที่สองนี้ถึงแม้จะมีความเป็นไปได้ แต่อย่างไรเสียซีจิ้งก็เป็นแคว้นเล็กๆ ไม่มีความกล้าขนาดที่จะเอ่ยคำขอที่ไร้มารยาทขนาดนั้นต่อต้าเยียน จะเริ่มต้นการเสียหน้าในงานเลี้ยงแห่งแคว้น?”
กู้ชิวถางราวกับได้รับการปลอบใจเล็กน้อย กล่าวว่า: “ฟังเจ้าพูดเช่นนี้แล้ว พี่กลับรู้สึกว่าเจ้ามีความสามารถพิเศษทางด้านการทหารมากกว่าพี่เสียอีก ถึงกับสามารถวิเคาระห์สถานการณ์ได้อย่างตรงประเด็นภายในเวลาที่สั้นขนาดนี้ได้”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “นี่มันธรรมดามาก อันที่จริงในห้องเรือนไม่มีอะไรให้ทำ ก็มีแต่คุยเรื่องที่น่าสนใจพวกนี้มาฆ่าเวลาเท่านั้น……”
กู้ชิวเหลิ่งนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เอ่ยปากกล่าวว่า: “ใช่แล้ว ท่านพี่ไม่ลองสอนศิลปะการต่อสู้ให้ข้าหน่อยล่ะ?”
คิ้วมีดดาบของกู้ชิวเหลิ่งขมวดขึ้นมา กล่าวด้วยความสงสัย: “ศิลปะการต่อสู้?”
“พักนี้ข้าก็รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก ก็เลยออกกำลังกล้ามเนื้อด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ ท่านพี่ทำไมไม่ลองมาสู้กับข้าสองสามท่าทุกวัน ดูสิว่าข้าจะมีพรสวรรค์ในการฝึกศิลปะการต่อสู้หรือไม่?”
แค่พูดเช่นนี้ กู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกว่าในใจก็มีความตื่นเต้นพลุกพล่านขึ้นมา สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกมีความสุขที่สุดในชีวิตคือการได้เจอคู่ต่อสู้ กู้ชิวถางคือผู้นำทหารที่ไม่เลวคนหนึ่ง และเป็นผู้ชายที่มีวรยุทธแข็งแกร่ง ถ้าหากสามารถขอให้กู้ชิวถางช่วยฝึกฝนวรยุทธได้ นางจะฟื้นฟูระดับความสามารถของชาติที่แล้วก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ในจวนโหวที่กว้างใหญ่แห่งนี้ กับต้าเยียนที่ไม่คุ้นเคย อาศัยเพียงองครักษ์คนเดียวไม่ได้มีความปลอดภัยเลย
กู้ชิวถางยิ้มออกมา กล่าวว่า: “เป็นสาวเป็นนาง จะฝึกศิลปะการต่อสู้จริงๆหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งกลอกลูกตา มือข้างหนึ่งก็ชกไปด้านหน้าของกู้ชิวถางโดยตรงแล้ว ในดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งตกตะลึง รีบแวบร่างหลบออกไปทันที
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งมีรอยยิ้มรางๆ: “ท่านพี่ เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ?”
บนใบหน้าของกู้ชิวถางมีความประหลาดใจที่ไม่สามารถซ่อนเอาไว้ได้: “เจ้า……เจ้าฝึกฝนได้ด้วยตัวเองหรือ? ถึงแม้พละกำลังจะไม่เพียงพอ แต่ไม่ว่าจะเป็นความเร็ว ทั้งมุมแล้วก็ความแม่นยำถือว่าไม่เลว ถ้าหากในมือของเจ้ามีมีดสั้นเล่มหนึ่ง เกรงว่าท่านพี่เจ้าข้าคงตายไปแล้ว”
กู้ชิวถางพูดเกินจริงไปไม่น้อย ในความเป็นจริงกู้ชิวเหลิ่งก็ไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด กู้ชิวถางก็ยังฉลาดมาก ถ้าหากเริ่มต้นต่อหน้ากู้ชิวถางเร็วเกินกว่าความเป็นไปได้เกินไป จะต้องถูกเขาสงสัยในฐานะของนางอย่างแน่นอน
กู้ชิวถางพยักหน้าด้วยความพอใจ แสดงออกว่าชื่นชมการลงมือเมื่อครู่นี้ของกู้ชิวเหลิ่งอย่างมาก ดังนั้นจึงกล่าวว่า: “เป็นลูกศิษย์ที่ดีคนหนึ่ง พรุ่งนี้พี่จะสอนเจ้าเลย”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มออกมาเล็กน้อย: “เจ้าค่ะ”