ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 67 ถีบกระเด็น
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 67 ถีบกระเด็น
อวี่เหวินหวายมองกู้ชิวเหลิ่งอย่างเหยียดหยาม ในน้ำเสียงนั้นส่อความดูถูก “ข้าทำร้ายผู้หญิงไม่เคยเมตตา ถ้าหากคุณหนูรองอยากลองอีกครั้ง? ดูเสื้อผ้าที่เจ้าใส่บางขนาดนั้น ถ้าหากถูกข้าฉีกขาดโดยไม่ตั้งใจ ก็อย่ารู้สึกขายหน้าละกัน”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “ช่วงนี้ท่านอ๋องหกเก็บตัวไม่ค่อยออกมา เรื่องที่ไม่ได้ยินเยอะมาก ท่านพี่ช่วงนี้ก็น่าสงสารมาก ไม่ได้อยู่ในจวน แต่ไปตระกูลฉิน รู้หรือไม่ว่าเพราะอะไร?”
อวี่เหวินหวายสีหน้ามีแววแห่งความงุนงง กู้ชิวเหลิ่งพูด “ในเมืองหลวงช่วงนี้มีข่าวลือกันว่า ท่านพี่กับคุณชายตระกูลฉิน ฉินจงมีความสัมพันธ์ลับ ถูกคนไม่น้อยเห็นกันแล้ว ท่านอ๋องหกคงยังไม่รู้? ทำไมถึงยังว่างมีอารมณ์มาต่อสู้กับข้าน้อยที่นี่?”
อวี่เหวินหวายโมโหอย่างมาก เขาไม่รู้ข่าวลือนี้จริง ในใจของเขา กู้ชิวเซียงเหมือนดั่งเทพธิดา จะให้คนอื่นทำให้เบอะเปื้อนได้อย่างไร?
มิหนำซ้ำกู้ชิวเหลิ่งพูดคำพูดนี้ออกมา ยิ่งทำให้อวี่เหวินหวายรู้สึกแปลกประหลาด ด้วยสัญชาตญาณแล้วก็รู้สึกว่าเรื่องนี้กู้ชิวเหลิ่งจงใจทำลายชื่อเสียงของกู้ชิวเซียง
อวี่เหวินหวายก็ไม่ห่วงอะไรคือสุภาพบุรุษแล้ว ยื่นหมัดก็จะเข้าไปต่อย กู้ชิวเหลิ่งร่างกายบางเบา เพราะฉะนั้นก็หลบได้เร็ว อวี่เหวินหวายหนึ่งหมัดต่อยไม่โดน ก็ยกอีกหมัดหนึ่งขึ้นมา กู้ชิวเหลิ่งกลับว่องไวเหมือนดั่งงู หลบได้รวดเร็วมาก เมื่อกู้ชิวเหลิ่งยกเท้าขึ้นมา หมัดของอวี่เหวินหวายก็ต่อยโดนความว่างเปล่า หันหลังไป
กู้ชิวเหลิ่งถีบที่เอวของอวี่เหวินหวายอย่างแรง เรี่ยวแรงนั้นกู้ชิวเหลิ่งใช้แรงเต็มที่ อวี่เหวินหวายเสียหลัก ล้มลงกับพื้นโดยตรง
ล้มครั้งนี้ อวี่เหวินหวายล้มหัวทิ่ม ทั้งฝุ่นทั้งดินเต็มตัว และดินเหลืองหลังเขานี้เปื้อนหน้าเขา สกปรกไปทั้งตัว
กู้ชิวเหลิ่งแกล้งทำเป็นตกใจแล้วถาม “ท่านอ๋องหก ทำไมท่านถึงไม่หลบ? ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว”
อวี่เหวินหวายลุกขึ้นจากพื้น ความโกรธที่ปิดบังไม่อยู่แล้ว สายตาทั้งคู่จ้องที่กู้ชิวเหลิ่งอย่างโมโห พูดว่า “กู้ชิวเหลิ่ง! เจ้าจงใจ!”
“ท่านอ๋องหกพูดเช่นนี้ไม่เป็นธรรมต่อข้าน้อย ตกลงแล้วว่าเป็นการแข่งขัน แต่ว่าหมัดของท่านอ๋องหกเมื่อครู่ก็รุนแรงทุกหมัด ข้าน้อยก็แค่ถีบไปครั้งเดียว เป็นท่านอ๋องหกเองที่ไม่หลบ ทำไมถึงเป็นข้าน้อยที่จงใจ?”
กู้ชิวถางพูดอยู่ด้านข้าง “ท่านอ๋องหก ลูกผู้ชาย แพ้แล้วก็คือแพ็แล้ว น้องรองของข้าคนนี้อายุยังน้อย ลงมือก็ไม่รู้หนักเบา ก็ขอให้ท่านอ๋องหกให้อภัยด้วย”
อวี่เหวินหวายไม่ได้มีความหมายที่จะยั้งมือ ยังจ้องกู้ชิวเหลิ่งอย่างโมโห เสมือนจะขุดหลุมบนร่างของกู้ชิวเหลิ่งเสียอย่างนั้น
อวี่เหวินเจี๋ยค่อยๆเดินมา เปิดปากพูดว่า “น้องหก เจ้าก็เป็นคนอายุยี่สิบแล้ว ทำไมทำเรื่องยังอารมณ์ร้อนเช่นนี้? ขอโทษคุณหนูรอง”
“พี่รอง! ท่านให้ข้าขอโทษกับกู้ชิวเหลิ่ง? ทั้งๆที่ข้าถูก…….”
ถูกถีบจนนอนอยู่กับพื้นให้ตายอวี่เหวินหวายก็พูดคำนี้ไม่ออกมา เขาลูกผู้ชายทั้งคน กลับถูกผู้หญิงอายุสิบสี่ถีบล้มไปกับพื้น เป็นใครก็รู้สึกขายหน้า มิหนำซ้ำเขายังเป็นท่านอ๋องหกของต้าเหยียน ถูกหญิงสามัญชนคนหนึ่งทำเสียหน้า ข่าวลือออกไปแล้วเขาจะอยู่ยังไง?
อวี่เหวินเจี๋ยขมวดคิ้วเล็กน้อย พูดว่า “เป็นถึงท่านอ๋อง พูดจาเหยียดหยามต่อหญิงสาวได้อย่างไร? เมื่อครู่เจ้าด่าดูหมิ่นคุณหนูรอง เจ้านึกว่าข้าไม่ได้ยินหรือ?”
ตลอดมาอวี่เหวินหวายกลัวคนสามคนมากที่สุด คนหนึ่งคือเซ่อเจิ้งหวางอวี้ฉือจ้าน คนหนึ่งคือฮ่องเต้อวี้ฉือกง คนสุดท้ายก็คืออวี่เหวินเจี๋ย
เห็นอวี่เหวินเจี๋ยขมวดคิ้วขึ้นมา ก็รู้ว่าเขาทำให้อวี่เหวินเจี๋ยไม่พอใจแล้ว จึงทำได้เพียงพูดด้วยสีหน้าเย็นชาไม่เต็มใจ “เป็นข้าเองที่พูดจาโผงผาง คุณหนูรองอย่าได้เอาไปใส่ใจ”
พูดจบ อวี่เหวินหวายก็ไม่ได้มองหน้ากู้ชิวเหลิ่งอีก จำกู้ชิวเหลิ่งไว้ในใจนานแล้ว ต้องหาเวลาล้างความอับอายแน่นอน
กู้ชิวเหลิ่งพูดด้วยเสียงเรียบ “ข้าน้อยไม่กล้าใส่ใจ เพียงแค่ท่านอ๋องหกไม่เป็นไรใช่ไหม? ดูตัวท่านอ๋องหกสกปรกไปหมด เกรงว่าต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”
ประโยคเดียว ก็ทำให้ความโมโหในใจอวี่เหวินหวายลุกเป็นไฟขึ้นมาอีก กู้ชิวเหลิ่งจงใจเตือนเขาว่าสภาพจนตรอก ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าสู้ไม่ได้แต่กระทั่งผู้หญิงคนเดียว
อีกอย่าง อวี่เหวินหวายรู้สึกประหลาดใจ เมื่อก่อนกู้ชิวเหลิ่งถูกเขาทั้งด่าทั้งตีก็ไม่พูดไม่เถียงสักคำ ไม่รู้ทำไม ตอนนี้กลับเรียนรู้ที่จะตอบโต้ไม่ว่า ยังเปลี่ยนเป็นต่อปากต่อคำเก่ง
กู้ชิวถางพูด “น้องรองพูดถูก ท่านอ๋องหกร่างกายสูงศักดิ์ มิเช่นนั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับข้าก่อน พวกเราจะได้ไปพูดคุยเรื่องล่าสัตว์กัน”
อวี่เหวินเจี๋ยพยักหน้า พูดว่า “ถ้าเช่นนั้นก็รบกวนแม่ทัพกู้แล้ว”
“มิกล้า เชิญท่านทั้งสอง”
กู้ชิวเหลิ่งก็ตามอยู่ข้างหลัง ตอนนี้นางกับกู้ชิวถางอยู่ตำหนักเดียวกัน ก่อนที่จะจัดเตรียมที่พักใหม่ให้นาง นางก็ต้องพักอยู่ในตำหนักรองของกู้ชิวถางชั่วคราว
อวี่เหวินเจี๋ยเปิดปากพูด “จำได้ว่าครั้งที่แล้วคุณหนูรองพักที่สวนยีชุ่ย ทำไมตอนนี้พักในตำหนักของแม่ทัพกู้?”
กู้ชิวถางพูด “ตำหนักของน้องรองมีปัญหานิดหน่อย เพราะฉะนั้นต้องย้ายไปตำหนักอื่น คาดว่าน่าจะจัดเตรียมเสร็จพรุ่งนี้แล้ว ตอนนี้ก็พักที่นี่เป็นการชั่วคราววันสองวันเท่านั้น”
อวี่เหวินเจี๋ยพยักหน้า เหมือนถามขึ้นเรื่อยเปื่อยประโยคเดียว “ครั้งก่อนตอนที่ข้ามา คุณหนูรองก็เปลี่ยนตำหนัก ไม่ทราบว่าครั้งนี้เปลี่ยนไปพักที่ไหน?”
อวี่เหวินหวายไม่เคยรู้ว่าอวี่เหวินเจี๋ยยังใส่ใจหญิงสาวบ้านคนอื่นจะพักที่ตำหนักอะไร ก็รู้สึกสงสัยขึ้นมาก่อน
เพียงแค่เพราะว่าอวี่เหวินเจี๋ยเหมือนถามขึ้นเรื่อยเปื่อยเท่านั้น กู้ชิวถางไม่ได้รู้สึกผิดปกติแต่อย่างใด แต่พูดว่า “สวนเฉินเซียงที่ท่านพ่อเป็นคนจัด”
อวี่เหวินเจี๋ย “อืม” เรียบๆไปคำหนึ่ง เหมือนไม่ได้ใส่ใจเช่นนั้น
เดินไปถึงประตูทางเข้าตำหนัก กู้ชิวเหลิ่งย่อตัวคำนับ พูดว่า “ข้าน้อยขอตัวก่อน”
อวี่เหวินเจี๋ยพูด “คุณหนูรองเชิญ”
“เจ้าค่ะ”
กู้ชิวเหลิ่งกลับไปถึงห้อง ตอนจากไปสังเกตถึงสายตาที่เต็มไปด้วยความโมโหของอวี่เหวินหวาย
จูเอ๋อร์ช่วยกู้ชิวเหลิ่งถอดเสื้อนอกไปด้วย พูดไปด้วย “คุณหนู สายตาของท่านอ๋องหกเมื่อครู่ช่างน่ากลัวมาก บ่าวกลัวว่าเขาจะทำอะไรไม่ดีต่อคุณหนูมากเลย”
“ถึงแม้อวี่เหวินหวายจะมีความกล้า แต่ก็ไม่มีความสามารถนั้น”
จูเอ๋อร์พูด “คำพูดของคุณหนูหมายความว่าอย่างไร? บ่าวไม่เข้าใจ มิหนำซ้ำวันนี้คุณหนูยังถีบท่านอ๋องหกอีก ถ้าไม่ใช่ท่านอ๋องรองขวางไว้ ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแล้ว!”
“ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้าถีบเขา เขาตอบสนองอย่างไร?”
จูเอ๋อร์พูด “นั่นยังต้องพูดอีกหรือ ตอนนั้นสีหน้าท่านอ๋องหกแย่มากจนเหมือนอยากฆ่าคน! บ่าวยังแอบปาดเหงื่อเลย”
“แต่ว่าเขาไม่กล้าลงมือ”
บนหน้าของกู้ชิวเหลิ่งมีรอยยิ้มเล็กน้อย จูเอ๋อร์พูดอย่างประหลาดใจ “เหมือนจะเป็นเช่นนี้ ตามหลักเมื่อก่อน ท่านอ๋องหกลงมือตั้งนานแล้ว แต่ว่าครั้งนี้ยังขอโทษต่อคุณหนูอีก ต้องเป็นเพราะท่านอ๋องรองแน่นอน ท่านอ๋องรองดีต่อคุณหนูที่สุดเลย”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้พูดต่อ ครั้งนี้นางมีความคิดที่จะสั่งสอนอวี่เหวินหวายจริง อีกอย่างก็คือจะดูการตอบสนองของอวี่เหวินเจี๋ยกับกู้ชิวเหลิ่ง ผลลัพธ์ก็ดีอย่างคาดไม่ถึง