ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 71 อ๋องอย่างข้า ไม่เคยพูดเล่น
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 71 อ๋องอย่างข้า ไม่เคยพูดเล่น
กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้า น้ำเสียงปนเสียงหัวเราะ “เซ่อเจิ้งหวางมาด้วยตัวเอง ก็เพื่อจะบอกข้าน้อยว่าเอี้ยนซานเหนียงและหอเฟิงเยว่เป็นของฝู้จื่อโม่? และขอโทษข้าน้อยแทนฝู้จื่อโม่ด้วย?”
อวี้ฉือจ้านผิวปาก นกพิราบสารอันฉลากตัวหนึ่งบินมาจากกลางอากาศ มาหยุดลงที่นิ้วของกู้ชิวเหลิ่งพอดี ทำให้กู้ชิวเหลิ่งชอบใจอย่างเชื่อฟัง
อวี้ฉือจ้านพูดอย่างตรงไปตรงมา “ข้าไม่ได้คิดจะตัดขาดความสัมพันธ์กับคุณหนูรองตั้งแต่ตอนนี้ เจ้าฉลาดเด็ดเดี่ยว น่าจะเข้าใจความเจตนาของข้า”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูนกพิราบบนนิ้ว พูดว่า “ข้าน้อยก็รู้เรื่องจวินฉีเซิ่งแค่เจ็ดแปดส่วนเท่านั้น ที่มีประโยชน์ต่อเซ่อเจิ้งหวาง ก็รายงานไปหมดแล้ว ไม่ทราบว่าเซ่อเจิ้งหวงยังอยากทำข้อเสนออะไรกับข้าน้อย?”
มุมปากของอวี้ฉือจ้านมีรอยยิ้มอันเย็นชา “กู้ชิวเหลิ่ง เจ้าไม่ต้องอ้อมไปมากับข้า ข้ารู้ความคิดของเจ้า ถึงแม้ข้ายังไม่รู้ว่าเจ้ามีอะไรโกรธแค้นกับจวินฉีเซิ่งแห่งแคว้นฉี แต่ว่าเจ้าอยากเข้าใกล้จวินฉีเซิ่ง ก็ต้องผ่านการช่วยเหลือจากข้า มิเช่นนั้นในต้าเหยียนนี้ ความฉลาดเต็มสมองของเจ้าก็ใช้อะไรไม่ได้”
ถึงแม้การพูดของอวี้ฉือจ้านดูเกินไป แต่กู้ชิวเหลิ่งก็เข้าใจอย่างแน่ชัด สิ่งที่อวี้ฉือจ้านพูดคือความจริง อยู่ในต้าเหยียนแห่งนี้ คนที่มีอำนาจที่สุดไม่ใช่ฮ่องเต้อวี้ฉือกง แต่เป็นผู้ชายคนนี้มีมือครอบครองอำนาจทหารอำนาจบริหารการเมือง ส่วนอยากเข้าใกล้จวินฉีเซิ่ง แผนการตั้งแต่แรกของกู้ชิวเหลิ่งก็คือเข้าใกล้อวี้ฉือจ้าน ตรงหน้ามีโอกาสยื่นให้เปล่าๆ กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้คิดจะไม่รู้กาลเทศะ
“ในเมื่อเซ่อเจิ้งหวางก็นำนกพิราบสารให้กับข้าน้อยแล้ว คาดว่าคงรู้คำตอบของข้าน้อยแล้ว ข้าน้อยก็ขอให้เซ่อเจิ้งหวางวางใจ ข้าน้อยคือกู้ชิวเหลิ่งแน่นอนไม่ต้องสงสัย ไม่ทำเรื่องเป็นภัยต่อต้าเหยียนอย่างแน่นอน หากพูดเท็จ ต้องโดนฟ้าผ่าแน่นอน”
อวี้ฉือจ้านกะพริบตามองกู้ชิวเหลิ่ง ผ่านไปนานมากถึงพูด “ข้าเชื่อเจ้า”
พูดประโยคนี้จบ อวี้ฉือจ้านดื่มน้ำชาที่เหลือในแก้วจนหมด มองดูแก้วน้ำชาในมือ อวี้ฉือจ้านพูดเสียงขรึม “อย่างไรเสียก็เป็นห้องนอนของหญิงสาว วางยาพิษดูเหมือนจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่ หากเจ้ารู้สึกไม่ปลอดภัยจริง พรุ่งนี้ข้ามอบคนให้เจ้าใช้หนึ่งคน”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย นางใส่ยาพิษรุนแรงไว้ที่เทียนหอมในห้องนอน แต่ว่าพิษชนิดนี้ไร้กลิ่นไร้สี ถ้าหากไม่มียาถอนพิษ เวลาภายในธูปหนึ่งดอกต้องเสียชีวิตแน่นอน ส่วนคนที่เคยดื่มยาถอนพิษครั้งเดียว จากนี้ไปก็จะมีภูมิต้านทานต่อพิษชนิดนี้ ก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว
อวี้ฉือจ้านแค่เพิ่งเข้ามา แต่กลับรู้ว่านางวางยาพิษในห้อง จิตใจละเอียดอ่อนเพียงนี้ เกรงว่าเมื่อเทียบกับนางแล้ว มีเพียงเกินกว่าไม่มีการเทียบไม่ได้
กู้ชิวเหลิ่งยังสงสัยว่าอวี้ฉือจ้านรู้เรื่องที่ห้องนอนนางมียาพิษได้อย่างไร อวี้ฉือจ้านก็เตรียมตัวจะจากไป สายตานั้นก่อนจากไปเหมือนจะจดจำสภาพของกู้ชิวเหลิ่งไว้ในใจ “อ๋องอย่างข้า ไม่เคยล้อเล่น”
เสื้อคลุมยาวสีม่วงหายไปจากค่ำคืน จวนโหวอันใหญ่โตไม่มีแม้แต่คนเดียวพบว่ามีคนแอบเข้ามา
มีเพียงกู้ชิวเหลิ่ง ครุ่นคิดอย่างละเอียดกับคำพูดประโยคสุดท้ายของอวี้ฉือจ้าน
ไม่เคยล้อเล่น? หมายความว่าเขามีใจอยากจะแต่งนางเป็นพระชายา?
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้าอย่างรู้สึกตลก ตั้งแต่แต่งงานกับจวินฉีเซิ่ง ตายในความใจโหดของมู่หรงอี๋ นางก็ไม่รู้แล้วว่าความรักอันน่าตลกแบบนั้นคือรสชาติอะไรแล้ว
ราชวงศ์เกิดมาก็ไร้ความเมตตา นอกจากอำนาจและตำแหน่งในสายตา จะมีอะไรที่พวกเขาสามารถสละทิ้งได้?
กู้ชิวเหลิ่งนอนอยู่บนเตียง จิตใจร่างกายก็เกร็งไปทั้งตัว ไม่ได้หยุดเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ในความฝัน จวินฉีเซิ่งกำลังเปิดผ้าแดงคลุมหัวของนางออกด้วยแววตารักใคร่ นางเขินอายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ตอนนั้น นางอายุสิบห้า
จวินฉีเซิ่งใช้สายตาอ่อนโยนเช่นนั้นมองนางตลอดเวลา ถึงแม้ว่าสองปีนางก็ไม่ตั้งครรภ์ และไม่เคยหย่ารั้งกับนาง ในใจนางรู้ดีว่าจวินฉีเซิ่งส่วนมากแล้วก็เพื่ออำนาจของตระกูลมู่หรง แต่ก็ไม่กล้าคิดไปด้านนั้น
หลังจากนั้นนางสู้รบตั้งแต่เหนือยันใต้ไม่หยุดเพื่อจวินฉีเซิ่ง ช่วยจวินฉีเซิ่งหาผู้วางแผนในทุกด้านอย่างลับๆ แม้กระทั่งต้องสูญเสียลูกคนเดียวของนางในเหตุการณ์ที่วางแผนตั้งแต่แรกแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งถูกอดีตทรมานจนสูญเสียสติทั้งหมด นางคิดถึงลูกที่ตายในท้อง นางรู้มาตลอดตั้งแต่เมื่อก่อนว่าจวินฉีเซิ่งอยากมีลูกสักคน แต่เพราะว่าตอนนั้นนางเรียนวิชาการต่อสู้นานปี โอกาสในการตั้งครรภ์ก็น้อยกว่าหญิงสาวคนอื่น จนกระทั่งมีคนหนึ่งอย่างไม่ง่ายเลย นางปกป้องอย่างระมัดระวัง แต่กลับถูกต้องถูกทำลายจากเหตุการณ์ที่จวินฉีเซิ่งเตรียมไว้แต่แรกแล้ว
จนถึงตอนนี้นางยังจำได้ หลังจากที่นางสูญเสียลูกคนแรกไป ก็นอนอยู่บนเตียงเหมือนดั่งคนตายคนหนึ่ง จวินฉีเซิ่งยกถ้วยยาถ้วยหนึ่ง เดินมาตรงหน้านาง พูดคำหวานที่น่าฟังไปด้วย ก็ป้อนยาที่ขมฝาดเข้าปากนางทีละช้อนไปด้วย
จนกระทั่งวินาทีที่นางตาย ถึงรู้ว่า สิ่งที่เข้าปากพร้อมกับคำหวานชื่นนั้น คือแก้ที่ทำให้ตั้งครรภ์ไม่ได้อีกที่จวินฉีเซิ่งตั้งใจเตรียมให้นาง
เพราะว่าจวินฉีเซิ่งมีแผนการที่จะทำลายตระกูลมู่หรงทั้งตระกูลตั้งแต่แรกแล้ว เพราะว่าจวินฉีเซิ่ง ไม่มีทางยอมให้สายเลือดของตระกูลมู่หรงปรากฏอยู่บนโลกนี้อย่างเด็ดขาด
กู้ชิวเหลิ่งไม่รู้ว่าเป็นอะไร น้ำตาได้เปียกชุ่มไปทั้งหน้าแล้ว เล็กสีแดงก็ถูกนางหักออกไปสองนิ้วแล้ว
ตอนที่จูเอ๋อร์วิ่งเข้ามาช่วยคุณหนูตัวเองเช็ดหน้า กู้ชิวเหลิ่งก็มองดูผ้าม่านสีเขียวอยู่พักหนึ่งแล้ว
“คุณหนู…….ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ? ใช่ฝันร้ายหรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งเช็ดน้ำตาที่ขอบตาจนแห้ง พูดเรียบเฉย “ตอนนี้กี่ยามแล้ว?”
“ยามเฉินแล้ว คุณหนู…….เล็บคุณหนูเลือดไหลแล้ว……”
กู้ชิวเหลิ่งเหมือนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย มุมปากมีรอยยิ้มที่น่ากลัวกว่าอสุราเสียอีก “ดี ดีมาก คนของแคว้นฉีและซีจิ้งคงถึงกันหมดแล้ว?”
จูเอ๋อร์พูดว่า “ตามเวลาแล้ว คนของซีจิ้งถึงกันแล้ว แคว้นฉีเพิ่งได้ข่าวเช้าวันนี้ เข้าวังกันแล้ว”
“แคว้นเป่ยมีข่าวอะไรบ้าง?”
จูเอ๋อร์พูดว่า “แคว้นเป่ย? แคว้นเป่ยเป็นแคว้นใหญ่ ปีนี้เหมือนไม่มาแล้ว”
กู้ชิวเหลิ่งก็ไม่ได้คาดหวังว่าแคว้นเป่ยจะมาในปีนี้ แค่นึกถึงผู้ชายที่ชื่อฉู่สวินคนนั้น ความสัมพันธ์กับกู้ชิวเหลิ่งไม่ธรรมดา
กู้ชิวเหลิ่งถอดเสื้อคลุมชั้นในที่เปียกชุ่มไปเพราะเหงื่อออก พูดว่า “ไปตักน้ำอุ่นมาถังหนึ่ง และนำหนังสือบันทึกราชวงศ์เก่าที่ข้าวางบนโต๊ะหนังสือมาด้วย”
“เจ้าค่ะ บ่าวไปเดี๋ยวนี้”
ในสมองของกู้ชิวเหลิ่งก็ปรากฏโฉมหน้าของจวินฉีเซิ่งขึ้นมาอีก นึกถึงจวินฉีเซิ่งที่เห็นในถนนฉางอัน เวลาสามปีไม่ได้ทิ้งร่องรอยบนใบหน้าของจวินฉีเซิ่งเลย แต่ทำให้เขายิ่งดูเป็นผู้ใหญ่และชั่วร้ายมากกว่าเดิม
กำเล็บที่หักไว้ในมือ ในใจของกู้ชิวเหลิ่งมีความเกลียดชังปะทุขึ้นมา
เวลางานเลี้ยงประจำแคว้นอีกไม่นานแล้ว จวินฉีเซิ่ง เจ้าต้องให้ข้าได้เห็นว่าสามปีนี้ความสามารถของเจ้าเพิ่มขึ้นหรือว่าถอยหลังแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งนึกถึงผู้หญิงที่นั่งบนเกี้ยวของจวินฉีเซิ่งในวันนั้น แววตายิ้มแย้ม ดูแล้วหลายปีนี้มู่หรงอี๋ก็ไม่ได้อยู่อย่างดี