ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 74 สุภาพบุรุษที่แท้จริง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 74 สุภาพบุรุษที่แท้จริง
แววตาของกู้ชิวถางเป็นประกาย เหมือนพูดถึงคนที่ตนนับถืออย่างนั้น
แววตากู้ชิวเหลิ่งสลดลง กู้ชิวถางพูดต่อ “แม่ทัพหญิงแห่งแคว้นฉี ตอนนั้นข้าเพิ่งอายุสิบเจ็ด เป็นแค่รองแม่ทัพคนหนึ่ง เคยเห็นนางที่ชายแดนแคว้นฉีและต้าเหยียน หน้าตาถึงแม้จะไม่คือว่างดงาม แต่ความสง่าที่กดกันคนนั้น แม้แต่คนเป็นผู้ชายอย่างข้ายังไม่กล้าดูถูก”
กู้ชิวเหลิ่งฝืนยิ้มเล็กน้อย พูดว่า “หญิงสาวที่ทำให้ท่านพี่นับถือ ข้าไม่มีวาสนาได้เจอแล้ว”
กู้ชิวถางขยี้ผมของกู้ชิวเหลิ่ง พูดว่า “ไม่มีวาสนาได้เจอจริง เหมือนพี่ก็ได้เจอเพียงแค่ครั้งเดียว นั่นเป็นหญิงมหัศจรรย์ที่ร้อยปีจะได้เจอสักครั้งในแคว้นฉี”
“หญิงมหัศจรรย์…….”
ในใจกู้ชิวเหลิ่งหัวเราะเยาะตัวเองในตอนนี้ นางถือว่าเป็นหญิงมหัศจรรย์อะไร? แม้กระทั่งพ่อและพี่ชายก็ช่วยไม่ได้ มองดูตระกูลมู่ทรงถูกฆ่าล้างตระกูล ส่วนตัวเองเป็นแค่นักโทษถูกขังอยู่คุกใต้ดิน ศพนอนอยู่ในคุกใต้ดินที่เปียกชื้น เกรงว่าแม้แต่ศพก็ไม่ได้เก็บไว้
ตอนที่กู้ชิวเหลิ่งกลับไป ความเกลียดชังในใจเหมือนถูกกระแสน้ำท่วมไปทั้งร่างกาย นางอยู่อย่างสงบที่ตระกูลกู้นานเกินไป จนกระทั่งถึงตอนนี้ สำหรับการแก้แค้นไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย
เหมือนกับฐานะของนางแบบนี้ในตอนนี้ แล้วจะเข้าใกล้จวินฉีเซิ่งได้อย่างไร? แล้วจะไปมีความสามารถอะไรทำให้จวินฉีเซิ่งกรรมตามสนองร้อยพันเท่า?
เล็กของกู้ชิวเหลิ่งที่หักไปยังไม่ได้งอกออกมา บาดแผลก็ไม่ได้จัดการอะไรเลย นางเหมือนกับต้องมนต์ กลับไปถึงที่พักใหม่ กระโดดขึ้นหลังคาเบาๆ เงยหน้ามองท้องฟ้าอันมืดมิด
ตอนที่เซียวอวิ๋นเซิงฉวยโอกาสฟ้ามืดแอบเข้ามาในจวนกู้ เห็นภาพนี้พอดี กู้ชิวเหลิ่งนอนอยู่บนหลังคาอย่างสงบ บินขึ้นหลังคาเดินตามกำแพงสำหรับกู้ชิวเหลิ่งแล้วไม่ใช่เรื่องยาก
เซียวอวิ๋นเซิงยืนบนต้นไม้ กอดมือสองข้างไว้ ทันใดนั้นรู้สึกว่าเขาขุดความลับอะไรบนตัวกู้ชิวเหลิ่งออกมาได้อีกแล้ว ลูกภรรยาน้อยคนหนึ่งในจวนโหว ไร้ความสามารถมาสิบกว่าปี แต่กลับมีวิชากังฟูที่ไม่เลว พูดออกไปแล้วใครจะไปเชื่อล่ะ?
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ลืมตา ถึงแม้ว่าเซียวอวิ่นเซิงจะมาอยู่ตรงหน้า นางก็ไม่ได้เปิดปาก
“ถ้าหากตอนนี้ข้าจะลอบทำร้ายเจ้า จากสถานการณ์ของเจ้าในตอนนี้ เจ้าก็อาจจะเสียชีวิตได้”
เซียวอวิ๋นเซิงยืนอยู่ข้างกู้ชิวเหลิ่งอย่างยิ้มแย้ม สะบัดพัดไปมา เหมือนกำลังรอกู้ชิวเหลิ่งเปิดปากพูด
กู้ชิวเหลิ่งเหมือนไม่ได้ยิน เซียวอวิ๋นเซิงรอจนใจร้อนแล้ว เพราะว่าสภาพของกู้ชิวเหลิ่งตอนนี้ ท่าทางสงบนิ่งเหมือนนอนหลับแล้ว โดยเฉพาะผมดำพาดไปข้างหลังอย่างขี้เกียจ โฉมหน้าอันงดงามใต้แสงจันทร์ทำให้คนคิดจินตนาการ หากไม่ใช่ใจเขาแน่วแน่พอ ต้องทำเรื่องไม่ดีต่อกู้ชิวเหลิ่งแน่นอน
ดีที่ เขาเซียวอวิ๋นเซิงเป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริง
กู้ชิวเหลิ่งค่อยๆลืมตา วันนี้รู้สึกเหนื่อยอย่างกะทันหัน เพราะฉะนั้นเมื่อครู่ถึงแม้รู้สึกได้ว่าเซียวอวิ๋นเซิงปรากฏตัว แต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
“เซียวโหวเย๋น้อยมีนิสัยบินขึ้นห้องนอนหญิงสาวในยามค่ำคืน?”
กู้ชิวเหลิ่งเกรงจะรู้สึกว่าเซียวอวิ๋นเซิงฝึกมาจากอวี้ฉือจ้านแล้ว เหล่าผู้ดีในเมืองหลวงนี้ ต่างก็ชอบบินหลังคากำแพงห้องนอนหญิงสาวหรืออย่างไร?
เซียวอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว นั่งข้างกู้ชิวเหลิ่ง หยิบขลุ่ยหยกเล็กๆอันหนึ่งออกมาจากอก ถึงแม้ว่าจะเล็กเท่านิ้วชี้ แต่กลับประณีตอย่างมาก เกาะสลักไห่ถังดอกหนึ่งไว้ข้างบน
เซียวอวิ๋นเซิงพูด “เจ้าอย่าคิดมาก ปีนี้แคว้นเป่ยไม่มาเป็นแขกต้าเหยียน เมื่อวานฉู่สวินฝากข้าเอาอันนี้ให้เจ้า ของดีเช่นนี้ก็มีแต่ฉู่สวินยอมให้เจ้า อย่ามองว่ามันเล็ก แต่มันมีชีวิต สามารถเป่าออกเสียงได้”
กู้ชิวเหลิ่งถือขลุ่ยหยกไว้ในมือ สำหรับตัวหยกก็สว่างสดใสแล้ว เกาะสลักเป็นสภาพนี้ยิ่งทำให้คนรู้สึกประณีตอย่างมาก
จนถึงตอนนี้กู้ชิวเหลิ่งก็ยังค้นหาบทบาทของฉู่สวินในความทรงจำของกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ แต่ว่าตอนที่สัมผัสขลุ่ยหยกอันนี้ กู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกถึงความอ่อนโยนที่คุ้นเคย
เซียวอวิ๋นเซิงมองดูสภาพที่กู้ชิวเหลิ่งมองขลุ่ยหยก ทันใดนั้นในใจรู้ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ ไอแห้งทีหนึ่ง พูดว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากับฉู่สวินเป็นคู่หมั้นหมาย แต่ว่าอย่างเห็นข้าเป็นคนกลางตลอดเวลาได้หรือไม่? ทำให้ข้าไปๆมาๆรู้สึกอึดอัดมาก”
กู้ชิวเหลิ่งพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ความจริงก็ไม่จำเป็นที่เซียงโหวเย๋น้อยต้องมาส่งเอง ส่งคนมาก็พอแล้ว” ถึงจะพูดเช่นนี้ แต่ว่าเซียวอวิ๋นเซิงจะไม่ยอมเสียโอกาสที่จะได้เจอกู้ชิวเหลิ่งโดยสูญเปล่า
สวรรค์รู้ว่าเขาอยู่ในจวนเซียนโหวคนเดียวมันน่าเบื่อขนาดไหน
หากไม่ใช่นายท่านเซียวคุมอยู่ที่บ้าน เขามาในตำหนักของกู้ชิวเหลิ่งตั้งนานแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งนำขลุ่ยหยกไว้ในแขนเสื้อ เงยหน้าพูด “หากเซียวโหวเย๋น้อยจะบ่นอยู่ที่นี่ สู้ไปดูธุรกิจในโรงน้ำชาทั้งสามแห่งจะดีกว่า ระวังไม่จับตาดีๆ ก็ถูกคนทำล่มแล้ว”
ตอนแรกที่เซียวอวิ๋นเซิงเปิดโรงน้ำชาก็เพื่อไร่ชาพวกนั้น ไม่ให้สูญเปล่าไป นอกจากโรงน้ำชายีผิ่งที่ขาดทุนทำให้คนไม่เบิกบานใจแล้ว อีกสองร้านต่างก็ได้กำไร ปกติแล้วเขาก็ไม่ได้ไปเปิดดูบัญชี อย่างไรเสียเงินตัวเองก็พอใช้
“มีเวลา โหวเย๋น้อยอย่างข้าต้องไปดูแน่!”
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่ “อืม” เบาๆคำเดียว เซียวอวิ๋นเซิงมองดูไหปลาร้าของกู้ชิวเหลิ่งที่เผยออกมาเล็กน้อย กลืนน้ำลายอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ทำไมเมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นหญิงสาวที่ไหปลาร้าสวยงามขนาดนี้มาก่อน?
เซียวอวิ๋นเซิงรีบพยักหน้า รีบสะบัดความคิดสกปรกเมื่อครู่เหล่านั้นออก ถึงแม้เขาเซียวอวิ๋นเซิงต่อหน้าแล้วจะดูเอ้อระเหยลอยชาย ความจริงแล้วก็เป็นสุภาพบุรุษที่แท้จริงคนหนึ่ง จะไปคิดนอกลู่นอกทางต่อหญิงสาวอายุแค่สิบสี่คนหนึ่งได้อย่างไร? มิหนำซ้ำยังเป็นผู้หญิงของเพื่อนตัวเอง!
เมื่อเซียวอวิ๋นเซิงดึงสติกลับมาได้ ก็ไม่รู้ว่ากู้ชิวเหลิงวิ่งไปถึงไหนแล้ว บนหลังคาเหลือเพียงเซียวอวิ๋นเซิงคนเดียว เละเมื่อเซียวอวิ๋นเซิงโดดลงมากลางสวน ไฟในห้องกู้ชิวเหลิ่งก็ดับสนิทแล้ว
เซียวอวิ๋นเซิงก็เข้าไปในห้องนอนหญิงสาวไม่ได้ จึงทำให้แค่เบ้ปาก แล้วจากไป
งานเลี้ยงประจำแคว้นใกล้แล้ว กู้ชิวเซียงก็เตรียมการเต้นรำงามล้มเมือง วันนี้ฉินเจิ้งเป่าและภรรยานางหลิวกลับมาจากเจียงซี หลิวเหล่าฮูหยินพากู้ชิวเซียงต้อนรับอยู่หน้าประตู แม้แต่คุณหนูตระกูลฉินที่ไม่เคยเผยโฉมเลย ฉินโม่เอ๋อร์ก็ออกมาแล้ว
ตอนแรกกู้ชิวเซียงไม่ได้มีความสนใจในหน้าตาของฉินโม่เอ๋อร์ แต่วันนี้ฉินโม่เอ๋อร์ถูกสาวใช้สองคนพยุงตัวไว้ สีหน้าซีดขาว คิ้วเรียวดั่งใบหลิว ดวงตาสวยงามสดใส มองดูแล้วอ่อนโยนมีเสน่ห์ ร่างกายผอมบาง เสมือนลมพัดก็กระจาย นี่ทำให้กู้ชิวเซียงอดสงสัยไม่ได้
หลิวเหล่าฮูหยินที่เดิมแล้วอยู่ข้างกายนางก็ไปถึงข้างกายฉินโม่เอ๋อร์ ทักทายห่วงใยไปหลายประโยค ฉินโม่เอ๋อร์ก็พยักหน้าเล็กน้อย คำพูดที่พูดออกมาบ้างเป็นบางครั้งก็ทำให้คนรู้สึกเหมือนลมอ่อนแรงพัดผ่าน ทำให้คนไม่กล้ารบกวน
แต่ไหนแต่ไรฉินจงรักใคร่น้องสาวคนนี้ ก็พูดจาเอาใจอยู่ข้างกายฉินโม่เอ๋อร์ไปหลายประโยค
ตอนที่กู้ชิวเซียงอยากเข้าใกล้น้องสาวคนนี้ เกี้ยวของสามีภรรยาตระกูลฉินก็ถึงแล้ว