ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 8 แคว้นฉีรับตัวเจ้าสาว
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 8 แคว้นฉีรับตัวเจ้าสาว
สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือของกู้ชิวเซียงถูกส่งมายังห้องใหม่ของกู้ชิวเหลิ่งแต่เช้าเลย ซึ่งดีกว่าเรือนจั๋วยู่ไปหลายเท่า อย่างน้อยอาหารช่วงนี้ต่างก็อุ่นอยู่ ผ้าห่มก็อบอุ่นเช่นกัน
กู้ชิวเหลิ่งหยิบปากกาขึ้นมา บนกระดาษเซวียนจื่อสีข้าวนั้นเขียนบทกวีไว้หนึ่งประโยค: หยินจู๋ชิวกวงเหลิ่งฮั่วผิง*
จูเอ๋อร์อ่านหนังสือไม่ออกจึงถามอย่างสงสัยว่า:”ที่คุณหนูเขียนคืออะไรเจ้าค่ะ?”
“บทกวีหนึ่งประโยค”
กู้ชิวเหลิ่งอ่านมันออกมา: “หยินจู๋ชิวกวงเหลิ่งฮั่วผิง”
จูเอ๋อร์ไม่เคยรู้เลยว่ากู้ชิวเหลิ่งเขียนหนังสือเป็น แถมเขียนสวยด้วย เมื่ออ่านบทกวีออกมาก็รู้สึกงดงามยิ่งนัก
กู้ชิวเหลิ่งตกอยู่ในการครุ่นคิด เมื่อก่อนนางไม่เคยสังเกตเลย ตอนมู่หรงอี๋บอกว่าจวินฉีเซิ่งเปลี่ยนชื่อหลิ่วหยินจู๋นี้ให้นาง ในใจของนางนั้นมีเพียงแต่ความเศร้าโศกและความขุ่นเคือง แต่กลับจำไม่ได้ว่าบทกวีนี้นางเป็นคนเขียนให้จวินฉีเซิ่งเอง
นางช่วยเหลือสนับสนุนจวินฉีเซิ่งมาเป็นเวลาหลายปี สุดท้ายกลับมอบสามีของตนให้กับผู้หญิงคนอื่นด้วยมือตัวเอง ช่างตลกยิ่งนัก
จูเอ๋อร์กล่าวว่า:”ความสามารถด้านวรรณกรรมของคุณหนูดีเยี่ยงนี้ ไม่ได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงแห่งแคว้น ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก”
กู้ชิวเหลิ่งถูกคำพูดของจูเอ๋อร์ดึงสติกลับมาและถามว่า:”งานเลี้ยงแห่งแคว้นอะไร?”
“ก็คืองานเลี้ยงแห่งแคว้นในอีกไม่กี่วันไงเจ้าค่ะ ได้ยินว่ากษัตริย์ของแคว้นฉีจะมาตีสนิทกับต้าเยียนของพวกข้า จะแต่งงานกับองค์หญิงท่านหนึ่งแล้วกลับไปที่แคว้นฉี!”
พู่กันในมือของกู้ชิวเหลิ่งหักลงเมื่อได้ยินประโยคนี้ จูเอ๋อร์ก็ตกใจและรีบถามว่า:”คุณหนู ท่านเป็นอะไรไป?”
สีหน้าของกู้ชิวเหลิ่งเย็นชาและน่ากลัว กษัตริย์ของแคว้นฉี……คิดไม่ถึงว่าจวินฉีเซิ่งจะมาเร็วขนาดนี้ แต่งงานกับองค์หญิงท่านหนึ่ง? เช่นเดียวกันกับตอนที่แต่งงานกับนาง ใช้งานแต่งที่น่าขำมารักษาอำนาจของตัวเอง หลังจากใช้เสร็จก็ไร้ค่า ทิ้งมันเหมือนทิ้งเศษผ้าผืนหนึ่งและไม่เคยเก็บมันขึ้นมาอีกเลย
กู้ชิวเหลิ่งขยำเซวียนจื่อที่เปื้อนหมึกแล้วโยนลงบน
ชาติที่แล้ว นางเป็นบุตรีภรรยาหลวงของจวนแม่ทัพ แม้จะไม่ได้งามล่มเมือง แต่กลับได้รับความโปรดปรานรักใคร่ยิ่งนัก
ชาตินี้ นางเป็นบุตรีอนุภรรยาของจวนกู้โหว แม้จะงามล่มเมือง แต่กลับถูกทุกคนดูหมิ่นรังเกียจ และใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่ต่างกับหมูกับหมา
จวินฉีเซิ่ง ข้าบอกเจ้าตั้งแต่ต้นแล้วว่า ชีวิตของคนอยู่ในกำมือของตัวเอง แม้ว่าตอนนี้ข้ากับเจ้าจะแตกต่างกันราวฟ้าและดิน แต่สักวันหนึ่ง เจ้าก็จะถูกเหยียบย่ำอยู่ในใต้เท้าของข้าแน่
ลูกของข้า ท่านพ่อและพี่ชายของข้า และตระกูลมู่หรงที่มีชื่อเสียงของข้า ล้วนต้องให้เจ้าใช้เลือดของเจ้ามาชดใช้คืน
กู้ชิวเหลิ่งสัมผัสหน้าท้องของตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ลูกคนแรกในชีวิตของนางนั้นตายอย่างไร นางจะไม่มีวันลืมเด็ดขาด
“คุณหนู……”
จูเอ๋อร์เห็นคุณหนูของนางเดินเท้าเปล่าบนพื้นเย็นอีก ก็รู้สึกกังวล อยากให้คุณหนูของนางสวมรองเท้า แต่ก็ไม่กล้าเดินไปข้างหน้า
ความเย็นที่มาจากเท้า ถึงจะทำให้นางรู้สึกได้ว่าอะไรคือความเหน็บหนาวอย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับความเหยียดหยามและเรื่องต่างๆที่นางเคยเจอมา ความเจ็บปวดนี้เป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งเท่าขี้เล็บเอง
งานเลี้ยงแห่งแคว้น จวินฉีเซิ่ง ข้ามาแล้ว
ฮูหยินใหญ่เรียกหมอหวังไปที่ศาลาพักร้อนและถามอย่างละเอียดว่า: “ครั้งที่แล้วเจ้าทำการแมะให้คุณหนูรอง ตกลงร่างกายของคุณหนูรองเป็นอะไรหรือไม่?”
หมอหวังตอบว่า:”ฮูหยินใหญ่คิดมากแล้ว ร่างกายของคุณหนูรองไม่ได้เป็นอะไรเลย”
ฮูหยินใหญ่กวักมือไปมาส่งสัญญาณให้หมอหวังถอยไป
กู้ชิวเซียงกำลังกินองุ่นอยู่ด้านข้างและถามว่า:”แม่สงสัยเรื่องนี้มาสองวันแล้ว เพราะอะไรกันแน่?”
ฮูหยินใหญ่ขมวดคิ้ว:”ตอนนี้นางอายุสิบสี่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีระดู”
กู้ชิวเซียงพูดอย่างไม่อายว่า: “คนย่อมแตกต่างกัน ไม่แน่พรุ่งนี้ก็มาแล้ว”
ฮูหยินใหญ่กล่าวว่า:”เมื่อสองปีก่อนข้าก็ได้สั่งให้คนทำน้ำทำหมันให้นาง”
ถ้วยชาในมือของกู้ชิวเซียงตกลงบนพื้น บนใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความตกตะลึง
ฮูหยินใหญ่ส่งสายตาให้แม่นมโจว สั่งให้สาวรับใช้ออกไปแล้วเก็บกวาดเศษถ้วยชาบนพื้น
ฮูหยินใหญ่กล่าวว่า: “ใช่ว่าข้าโหดร้าย แต่เป็นเพราะหากวันข้างหน้ากู้ชิวเหลิ่งแต่งงานเป็นคนของท่านอ๋องหก จะให้นางตั้งครรภ์ไม่ได้เด็ดขาด ตอนนั้นข้าให้แม่นมฉียกไปให้กู้ชิวเหลิ่งกับมือ แม่นมฉีเห็นนางดื่มลงไปกับตา ร่างกายจะไม่เป็นไรได้อย่างไร?”
กู้ชิวเซียงพูดอย่างลังเลว่า:”หรือเป็นเพราะแม่นมฉีทำงานไม่ได้เรื่อง?”
ฮูหยินใหญ่ส่ายหัว: “เมื่อวันก่อนนางถูกตี ทนรับความเจ็บปวดไม่ไหวจนตายไป ตอนนี้ถามไม่ได้อะไรสักอย่างแล้ว”
กู้ชิวเซียงกล่าวว่า:”หากเป็นดั่งที่ท่านแม่พูด ลูกก็รู้สึกว่ากู้ชิวเหลิ่งในสองวันนี้แปลกๆ เมื่อก่อนนางมักจะสยายผม เวลาพูดก็มักจะติดอ่างหรือเงียบไม่พูดอะไรเลย นางอยู่ในจวนนี้ก็เป็นเหมือนคนไร้ตัวตน แต่หลังจากผ่านเรื่องที่เซียวอวิ๋นเซิงเอะอะโวยวายก่อนหน้านี้ ตอนนี้นางก็เหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนกันเลย”
“เจ้าสงสัย……”
กู้ชิวเซียงกล่าวว่า:”หรือถูกเปลี่ยนตัวไป?นางไม่ใช่กู้ชิวเหลิ่ง? ”
ฮูหยินใหญ่รู้สึกว่าสิ่งที่กู้ชิวเซียงพูดนั้นแปลกเกินไป และพูดว่า: “เป็นไปไม่ได้ ข้าไม่มีวันลืมหน้าตาของกู้ชิวเหลิ่งได้แน่ เหมือนกับแม่นางแป๊ะเลย หากไม่ใช่เป็นเพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้นางไม่ค่อยออกไปมีชื่อเสียง ตำแหน่งหญิงงามอันดับหนึ่งของเจ้านี้ คงถูก……”
เมื่อพูดถึงหญิงงามอันดับหนึ่ง สีหน้าของกู้ชิวเซียงก็แย่ลงเลย ทุกคนต่างก็ชมว่านางเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งในเมืองหลวง แต่นางรู้ว่าหน้าตาของน้องสาวตัวเองนั้นเป็นอย่างไร แม้จะจงใจพูดใส่ร้ายว่าหล่อนน่าเกลียด แต่เมื่อวันก่อนนางเห็นใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งอีกครั้ง นางก็อดอิจฉาไม่ได้เหมือนเช่นเคย
ฮูหยินใหญ่ตบมือของกู้ชิวเซียงเบาๆและพูดว่า:”เอาละ พรุ่งนี้ท่านพ่อเจ้าก็กลับมาแล้ว ถึงตอนนั้นท่านอ๋องรองก็จะตามมาด้วย เจ้าชอบท่านอ๋องรองมาเป็นเวลานาน ท่านพ่อของเจ้าวางแผนที่จะจัดเลี้ยง ให้เจ้ามาต้อนรับ ครั้งนี้เป็นโอกาสดีในการประพฤติตัวของเจ้า”
กู้ชิวเซียงทำหน้าเขินอาย ท่านอ๋องรองอวี่เหวินเจี๋ย เป็นชายรูปโฉมงามที่ไม่มีใครเทียบได้ คนในราชสำนักมีเพียงเซ่อเจิ้งหวางอวี้ฉือจ้านเท่านั้นที่สามารถเอาชนะเขาได้
กู้ชิวเซียงนึกถึงตอนเด็ก ครั้งแรกที่นางเห็นเขาในสวนหลังบ้านของตน ก็ได้แอบชอบเขาแล้ว และตอนนี้ก็ถึงอายุที่ควรแต่งงานแล้ว และอวี่เหวินเจี๋ยก็ยังไม่ได้แต่งงาน หากงานเลี้ยงครอบครัวในครั้งนี้นางสามารถเอาชนะใจอวี่เหวินเจี๋ยได้ในครั้งเดียว เช่นนี้ก็ถือว่าได้ในสิ่งที่นางต้องการแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งนอนอยู่บนตั่งนอนที่นุ่มนวล กำลังพลิกอ่านหนังสือรอบรู้ต้าเยียน เมื่อก่อนนางรู้อะไรเกี่ยวกับต้าเยียนไม่มากนัก แต่นางกลับรู้จักอวี้ฉือจ้านนี้เป็นอย่างดี เซ่อเจิ้งหวางอวี้ฉือจ้านปีนี้อายุยี่สิบแปดแล้ว ไม่มีภรรยาและลูก ถูกเรียกว่าเทพสงคราม นำกองทหารไปต่อสู้เมื่ออายุสิบเจ็ดปี ไม่เคยมีรบแพ้ เป็นน้องชายของฝ่าบาทองค์ก่อนแห่งต้าเยียน เป็นหลานชายแท้ๆของฝ่าบาทอวี้ฉือกงที่มีอายุเพียงยี่สิบปีในตอนนี้
ราชสกุลของต้าเยียนก็น่าสนใจยิ่งนัก นับตั้งแต่สมัยโบราณมีเพียงฝ่าบาทและเซ่อเจิ้งหวางเท่านั้นที่เป็นสกุลอวี้ฉือ ส่วนทายาทที่เหลือล้วนเป็นสกุลตามฮองเฮา
ไม่น่าแปลกใจเลยที่นามสกุลของท่านอ๋องหกอวี่เหวินหวายเป็นอวี่เหวิน ส่วนเซ่อเจิ้งหวางอวี้ฉือจ้านแซ่สกุลอวี้ฉือ
ลําดับชั้นของต้าเยียนถูกแบ่งออกอย่างเคร่งครัด ความแตกต่างระหว่างคนชั้นสูงและคนชั้นต่ำนั้นโดดเด่นเป็นพิเศษ อวี้ฉือจ้านถือได้ว่าเป็นมีอำนาจเหนือคนทั่วต้าเยียนโดยเพียงอยู่ใต้คนคนเดียวเท่านั้น
แต่บุคคลเช่นนี้ กลับไม่มีภรรยาและบุตร นอกเหนือจากชอบผู้ชายแล้ว กู้ชิวเหลิ่งก็ไม่สามารถคิดคำอธิบายที่ดีกว่านี้ได้แล้ว ต้องการเข้าร่วมงานเลี้ยงแห่งแคว้น ไม่ใช่เซียวอวิ๋นเซิงเพียงผู้เดียวก็สามารถช่วยได้