ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 81 ไร้สาระทั้งนั้น
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 81 ไร้สาระทั้งนั้น
กู้ชิวเหลิ่งทำราวกับไม่เคยได้ยิน เพียงแค่เหลือบมองไปเล็กน้อยก็ละสายตาออกไป ขณะที่กู้ชิวถางกลับขมวดคิ้วขึ้นมา เขาได้ยินมาตลอดว่าเซียวอวิ๋นเซิงไม่ได้เรื่องได้ราว ทันทีที่เข้าประตูของตำหนักก็เห็นเซียวอวิ๋นเซิงมองน้องสาวของตัวเองไปมา ในใจย่อมรู้สึกไม่พอใจอยู่แล้ว
จู่ๆกู้ชิวถางก็เดินไปข้างหน้าของกู้ชิวเหลิ่ง บดบังการมองเห็นกู้ชิวเหลิ่งของเซียวอวิ๋นเซิงเอาไว้พอดี
สีหน้าของเซียวอวิ๋นเซิงเคร่งขรึมทันที แสดงความไม่พอใจออกมาบนใบหน้า
นับตั้งแต่หลังจากบนหลังคาของสวนเฉินเซียงครั้งก่อน เขาก็ไม่ได้เห็นกู้ชิวเหลิ่งมานานพักใหญ่แล้ว ไม่ง่ายกว่าที่จะอดทนจนถึงงานเลี้ยงแห่งแคว้นได้ เขาเร่งรัดให้ท่านปู่มาตั้งแต่เช้า คิดไม่ถึงว่ายังมองได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกกู้ชิวถางบังเอาไว้แล้ว
เซียวอวิ๋นเซิงส่ายพัดที่อยู่ในมือไม่หยุด โยกตัวไปทางซ้ายและขวาอยากจะเห็นกู้ชิวเหลิ่งที่เดินอยู่ด้านหลังของกู้ชิวถาง น่าเสียดายที่รูปร่างของกู้ชิวเหลิ่งเล็กเกินไป ความสูงของกู้ชิ้วถางก็สูงเกินไปอีก บดบังคนทั้งคนของกู้ชิวเหลิ่งเอาไว้อย่างมิดชิด
นายท่านเซียวเห็นสายตาของหลานชายทายาทสายตรงของตัวเองมองไปทางด้านหลังของกู้ชิวถาง ในใจก็เข้าใจเจ็ดแปดส่วนแล้ว มิน่าวันนี้ฟังยังไม่ทันสาง เจ้าเด็กเปรตคนนี้ก็ดึงเขาขึ้นรถม้าแล้ว รอไปรอมาอยู่ที่นี่ คนที่รอกลับเป็นนังหนูน้อยของจวนกู้โหว
กู้ชิวถางตั้งใจนั่งอยู่ในที่ที่เซียวอวิ๋นเซิงมองเห็นได้ไม่ชัดเจนโดยเฉพาะ กู้ชิวเหลิ่งก็นั่งลงมาเช่นกัน ไม่สนใจสายตาของเซียวอวิ๋นเซิงที่อยู่ไกลออกไปเลยแม้แต่น้อย
“เจ้ารู้จักเซียวโหวเย๋น้อยหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูครู่หนึ่ง พบว่าเซียวอวิ๋นเซิงกำลังมองดูนาง สายตานั่นดูเหมือนกำลังบอกว่ามานั่งข้างๆข้านี่มา
กู้ชิวเหลิ่งเบนสายตาออกไป กล่าวว่า: “ก่อนหน้านี้เซียวโหวเย๋น้อยเคยช่วยข้ามาก่อน เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ไม่ได้ลึกซึ้ง”
กู้ชิวถางพยักหน้า กล่าวว่า: “อย่าผูกมิตรกับพวกคุณชายในเมืองหลวงพวกนี้มากนัก พวกเขาเที่ยวเร่ร่อนในเมืองหลวงตามใจมานาน อาจจะไม่จริงใจกับเจ้า”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้าเล็กน้อย ถึงแม้ในใจจะรู้ว่ากู้ชิวถางคิดมากไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจเล็กน้อย ถึงแม้กู้ชิวถางจะไม่ค่อยเหมือนกับพี่ชายคนก่อนๆของตัวเอง แต่ใจที่รักและให้ความสำคัญกับน้องสาวล้วนเหมือนกันทั้งหมด กู้ชิวเหลิ่งไม่เคยคิดที่จะจัดการกับกู้ชิวถางเลย
เซียวอวิ๋นเซิงเห็นกู้ชิวเหลิ่งกับกู้ชิวถางคุยกันอย่างสนุกสนาน ในใจรู้สึกขุ่นเคืองเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงว่าคนที่นั่งอยู่ข้างกู้ชิวเหลิ่งคือพี่ชายแท้ๆ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ถ้าหากคนที่นั่งอยู่ข้างกายของกู้ชิวเหลิ่งเป็นผู้ชายคนอื่น เช่นนั้นเขาคงต้องใช้กลอุบายเล็กน้อย ดึงตัวกู้ชิวเหลิ่งเข้ามาแล้ว
นายท่านเซียวบิดข้อศอกของหลานชายตัวเองทีหนึ่ง เคราสีขาวตั้งตรงถลึงตามองครู่หนึ่ง: “เจ้าหมอนี่! นี่คือสถานที่อะไร? มองแม่นางเขาไปมาเช่นนี้!”
เซียวอวิ๋นเซิงกล่าวกับท่านปู่ของตนเอง: “นี่คืองานเลี้ยงแห่งแคว้น เดิมทีก็จัดขึ้นเพื่อให้บรรดาผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างข้าหาคู่ครองอยู่แล้ว ตอนนั้นท่านก็หลงรักท่านย่าของข้าเช่นนี้มิใช่หรือ?”
นายท่านเซียวแทบจะพ่นน้ำชาออกมา หนึ่งฝ่ามือตบไปที่ท้ายทอยของเซียวอวิ๋นเซิง กล่าวว่า: “บอกกับเจ้าไปกี่ครั้งแล้ว! ท่านย่าเจ้ากับข้าเราต่างก็รักซึ่งกันและกันเป็นคู่รักที่รู้จักกันมาตั้งแต่วัยเด็ก! พบปะเพื่อหาคู่ในงานเลี้ยงอะไรพวกนั้น ไร้สาระเชื่อถือเอาความอะไรไม่ได้ทั้งนั้น!”
เซียวอวิ๋นเซิงกุมศีรษะที่ปวดเอาไว้ กล่าวว่า: “ครั้งก่อนตอนที่ท่านดื่มเหล้าจนเมา ท่านคายทุกอย่างออกมาจนหมดเลยนะ ท่านกับท่านย่าข้าเพิ่งจะรู้จักกันในงานเลี้ยงแห่งแคว้นชัดๆ……”
เซียวอวิ๋นเซิงยังไม่ทันพูดจบ นายท่านเซียวก็ปิดปากของเซียวอวิ๋นเซิงเอาไว้แล้ว กล่าวว่า: “ตอนที่ปู่เจ้าอย่างข้ายังอายุน้อยเป็นหนุ่มรูปงามหล่อเหลาราวกับเทพบุตร หากมิใช่เพราะมีใจรักท่านย่าของเจ้าเพียงคนเดียว มีผู้หญิงมากมายเท่าไหร่แย่งกันอยากจะแต่งงานกับข้า ข้าก็ยังไม่สนใจเลย!”
เซียวอวิ๋นเซิงกลอกตามองนายท่านเซียวครู่หนึ่ง เห็นอยู่ชัดๆว่าไม่มีใครเอา ต่อมาในงานเลี้ยงแห่งแคว้นถูกชอบเข้า แต่ดันจะพูดให้กลายเป็นว่าตกหลุมรักไม่อาจถอนตัวได้
นายท่านเซียวเห็นว่าเซียวอวิ๋นเซิงไม่มีเจตนาจะพูดออกมา ถึงได้กล่าวว่า: “เอาล่ะ บอกมาสิว่านังหนูคนนั้นเป็นคุณหนูคนไหนของตระกูลกู้ ปู่จะไปขอมาแต่งงานกับเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ!”
“คุณหนูรองของตระกูลกู้ กู้ชิวเหลิ่ง!”
นายท่านเซียวจิบชาไปได้คำหนึ่ง วินาทีต่อมาก็พ่นออกมาจนหมด คนที่อยู่บริเวณโดยรอบมองไปทางนายท่านเซียว นายท่านเซียวปั้นหน้าวางท่าเป็นผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งทันที กล่าวออกมาอย่างรู้สึกเสียใจ: “แก่แล้ว ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ให้ทุกท่านขบขันแล้ว”
คนที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างก็รู้ว่านายท่านเซียวคือโหวเย๋ขุนนางผู้มีคุณงามความดี ดังนั้นจึงพากันกำหมัดคารวะ แสดงออกว่าไม่ถือสา
มีเพียงเซียวอวิ๋นเซิงที่กลอกตามองบน ราวกับไม่เห็นใบหน้าที่แสร้งทำเป็นผู้มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งนั่นเลย
นายท่านเซียวเห็นว่าบริเวณโดยรอบไม่มีคนมองแล้ว ถึงได้ตบไปที่ท้ายทอยของเซียวอวิ๋นเซิงอีกครั้งหนึ่ง กล่าวว่า: “คุณหนูรองหญิงใบ้ของตระกูลกู้? เจ้ามีจิตใจแสวงหาความก้าวหน้าหรือไม่! ข้าก็นึกว่าเจ้าจะชอบคุณหนูใหญ่ตระกูลกู้เสียอีก คุณหนูรองคนนี้ใช้ไม่ได้!”
เซียวอวิ๋นเซิงรู้สึกโกรธเล็กน้อย กล่าวว่า: “ตาเฒ่า ท่านสายตาเลือนรางตามอายุแล้วใช่ไหม? ท่านมองดูดีๆ รูปร่างหน้าตาของคุณหนูรองตระกูลกู้คนนี้ด้อยตรงไหน?”
นายท่านเซียวหรี่ตาลงเล็กน้อย มองไปทางกู้ชิวเหลิ่ง ก็เห็นใบหน้าที่เยือกเย็นและงดงามอย่างมากของกู้ชิวเหลิ่งจริงๆ เป็นสาวงามที่หาได้ยากคนหนึ่ง บรรยากาศของบริเวณรอบตัวก็ยิ่งทำให้คนรู้สึกถึงความสูงส่ง
เซียวอวิ๋นเซิงมองดูใบหน้าด้านข้างของกู้ชิวเหลิ่งประหนึ่งหลงใหลราวกับมึนเมา เมื่อก่อนมักจะเห็นกู้ชิวเหลิ่งสวมชุดสีเขียวไม้ไผ่อยู่เสมอ คิดไม่ถึงว่าสวมชุดกระโปรงสีแดงเข้มเช่นนี้ กลับดูสวยกว่าหน้านี้เสียอีก
นายท่านเซียวจับไปที่เคราของตัวเอง เมื่อก่อนก็ไม่เคยเห็นคุณหนูรองของตระกูลกู้มาก่อน ทำไมวันนี้เห็นแล้วกลับรู้สึกว่าแตกต่างไปจากข่าวลือที่ได้ยินมา?
สุดท้าย นายท่านเซียวก็ยังปั้นหน้านิ่ง กล่าวว่า: “ไม่ได้ ผู้หญิงคนนี้ก็ยังใช้ไม่ได้อยู่ดี”
เซียวอวิ๋นเซิงกล่าวขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์: “ทำไมถึงใช้ไม่ได้อีกล่ะ?”
“รูปร่างหน้าตาก็ถือว่าใช้ได้ แต่ว่าชื่อเสียงไม่ดี มันก็ไม่ดีจริงๆ มีดีแค่เปลือกนอก มีประโยชน์อะไร?”
เซียวอวิ๋นเซิงไม่ได้พูดอะไร ความจริงเขาก็ไม่ได้คิดอยากจะแต่งงานกับกู้ชิวเหลิ่ง เพียงแต่ว่าในใจมักจะรู้สึกสนใจอยู่เล็กน้อย อีกอย่างกู้ชิวเหลิ่งเป็นคู่หมั้นของฉู่สวิน เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่คิดชิงภรรยาของพี่น้อง ถึงแม้ว่าจะชอบ นั่นก็เป็นความชอบที่บริสุทธิ์ใจ แต่หากกู้ชิวเหลิ่งไม่ชอบฉู่สวิน เขาก็สามารถแข่งขันกับฉู่สวินอย่างยุติธรรมสักตั้ง แต่หากกู้ชิวเหลิ่งชอบฉู่สวิน เช่นนั้นเขาก็ได้แต่อวยพรเท่านั้นแล้ว
สายตาของกู้ชิวเหลิ่งมองไปทางจวินฉีเซิ่งเป็นระยะๆ จวินฉีเซิ่งรู้สึกแค่ว่าแผ่นหลังเย็นวาบขึ้นมา ราวกับรู้สึกถึงสายตาที่คุ้นเคยบางอย่าง แต่ว่าหลังจากนั้นความรู้สึกเช่นนี้ก็หายไป เขามองสำรวจไปบริเวณโดยรอบหนึ่งรอบ ก็ไม่เห็นใบหน้าของคนที่คุ้นเคยเลยสักคนเดียว
หยินซวงซวงรินสุราให้จวินฉีเซิ่งแก้วหนึ่ง กล่าวว่า: “ฝ่าบาทกำลังมองอะไรอยู่? กำลังมองหาว่าที่นางสนมในอนาคตอยู่ใช่หรือไม่?”
จวินฉีเซิ่งใช้นิ้วมือยกคางของหยินซวงซวงขึ้นมาเบาๆ กล่าวว่า: “นี่สนมรักหึงหวงแล้วหรือ?”
หยินซวงซวงยิ้มออกมาเล็กน้อย: “หม่อมฉันมิกล้าหรอกเพคะ เพียงแต่กลัวว่าในใจของกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงจะไม่สบายใจ”
“นาง? อยู่ดีๆจะเอ่ยถึงนางขึ้นมาทำไมกัน?”
หยินซวงซวงยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวว่า: “ก่อนออกเดินทางกุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเตือนสติหม่อมฉัน ต้องยึดมั่นและปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ อย่าทำอะไรนอกเหนือจากหน้าที่ ดังนั้นเพื่อเป็นการเอาใจกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง หม่อมฉันย่อมทำได้เพียงเอ่ยถึงพระนางต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทบ่อยๆเท่านั้นแล้ว”
จวินฉีเซิ่งฮึเย็นชาออกมาคำหนึ่ง สำหรับมู่หรงอี๋ หลายปีมานี้เขาปล่อยปละตามใจมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
และในเวลานี้ จู่ๆด้านนอกประตูก็มีเสียงฟาดแส้ดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง ในตอนที่ทุกคนมองไปทางนอกตำหนัก ก็เห็นเพียงผู้หญิงที่สวมชุดสีชมพูคนหนึ่ง กับผู้หญิงที่สวมชุดทหารกระฉับกระเฉงคล่องแคล่วคนหนึ่งกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นอกตำหนัก