ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 82 ทำให้อัปยศอดสูต่อหน้าธารกำนัล
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 82 ทำให้อัปยศอดสูต่อหน้าธารกำนัล
อวี่เหวินหมิ่นถลึงตา กล่าวด้วยความโกรธ: “เจ้าเป็นใคร? ถึงกับกล้ามาขวางอยู่ด้านหน้าของข้า? เจ้าอยากตายรึ!”
องค์หญิงอานไท่ถือแส้เอาไว้ในมือ กล่าวว่า: “องค์หญิงอย่างข้าอยากจะเดินอยู่ตรงหน้าของใครก็เดินอยู่ตรงหน้าของคนนั้น! แล้วเจ้าเป็นใครกัน? ถึงได้กล้ามาหยาบคายและไร้เหตุผลกับข้าเช่นนี้?”
อวี่เหวินหมิ่นฮึเย็นชาคำหนึ่ง กล่าวว่า: “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าในต้าเยียนแห่งนี้นอกจากข้าแล้วยังมีองค์หญิงคนที่สอง เจ้าถือเป็นตัวอะไร? ดูจากท่าทางของเจ้าก็เป็นแค่คนจากแคว้นเล็กๆต่างชาติ ทำเป็นยิ่งใหญ่น่าเกรงขามอะไรกัน!”
“ฝ่าบาท เซ่อเจิ้งหวางเสด็จพะย่ะค่ะ!”
อวี้ฉือกงสวมชุดมังกรที่สง่างามและเคร่งขรึม ออกมาจากตำหนักด้านในพร้อมกับอวี้ฉือจ้าน ก็เห็นภาพฉากนี้เข้าพอดี
“หมิ่นเอ๋อร์ เจ้าเป็นบ้าอะไร? ไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย ยังไม่รีบเข้ามาอีก!”
อวี่เหวินหมิ่นกลอกตามององค์หญิงอานไท่ครู่หนึ่ง หันหลังก็จะเดินเข้าไป ในดวงตาขององค์หญิงอานไท่ดุดันขึ้นมา ตะโกนขึ้นมาคำหนึ่ง “อานู” ชายชุดดำที่อยู่ด้านข้างชักกระบี่เย็นยะเยือกออกมาทันที ขวางทางไปของอวี่เหวินหมิ่นเอาไว้ และมีท่าทีจะลงมืออยู่รางๆ
อวี่เหวินหมิ่นชอบดาบกระบี่ปืนผาหน้าไม้ตั้งแต่เด็ก แต่เพราะมีฐานะเป็นองค์หญิง ร่างกายบอบบางล้ำค่า สิ่งที่ได้เรียนมีเพียงพวกหมัดเท้าปักบุปผาวิชาหมัดที่สวยแต่กระบวนท่าแต่ใช้งานไม่ได้จริงทั้งนั้น ภายใต้การจู่โจมที่รุนแรงของอานู ไม่มีแรงกำลังที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย
“ฆ่านางซะ!”
เสียงขององค์หญิงอานไท่ไม่ได้ดังมาก คนที่อยู่ในตำหนักไม่มีใครได้ยิน มีเพียงกู้ชิวเหลิ่งกับอวี้ฉือจ้านที่มองเห็นรูปริมฝีปากขององค์หญิงอานไท่แล้ว รู้ว่าองค์หญิงอานไท่เตรียมตัวจะลงมือฆ่า
ในขณะที่ทุกคนในตำหนักต่างก็พากันลุกขึ้นมาพร้อมกับอุทานด้วยความตกใจ ฝู้จื่อโม่กลับปรากฏตัวจากด้านนอกตำหนัก มือข้างหนึ่งคว้าข้อมือของคนที่ชื่ออานูคนนั้นเอาไว้ รูปร่างของอานูบึกบึนกว่าอานูอยู่มาก แต่ว่าเวลานี้กลับไม่สามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของฝู้จื่อโม่ไปได้
และฝู้จื่อโม่ก็ใช้เพียงมือข้างเดียว ก็สามารถควบคุมอานูเอาไว้จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย
“เจ้าเป็นใครกัน!”
บนใบหน้าขององค์หญิงอานไท่มีสีหน้าที่โหดร้ายปรากฏขึ้นมานานแล้ว นางกับอวี่เหวินหมิ่นแตกต่างกัน อยู่ข้างกายของราชินีซีจิ้งมาตั้งแต่เด็กได้รับอิทธิพลจากการได้ยินได้เห็นวิธีการที่โหดเหี้ยมไปไม่น้อย ขอให้เป็นเรื่องที่ไม่ได้ดั่งใจ ขอเพียงอยู่ต่อหน้าของนาง ก็ต้องให้เห็นเลือดอย่างแน่นอน ถึงแม้จะเป็นต้าเยียน ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะแก้นิสัยนี้เช่นกัน
มุมปากของฝู้จื่อโม่เผยรอยยิ้มที่เย็นชาออกมา ลงแรงไปที่มือเล็กน้อย ข้อมือของอานูก็ส่งเสียงที่ชัดเจนออกมาแล้ว ทุกคนก็รู้แล้วว่า ฝู้จื่อโม่หักมือขององครักษ์ทาสคนนี้ไปแล้ว
อานูร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด วินาทีต่อมาก็บิดข้อมือเข้าไปอย่างแรง จนกระทั่งหน้าผากมีเหงื่อเย็นไหลออกมา
องค์หญิงอานไท่เบิกตากว้าง แทบอยากจะเชือดเฉือนฝู้จื่อโม่ด้วยมีดหมื่นพันเล่ม
“เฮ้อ ข้าก็แค่ช้าไปก้าวหนึ่ง ก็ต้องตามเช็ดก้นอย่างเสียเปล่าแล้ว ไม่มีค่าตอบแทนหน่อยหรือ?”
คำพูดนี้คือพูดกับอวี้ฉือจ้าน เพียงแต่ว่าอวี้ฉือจ้านกลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลย นั่งอยู่ในงานเลี้ยงราวกับไม่เคยได้ยินมาก่อน ดื่มเหล้าไปหนึ่งจอกราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อวี่เหวินหมิ่นดึงข้อมือของฝู้จื่อโม่เอาไว้ กล่าวว่า: “ฝู้จื่อโม่ เจ้าดูนางสิ นางเป็นใครกันน่ะ! นางถึงกับกล้าให้ลูกน้องปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้! เจ้ารีบช่วยข้าสั่งสอนนางเลย ข้าจะข่วนหน้าของนางให้ลายไปเลย!”
“เจ้ากล้าหรือ!”
องค์หญิงอานไท่มองไปทางอวี่เหวินหมิ่นอย่างดุดัน ไม่มีทางเลือกตอนนี้อานูที่อยู่ข้างกายยกกระบี่ไม่ขึ้นแล้ว มิเช่นนั้นนางจะต้องให้เลือดของอวี่เหวินหมิ่นกระเซ็นไปทั่วพื้นอย่างแน่นอน
ฝู้จื่อโม่ถูกอวี่เหวินหมิ่นเขย่าไปมาจนใกล้จะอาเจียนแล้ว รีบร้อนกล่าวว่า: “คนอื่นเขาเป็นถึงองค์หญิงแห่งซีจิ้ง พี่ฝู้ไม่กล้าตีหรอก ไม่งั้นเจ้าไปขอร้องเสด็จอาของเจ้าดู พรุ่งนี้ให้เสด็จอาของเจ้าทำลายล้างซีจิ้งเสีย”
ทันทีที่องค์หญิงอานไท่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันใด ครั้งนี้ตอนที่ออกมา ราชินีแห่งซีจิ้งก็กำชับนางไปหลายครั้ง ว่าห้ามล่วงเกินคนของต้าเยียนกับแคว้นฉีเด็ดขาด โดยเฉพาะอวี้ฉือจ้านเซ่อเจิ้งหวางแห่งต้าเยียน
อวี่เหวินหมิ่นเผยสีหน้าท่าทางขลาดกลัวออกมาอย่างหาได้ยาก วางมือลงจากแขนของฝู้จื่อโม่ นางไม่กล้าไปอ้อนวอนเสด็จอาที่เย็นชา โหดเหี้ยมคนนั้นหรอก ตั้งแต่เด็กนอกจากเกาะติดเสด็จพี่อวี้ฉือกงแล้ว เมื่อใดที่เห็นอวี้ฉือจ้าน นางล้วนต้องถอยให้เก้าสิบลี้ทั้งนั้น นอกเสียจากว่าข้างกายมีฝู้จื่อโม่อยู่ด้วย นางถึงจะกล้าเข้าไปใกล้
ฝู้จื่อโม่เห็นว่าอวี่เหวินหมิ่นไม่ดึงมือของเขาแล้ว ถึงได้สะบัดแขนเสื้อ เดินเข้าไปในตำหนักตามลำพัง กล่าวขึ้นมาอย่างเคารพนบนอบ: “กระหม่อมฝู้จื่อโม่ ถวายบังคมฝ่าบาท!”
อวี้ฉือกงโบกมือ กล่าวว่า: “ฝู้ซื่อจื่อลำบากแล้ว รีบไปนั่งลงเถิด”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”
“หมิ่นเอ๋อร์ ยังไม่รีบเข้ามาอีก!”
อวี่เหวินหมิ่นทำจมูกเย้ยหยันให้กับองค์หญิงอานไท่ที่เต็มไปด้วยความโกรธ แล้วก็เดินเข้าไปอย่างมีความสุข โดยไม่ลืมทำความเคารพ
ในใจของอวี้ฉือกงหมดความสนใจในตัวขององค์หญิงอานไท่คนนี้แล้ว เดิมทีก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ทันทีที่ได้เจอ ก็พบว่าสาวงามไม่เพียงแค่โหดเหี้ยมไร้ความปรานี วิธีการก็ยังโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม เมื่อเทียบกับหญิงงามใจงูพิษแล้วมีแต่เหนือกว่าแต่ไม่ด้อยกว่าเลย
อวี้ฉือกงเจตนาจะทำให้องค์หญิงอานไท่อับอาย ดังนั้นจึงเอ่ยปากกล่าวว่า: “องค์หญิงแห่งซีจิ้ง……คนนั้นน่ะ? ไม่รู้ว่าชื่ออะไร ก็เข้ามาคุยข้างในเถอะ”
ไม่ได้ถูกเรียกด้วยชื่อ แต่กลับเหมือนเป็นคำที่เรียกออกมาแบบขอไปที ทำให้ในใจขององค์หญิงอานไท่ไม่พอใจมากยิ่งขึ้น ก่อนออกเดินทางในครั้งนี้ราชินีซีจิ้งให้นางไล่สนมชายทั้งหมด ก็เพื่อแต่งงานกับอวี้ฉือกง แต่ว่าตอนนี้เห็นฮ่องเต้แห่งต้าเยียน ถึงแม้จะมีรูปงาม แต่เมื่อเทียบกับบรรดาสนมชายในอดีตของนางแล้ว นางก็ยังชอบผู้ชายที่กำยำล่ำสันมากกว่า
องค์หญิงอานไท่เดินเข้ามา กล่าวด้วยวิธีการทำความเคารพของซีจิ้ง: “อานไท่คำนับฮ่องเต้เยียน”
อวี่เหวินหมิ่นคิดแค้นองค์หญิงอานไท่อยู่นานแล้ว ฮึเย็นชาออกมาคำหนึ่ง กล่าวว่า: “ไม่มีมารยาท คนของซีจิ้งหยาบคายเช่นนี้กันหมดเลยหรือ?”
“เจ้า!”
อวี้ฉือกงกระแอมไอเบาๆ องค์หญิงอานไท่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นอวี้ฉือกงก็ถามคำถามไปสองสามประโยค องค์หญิงอานไท่ก็ตอบอย่างอดทน สีหน้าท่าทางก็ไม่ได้ยโสโอหังอย่างเมื่อครู่นี้แล้ว
กู้ชิวเหลิ่งชิบชาไปหนึ่งคำ ตั้งแต่เข้าประตูมาเมื่อครู่นี้ นางก็สังเกตเห็นแล้วว่าครั้งนี้องค์หญิงอานไท่มีความกังวล สำหรับความคิดของราชินีซีจิ้ง นางเดาได้มากกว่าครึ่งแล้ว
พบว่ากู้ชิวถางที่อยู่ข้างกายมองดูองค์หญิงอานไท่อย่างเป็นกังวล คิ้วขมวดกันแน่น เต็มไปด้วยความโศกเศร้าไม่น่าดู
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวชี้แนะว่า: “ท่านพี่ไม่ต้องกังวลแล้ว องค์หญิงอานไท่ท่านนี้จะไม่เอ่ยคำขอว่าจะพาท่านกลับซีจิ้งแล้ว”
กู้ชิวถางโลกอกไปเปลาะหนึ่งอย่างไม่เข้าใจแต่รู้สึกว่ามันน่าทึ่งมาก จากนั้นก็กล่าวออกมาด้วยความสงสัย: “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งยกเป็นรอยยิ้มจางๆเล็กน้อย สายตาเหลือบมองไปทางอวี่เหวินหวายซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป กล่าวว่า: “ถ้าเดาไม่ผิดล่ะก็ น่าจะเป็นท่านอ๋องหกรับมือกับองค์หญิงคนนี้ล่ะมั้ง”
และในเวลานี้ จู่ๆอวี่เหวินหมิ่นก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นมา: “มิน่าล่ะ ได้ยินมาว่าผู้หญิงของซีจิ้งล้วนมีสนมชายทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่? จวนองค์หญิงขององค์หญิงอานไท่มีผู้ชายมากมายเท่าไหร่ที่คอยเอาอกเอาใจเจ้ากันนะ? เล่ามาให้พวกเราฟังหน่อยสิ!”
ในต้าเยียนกับแคว้นฉี สตรีล้วนต้องรักษาจรรยาบรรณของสตรีเพศ ถึงแม้หลังจากที่ถูกหย่าร้างแล้วผู้หญิงก็ยังไม่มีใครเอา ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงสนมชายอะไร อวี่เหวินหมิ่นจงใจจะทำให้องค์หญิงอานไท่อับอาย ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา ในตำหนักมีคนไม่น้อยที่พากันวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา