ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 83 การแต่งงานพระราชทานระหว่างสองแคว้น
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 83 การแต่งงานพระราชทานระหว่างสองแคว้น
องค์หญิงอานไท่ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนที่อยู่บริเวณโดยรอบ ถึงได้รู้สึกถึงความอับอายที่ไม่เคยมีมาก่อน นางมีฐานะเป็นถึงองค์หญิงแห่งแคว้น ยังไม่เคยได้รับการปฏิบัติด้วยเช่นนี้มาก่อนเลย อดที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาไม่ได้
“แต่ละแคว้นมีธรรมเนียมประเพณีของตัวเอง ข้ากลับรู้สึกว่านิสัยขององค์หญิงอานไท่ตรงไปตรงมาอย่างมาก”
เสียงของจวินฉีเซิ่งสุขุมและมีน้ำใจ และเดิมทีจวินฉีเซิ่งก็เป็นราชาแห่งแคว้นอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเอ่ยความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป คนที่อยู่บริเวณโดยรอบก็จะต้องเดินไปตามทิศทางลม ดังนั้นทันทีที่คำพูดของจวินฉีเซิ่งหยุดลง ก็ทำให้คนไม่น้อยหยุดการวิพากษ์วิจารณ์ลง
“ไม่ทราบว่าเซ่อเจิ้งหวางแห่งต้าเยียน มีความคิดเห็นอะไรที่แตกต่างออกไปหรือไม่?”
บทสนทนาของจวินฉีเซิ่งหันไปที่อวี้ฉือจ้าน นี่ทำให้ผู้คนไม่น้อยต่างก็รู้สึกแปลกใจ อวี้ฉือจ้านกับจวินฉีเซิ่งไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แล้วทำไมจวินฉีเซิ่งถึงได้โยนคำถามที่ตอบยากข้อนี้ไปให้อวี้ฉือจ้านล่ะ?
กู้ชิวเหลิ่งยกชาที่อยู่ในมือขึ้นมา คนอื่นไม่รู้ว่าจวินฉีเซิ่งกำลังคิดอะไรอยู่ แต่นางกลับรู้ดีอย่างชัดเจน
จวินฉีเซิ่งคนคนนี้เฉลียวฉลาด ในตอนที่คนของต้าเยียนไม่ให้เกียรติองค์หญิงอานไท่แห่งซีจิ้ง ความจริงก็เท่ากับกำลังตบหน้าของซีจิ้งอยู่ และในเวลานี้ฮ่องเต้แห่งแคว้นฉีช่วยให้องค์หญิงแคว้นเล็กๆคนหนึ่งให้พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอับอาย ต้องได้รับความรู้สึกดีๆขององค์หญิงอานไท่กับคณะทูตของซีจิ้งอย่างแน่นอน
ซีจิ้งส่งตัวองค์หญิงอานไท่มาครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามาเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี ถึงแม้ซีจิ้งจะเป็นแคว้นเล็กๆ แต่ว่ากำลังทหารแข็งแกร่ง ตั้งอยู่บนแกนกลาง ถ้าหากซีจิ้งกับต้าเยียนดองกันจริงๆ เช่นนั้นสำหรับแคว้นฉีแล้ว ไม่ถือว่าเป็นเรื่องดีอะไรเลย
ประการแรกจวินฉีเซิ่งจงใจทำประโยชน์ต่อซีจิ้งเพื่อให้รู้สึกซาบซึ้งต่อตัวเอง ประการที่สองโยนปัญหาให้กับอวี้ฉือจ้าน ก็มีเจตนาจะหยั่งเชิงเช่นกัน
จวินฉีเซิ่งน่าจะเดาออกแล้วว่ากลุ่มคนที่ลอบสังหารเขาในเขตชานเมืองของเมืองหลวงก็คือคนของอวี้ฉือจ้าน ดังนั้นถึงได้ใช้สถานการณ์ที่น่าขายหน้าขององค์หญิงแห่งซีจิ้งในตอนนี้ มาหยั่งเชิงมุมมองความคิดของอวี้ฉือจ้านที่มีต่อการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี
อวี้ฉือจ้านแทบจะวางถ้วยสุราในมือลงพร้อมๆกับกู้ชิวเหลิ่ง กล่าวว่า: “ข้าคิดว่า องค์หญิงอานไท่เดินทางมาเพื่อแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีในครั้งนี้ จะต้องคุ้นเคยกับมารยาทของต้าเยียนข้าอย่างแน่นอน นิสัยตรงไปตรงมาก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ว่ามารยาทจำเป็นต้องครอบคลุมถี่ถ้วน”
คำพูดนี้ของอวี้ฉือจ้านแสดงออกอย่างชัดเจนว่าองค์หญิงอานไท่กำลังจะเป็นตัวแทนการเป็นมิตรตลอดไปของซีจิ้งกับต้าเยียน ถือโอกาสตัดความคิดที่จะดึงซีจิ้งไปเป็นพวกของจวินฉีเซิ่งไปในตัว
จวินฉีเซิ่งหรี่ตาอย่างคุกคาม ถึงแม้ข้ออ้างที่เขามาที่ต้าเยียนในครั้งนี้ก็คือการเป็นมิตรตลอดไป แต่ในความเป็นจริง เขาไม่ได้วางแผนที่จะเป็นมิตรกับต้าเยียนไปตลอด เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วแผ่นดินต้าเยียนอุดมสมบูรณ์กว่าแคว้นฉี เขามีใจอยากจะพิชิตนานแล้ว เพียงแต่ว่าครั้งนี้คนของซีจิ้งเดินทางมาเจรจาสันติภาพ ระงับความคิดนี้ของเขาลงไปเลยโดยตรง
ในที่สุดบนใบหน้าขององค์หญิงอานไท่ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ถึงแม้ว่าอยู่ที่ต้าเยียนจะคับข้องใจ แต่ว่าราชินีซีจิ้งก็สั่งการมาโดยเฉพาะแล้วว่า ไม่ว่าอย่างไร ก็ต้องแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีกับต้าเยียนอย่างสมบูรณ์ให้ได้
องค์หญิงอานไท่กล่าวว่า: “ซีจิ้งมีธรรมเนียมหนึ่งหญิงหลายสามีมาโดยตลอด แต่ว่าก่อนหน้าที่อานไท่จะมาต้าเยียน ได้แยกย้ายราชบุตรเขตและสนมชายทั้งหมดในจวนไปหมดแล้ว ทั้งหมดนี้เพื่อที่จะสามารถปรนนิบัติฮ่องเต้เยียนได้ดียิ่งขึ้น ยังหวังว่าฮ่องเต้เยียนอย่าได้ถือสา”
“ปรนนิบัติรับใช้เสด็จพี่ของข้า? องค์หญิงซีจิ้งอย่างเจ้าก็บ้าคลั่งเกินไปแล้วมั้ง? เจ้าไม่ใช่……แล้วยังจะปรนนิบัติเสด็จพี่ข้าอีก? ช่างไม่มีความละอาย……”
อวี้ฉือกงกล่าวตำหนิ: “อวี่เหวินหมิ่น! พึงระลึกเอาไว้ว่าเจ้าเป็นองค์หญิง การกระทำและคำพูดล้วนเป็นตัวแทนของราชวงศ์ทั้งนั้น เจ้าดูสิว่าตอนนี้เจ้ากลายเป็นอะไรไปแล้ว!”
อวี่เหวินหมิ่นเบะปาก กล่าวว่า: “ถึงอย่างนั้นเสด็จพี่ก็ไม่สามารถแต่งงานกับนางได้ สายเลือดของราชวงศ์สำคัญที่สุด พระสนมจำเป็นต้องจงรักภักดีและถือครองพรหมจรรย์ นางไม่ได้!”
อวี้ฉือจ้านกล่าวอย่างราบเรียบ: “ไม่ได้จริงๆนั่นแหละ ซีจิ้งกับต้าเยียนข้าแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรีในครั้งนี้ ไม่ได้กำหนดบุคคลเฉพาะเจาะจงเอาไว้ แต่ว่าเมื่อวานข้ากับฝ่าบาทหารือกันแล้ว หวังว่าองค์หญิงจะสามารถแต่งงานกับท่านอ๋องหกแห่งต้าเยียนเรา”
“ท่านอ๋องหก?”
องค์หญิงอานไท่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย ราชินีซีจิ้งบอกกับนางแค่ว่าให้แต่งงานกับอวี้ฉือกง แต่กลับไม่เคยบอกว่าจะแต่งงานกับท่านอ๋องท่านหนึ่ง
อวี่เหวินหวายลุกขึ้นมาจากที่นั่ง โพล่งออกมาตามสัญชาตญาณ: “ไม่ได้!”
อวี่เหวินหมิ่นก็กล่าวอย่างไม่พอใจเช่นกัน: “ถูกต้อง ถึงแม้เสด็จพี่จะไม่แต่งงานด้วย ก็ไม่สามารถยกให้พี่หกนี่นา!”
อวี้ฉือกงขมวดคิ้ว: “นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ ภารกิจการบ้านการเมืองระดับชาติของข้า ล้วนต้องหารือกับเจ้าทั้งหมดใช่ไหม?”
อวี่เหวินหมิ่นก้มหน้าลง: “หม่อมฉันผิดไปแล้ว”
ภายใต้การมองของอวี้ฉือจ้าน อวี่เหวินหวายก็ก้มหน้าลงช้าๆเช่นกัน หางตาเหลือบมองไปทางกู้ชิวเซียงที่อยู่ไม่ไกลออกไป เห็นเพียงวันนี้กู้ชิวเซียงแต่งตัวได้อย่างงดงามมาก ทำให้คนมองแล้วอดที่จะถูกดึงดูดเข้าไปไม่ได้ ไม่อยากจะละสายตาออกไป
เพียงแต่ว่ากู้ชิวเซียงไม่เคยมองมาที่เขาเลย แต่มองไปที่อวี่เหวินเจี๋ย
จวินฉีเซิ่งยิ้มออกมาเล็กน้อย: “ดูท่าท่านอ๋องของแคว้นท่าน ดูเหมือนจะไม่ค่อยเต็มใจแต่งงานกับองค์หญิงซีจิ้งเท่าไหร่”
บนใบหน้าขององค์หญิงอานไท่แดงก่ำจนดูไม่ได้แล้ว ราวกับว่านางเหมือนสิ่งของชิ้นหนึ่ง ถูกคนผลักไสไปมา และปล่อยให้คนข่มเหงรังแกได้ตามใจ นางอยู่ดีกินดีอาหารเลิศรสอาภรสวยหรูมาตั้งแต่ มีคนรายล้อมอยู่หน้าหลัง เคยถูกปฏิบัติด้วยเช่นนี้เมื่อไหร่กัน?
“ถ้าหากต้าเยียนไม่ต้องการจะแต่งงานกับอานไท่ เช่นนั้นอานไท่จะกลับแคว้นพรุ่งนี้เลย!”
จวินฉีเซิ่งเกี่ยวมุมปากขึ้นเล็กน้อย ที่เขาต้องการก็คือผลลัพธ์เช่นนี้นี่แหละ
และในเวลานี้ จู่ๆอวี่เหวินหวายก็เดินขึ้นไปที่หน้าเวที กล่าวว่า: “กระหม่อมยินดีจะแต่งงานกับองค์หญิงอานไท่ ขอฝ่าบาทโปรดเลือกวันมงคลให้เราแต่งงานกันด้วยเถอะ!”
จวินฉีเซิ่งขมวดคิ้วขึ้นมา กล่าวว่า: “เมื่อครู่นี้ท่านอ๋องไม่เต็มใจจะแต่งงานกับองค์หญิงอานไท่มิใช่หรือ?”
อวี่เหวินหวายระงับอารมณ์เอาไว้อย่างหาได้ยาก กล่าวว่า: “เมื่อครู่นี้ก็แค่เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้ข้าไม่ทันได้คิดอย่างถี่ถ้วน องค์หญิงอานไท่งดงามดุจดอกไม้บอบบาง งามล่มชาติล่มเมือง กระหม่อมหวังว่านางจะเป็นชายาเอกของกระหม่อม!”
องค์หญิงอานไท่อดที่จะหันไปมองอวี่เหวินหวายไม่ได้ ถึงแม้อวี่เหวินหวายจะไม่กำยำล่ำสัน แต่ว่ารูปร่างหน้าตาก็หล่อเหลาสูงตระหง่าน ในตอนที่อวี่เหวินหวายกระโดดออกมาช่วยนางให้พ้นจากสถานการณ์ที่น่าอับอาย นางก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อยแล้ว หวั่นไหวมากกว่าคำพูดเรียบง่ายประโยคเดียวของจวินฉีเซิ่งเมื่อครู่นี้เสียอีก และตอนนี้อวี่เหวินหวายบอกว่าจะให้นางเป็นพระชายาเอก นางก็ยิ่งรู้สึกได้หน้ามากขึ้นมาเล็กน้อย ดังนั้นความหยิ่งผยองเหิมเกริมก็ไม่ได้มากขนาดนั้นแล้ว
อวี่เหวินหวายชอบสาวงาม คนในเมืองหลวงต่างก็รู้ ความจริงความงามขององค์หญิงอานไท่และกู้ชิวเซียงก็ไม่ได้ต่างกันมาก เป็นสาวงามที่งดงามอย่างมากแล้ว เพียงแต่ว่าโหดร้ายไปหน่อยเท่านั้น ทุกอย่างนี้อวี่เหวินหวายล้วนสามารถไม่ถือสาหาความได้ทั้งนั้น ถึงอย่างไรในต้าเหยียน คือสามีเป็นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นชายาเอกหรือว่าชายารองล้วนต้องทำตามความต้องการของเขา ก็เลยไม่ได้พิจารณาถึงลักษณะนิสัยขององค์หญิงอาน
“ตกลง เช่นนั้นข้าก็สั่งให้กรมพิธีการไปจัดเตรียม เข้าพิธีแต่งงานกันในหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ไม่ทราบว่านี่ถือเป็นการทำให้องค์หญิงรู้สึกน้อยใจหรือไม่?”
องค์หญิงอานไท่กล่าวว่า: “ไม่น้อยใจ อานไท่ขอบพระทัยฮ่องเต้เยียนที่ประทานการแต่งงาน!”
มีเพียงอวี่เหวินหมิ่นที่อยู่ในงานเลี้ยงเท่านั้นที่ไม่เต็มใจ จะให้องค์หญิงอานไท่มาเป็นพี่สะใภ้ของนาง นางมีความไม่เต็มใจเป็นล้านๆคำ
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่มองดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ ราชวงศ์ประทานการแต่งงานก็มีแค่คำพูดที่ง่ายดายประโยคหนึ่งเช่นนี้แหละ ในอดีตตอนที่นางกับจวินฉีเซิ่งแต่งงานกัน นั่นก็เป็นคำสั่งพ่อแม่ คำพูดฮ่องเต้เช่นกัน เพียงแต่ว่าตอนนั้นนางลุ่มหลงไปกับเปลือกนอกของจวินฉีเซิ่ง ตัดสินใจทำในสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเสียใจไปตลอดชีวิต
กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้าดื่มสุราไปหนึ่งจอก หารู้ไม่ว่าอวี้ฉือจ้านมองดูนางอยู่ตลอด ราวกับต้องการจะเก็บทุกอารมณ์ความรู้สึกของนางเข้าไปอยู่ในสายตาให้หมด