ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 84 แข่งกันงดงาม
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 84 แข่งกันงดงาม
เดิมทีอวี้ฉือกงวางแผนจะกำหนดงานแต่งงานในครั้งนี้ในโอกาสที่เป็นทางการมากกว่านี้ แต่ใครจะคาดคิดว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน สิ่งต่างๆมาอย่างเร่งรีบและรวดเร็ว ก็ได้แต่กำหนดการเชื่อมสัมพันธไมตรีระหว่างสองแคว้นราวกับเป็นเพียงเรื่องไร้สาระแล้ว
ระหว่างงานเลี้ยงมีเสียงพูดคุยสนุกสนานดังมาเป็นระยะๆ ข้างกายของจวินฉีเซิ่งมีหยินซวงซวงอยู่เคียงข้าง บทสนทนาที่พูดคุยกับอวี้ฉือกงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องชาติบ้านเมือง การร่ายรำในงานเลี้ยงถูกผลักดันไปจนถึงจุดสูงสุด
กู้ชิวเซียงเริ่มนั่งไม่ติดเล็กน้อยแล้ว สายตาของนางไม่ได้ละออกไปจากตัวของอวี่เหวินเจี๋ยเลย แต่ว่าอวี่เหวินเจี๋ยกลับดื่มเหล้าจอกแล้วจอกเล่า ราวกับว่าเมาไม่เป็น บนแก้มก็ไม่มีอาการมึนเมาเลยแม้แต่น้อย
ฮูหยินใหญ่ตบไปที่หลังมือของกู้ชิวเซียงเบาๆ กล่าวว่า: “เจ้าวางใจได้ ข้าคุยกับท่านพ่อของเจ้าแล้ว ถ้าหากเรื่องราวไม่ผิดไปจากที่คาดการณ์เอาไว้ การแต่งงานจะสามารถกำหนดลงมาได้ในวันนี้”
“จริงหรือ?”
ในสายตาของกู้ชิวเซียงแฝงไปด้วยความเขินอายของสาวน้อย นางแอบชอบอวี่เหวินเจี๋ยมานานหลายปี วันนี้แหละจะได้รู้ว่าจะสามารถสมปรารถนาในสิ่งที่หวังเอาไว้หรือไม่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จวินฉีเซิ่งกระซิบไปที่ข้างหูของหยินซวงซวงสองประโยค หยินซวงซวงเข้าใจความหมาย และลุกขึ้นมาจากที่นั่ง เดินไปที่ใจกลางตำหนัก เสียงไพเราะน่าฟัง: “หม่อมฉันมาที่ต้าเยียนเป็นครั้งแรก ได้เจอคนมากมายและประเพณีของต้าเยียน รู้สึกว่าน่าสนใจอย่างมาก ดังนั้นหม่อมฉันก็นำการร่ายรำของแคว้นฉีมาด้วยเช่นกัน อยากจะให้ฮ่องเต้เยียนกับขุนนางทุกท่านได้ชื่นชมเล็กน้อย”
อวี้ฉือกงพยักหน้า กล่าวว่า: “อนุญาต”
หยินซวงซวงเดินไปถึงระหว่างตำหนัก นักดนตรีของแคว้นฉีขึ้นแสดงแล้ว วงเครื่องสายของแคว้นฉีแตกต่างไปจากของต้าเยียน มีเครื่องดนตรีมากมายที่คนของต้าเยียนไม่เคยเห็นมาก่อน ต่างก็พากันมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เดิมทีรูปร่างของหยินซวงซวงก็อรชรอ้อนแอ้นราวกับนกนางแอ่นอยู่แล้ว ท่าทางเย้ายวนราวกับงู เสียงของดนตรีจากต่ำเปลี่ยนเป็นสูงแล้วก็ต่ำลงมาอีก การเคลื่อนไหวของหยินซวงซวงราวกับปีศาจสาว การร่ายรำที่ร่ายรำขึ้นมาเพียงพอจะให้ผู้ชายทุกคนที่อยู่ในงานหลงใหลอยู่กับนาง
ในงานเลี้ยงมีเพียงอวี่เหวินเจี๋ยเท่านั้นที่ดื่มเหล้าอยู่ตลอด สายตาของอวี้ฉือจ้านก็หยุดอยู่ที่กู้ชิวเหลิ่งอยู่ตลอด แม้ว่ากู้ชิวเหลิ่งจะดูการร่ายรำของหยินซวงซวงอย่างถือว่ารักษาหน้าแล้ว แต่ว่าสายตาของอวี้ฉือจ้านกลับไม่ได้มองไปที่การร่ายรำเลย
สายตาของเซียวอวิ๋นเซิ่งก็ไม่ได้อยู่ที่ผู้หญิง เขาชื่นชอบดนตรีมากเป็นพิเศษ รู้สึกว่าดนตรีของแคว้นฉีมีทั้งเอกลักษณ์ และท่วงทำนอง อดที่จะปรบมือไปตามจังหวะเสียงดนตรีไม่ได้
อวี่เหวินหวายเพิ่งจะได้สาวงามคนหนึ่งมาครอบครอง ความสุขที่อยู่ในใจย่อมมีมากกว่า เห็นการร่ายรำของหยินซวงซวงก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นในใจขึ้นมา ถึงแม้สิ่งที่ไม่ได้มาครอบครองถึงจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่ว่าหลังจากข่าวลืออื้อฉาวพวกนั้นแล้ว ในใจของเขากู้ชิวเซียงก็เหลือแค่เพียงคำว่าเสียดายสองคำเท่านั้นแล้ว
อวี่ฉือกงมองดูการร่ายรำของหยินซวงซวงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความชื่นชม แต่ว่าหางตากลับมองดูหว่านเฟยที่อยู่ข้างกายอยู่ตลอด
หว่านเฟยคือเซียวหว่านชิงแห่งจวนเซียวโหว และก็เป็นพี่สาวคนโตของเซียวอวิ๋นเซิง อวี้ฉือกงหลงรักมาตลอด เพียงแต่ว่าเซียวหว่านชิงไม่ค่อยจะเข้าใกล้เขาเท่าไหร่ เขาในฐานะที่เป็นโอรสสวรรค์มันก็ไม่ดีที่จะแสดงความรักของตนเองออกมามากเกินไป ดังนั้นหลายปีมานี้ตามใจเซียวอวิ๋นเซิงล้วนเป็นเพราะรักหว่านเฟยมากจนรักคนที่เกี่ยวข้องด้วย
หลังจากหนึ่งเพลงจบไป ก็มีเพียงขุนนางกับคุณชายลูกขุนนางชนชั้นสูงในงานเลี้ยงเท่านั้นที่ถูกท่าร่ายรำที่ยอดเยี่ยมของหยินซวงซวงช่วงชิงจิตวิญญาณไป
ลมหายใจของหยินซวงซวงสงบนิ่ง กล่าวว่า: “หม่อมฉันขอร่ำจบลงดังนี้ โปรดอย่ารังเกียจ”
อวี้ฉือกงเอ่ยปากกล่าวว่า: “การร่ายรำของหยินเฟยยอดเยี่ยมมาก ทำให้พวกข้าได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ”
หว่านเฟยเซียวหว่านชิงที่อยู่ข้างกายของอวี้ฉือกงเอ่ยปากกล่าวว่า: “หลังจากชมการร่ายรำของหยินเฟยแล้ว แม้แต่ข้าก็ยังได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆไปด้วย ผู้หญิงของต้าเยียนเรากับผู้หญิงของแคว้นฉีแตกต่างกันจริงๆ วันนี้พวกนางก็เตรียมความสามารถพิเศษของแต่ละคนเอาไว้เช่นกัน ถือโอกาสอาศัยการร่ายรำของหยินเฟยเป็นการเริ่มต้นการแสดงได้พอดี ให้พวกนางต่างก็มาลองดูกัน?”
อวี้ฉือกงพยักหน้า กล่าวว่า: “อนุญาตตามที่สนมรักกล่าวมา”
ความจริงการแสดงความสามารถพิเศษ เป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาช้านานแล้ว เพียงแต่ว่าทุกปีล้วนต้องหาข้ออ้างใหม่ๆใช้ความสามารถพิเศษนี้เพื่อดึงดูดให้คุณชายลูกขุนนางชนชั้นสูง มาเชื่อมโยงกับหญิงดีงามในห้องหับ ก็เป็นเรื่องที่หนักใจจริงๆเช่นกัน
หน้าตาของเซียวหว่านชิงอ่อนโยนและมีเมตตา ตอนนั้นนางได้รับเลือกให้เป็นพระชายารัชทายาท ก็เป็นเพราะว่าความสามารถพิเศษที่โดดเด่นในงานเลี้ยงแห่งแคว้น เพียงแต่ว่าต่อมาอวี้ฉือกงขึ้นครองบัลลังก์ตั้งแต่อายุยังน้อย ไม่สามารถแต่งตั้งฮองเฮาได้ทันเวลา หลายปีมานี้ตำแหน่งฮองเฮาว่างอยู่ นางก็ไม่ได้คิดที่จะแย่งชิง หวังเพียงแต่ว่าจะมีสถานที่ที่มั่นคงในวังหลังแห่งนี้เท่านั้นก็พอ
กู้ชิวเหลิ่งรู้มาตลอดว่าในงานเลี้ยงแห่งแคว้นมีธรรมเนียมนี้ เพียงแต่ว่าไม่เคยสนใจเลยเท่านั้น งานเลี้ยงแห่งแคว้นครั้งที่แล้วนางยังเป็นพระชายาเอกของจวินฉีเซิ่ง ครั้งนี้นางกลับเป็นคนที่ตายไปแล้วคนหนึ่ง
พูดขึ้นมาแล้วมันน่าขำสิ้นดี
อวี้ฉือจ้านไม่ได้ปล่อยผ่านความเย็นยะเยือกในดวงตาของกู้ชิวเหลิ่ง และทันทีหลังจากนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องไปทางจวินฉีเซิ่ง ไม่รู้ว่าลางสังหรณ์ของเขามีบางอย่างผิดปกติหรือไม่ เขามักจะรู้สึกว่ากู้ชิวเหลิ่งกับจวินฉีเซิ่งมีความเกี่ยวข้องกัน แต่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่สามารถคิดออกว่าบุตรีอนุภรรยาของต้าเยียนคนหนึ่งกับฮ่องเต้แห่งแคว้นฉีจะมีความเกี่ยวข้องกันแบบไหนได้
แต่ถึงแม้ว่าจะมีความเกี่ยวข้องกัน ผู้หญิงที่เขาชอบ ก็จะไม่มีทางมอบให้คนอื่นด้วยความเต็มใจอย่างแน่นอน
ในงานเลี้ยงแห่งแคว้น ซูเมี่ยวเมี่ยวแห่งจวนแม่ทัพซูร่ายรำเพลงกระบี่อย่างสง่างาม
เซียวหว่านชิงเขียนตัวอักษรคู่หนึ่ง ได้รับการชื่นชมของอวี้ฉือกง
ซุนหยวนลูกสาวของซุนเฉิงเซี่ยงบรรเลงเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่ง ดูเหมือนจะมีฝีมือยอดเยี่ยมทางด้านดนตรีเล็กน้อย
ก่อนที่กู้ชิวเซียงจะขึ้นเวที สีหน้าท่าทางก็ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยแล้ว เดิมทีนางก็เป็นสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองหลวงอยู่แล้ว ทันทีที่นางขึ้นเวที คนที่อยู่บริเวณโดยรอบต่างก็อดที่จะมองไปที่กู้ชิวเซียงไม่ได้
บนใบหน้าของกู้ชิวเซียงเผยรอยยิ้มออกมา ในดวงตามีความภาคภูมิใจเล็กน้อย ราวกับว่าเดิมทีนางก็สมควรจะได้รับความสนใจเช่นนี้ถึงจะถูก
จวินฉีเซิ่งแตะไปที่ริมฝีปากของตัวเอง มุมปากเกี่ยวเป็นรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย กู้ชิวเซียงคนนี้ไม่ได้สมบูรณ์แบบอย่างมาก แต่ก็เป็นสาวงามอันดับต้นๆในบรรดาผู้หญิงที่เขาเคยเห็นมาแล้ว ถึงแม้จะเป็นหยินซวงซวงก็ไม่สามารถเทียบระดับความงามได้มากเท่าไหร่ แต่หากจะเทียบกับมู่หรงอี๋ในตอนนั้น ยังห่างไกลกันนัก
รอยยิ้มบนใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งเข้มข้นมายิ่งขึ้นเรื่อยๆ นางตั้งหน้าตั้งตารอคอยช่วงเวลานี้มาโดยตลอด แทบจะอดใจรอไม่ไหวอยากจะเห็นหน้าตาของจวินฉีเซิ่งว่าจะเป็นอย่างไร ถึงขนาดทำให้นางตื่นเต้นจนจับถ้วยสุราที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น ทั่วทั้งร่างกายแผ่ซ่านความเย็นยะเยือกที่กัดกร่อนเข้าไปถึงกระดูก
เมื่อเสียงกลองดังขึ้นมา การเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวมีไม่มาก ผ้าแพรต่วนสีรุ้งที่อยู่ในมือของกู้ชิวเซียงถูกโยนสูงออกไป เสียงของดนตรีค่อยๆสูงขึ้นมา ท่าร่ายรำของนางเปลี่ยนจากช้าไปเป็นเร็ว แต่กลับไม่ได้หยุดลงเช่นนี้ แต่เปลี่ยนเป็นเร็วมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ทั่วทั้งร่างกายล้วนกำลังแผ่ซ่านลมหายใจที่ทำให้คนหลงใหล ดวงตาที่สวยหยาดเยิ้มคู่หนึ่งราวกับจะสามารถเก็บดวงวิญญาณของผู้ชายทุกคนเข้าไปในสายตา
รูม่านตาของจวินฉีเซิ่งค่อยๆขยายใหญ่ สายตานั่นดูไม่เหมือนกำลังหลงใหล แต่กลับเหมือนตื่นตกใจ
กู้ชิวเหลิ่งมองดูสีหน้าของจวินฉีเซิ่งที่สีเลือดค่อยๆจางไปทีละนิดทีละนิด ในใจกลับรู้สึกอย่างสบายอกสบายใจอย่างมาก
การร่ายรำนี้ ทำให้จวินฉีเซิ่งรู้สึกคุ้นเคยมากใช่ไหม? การร่ายรำของมู่หรงอี๋ ผ่านการปรับปรุงของนาง อยู่ในสภาวะที่สมบูรณ์แบบแล้ว ผู้หญิงต้าเยียนคนหนึ่งทำไมถึงได้เป็นการร่ายรำนี้ได้? ความคิดนี้น่าจะครอบครองความคิดทั้งหมดของจวินฉีเซิ่งไปแล้ว
ท่านอาจารย์ในจวนเคยกล่าวไว้ว่า การร่ายรำนี้มีเพียงมู่หรงอี๋เท่านั้นที่สามารถเต้นออกมาได้ ถึงแม้ว่าจะร่ายรำได้ไม่ถือว่าดีอย่างมาก แต่วันนี้กู้ชิวเหลิ่งสามารถเต้นออกมาได้ บวกกับใบหน้าที่เดิมทีก็งดงามอย่างมากอยู่แล้ว นางอยากจะรู้มากจริงๆว่า ตอนนี้จวินฉีเซิ่งจะมีอารมณ์ความรู้สึกแบบไหน ตกตะลึง? สงสัยไม่เข้าใจ? หรือว่าอะไรอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้