ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 89 บุคคลที่ได้รับเลือกในการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 89 บุคคลที่ได้รับเลือกในการแต่งงานเชื่อมสัมพันธไมตรี
แผ่นหลังของกู้ชิวเหลิ่งหายเข้าไปในตำหนักแล้ว อวี่เหวินเจี๋ยส่ายหน้ายิ้มขมขื่น เดินอยู่บนทางเดินลำพังคนเดียวครู่หนึ่ง ก็กลับเข้าไปเช่นกัน
จีเฟิงเข้าไปใกล้ข้างหูของอวี้ฉือจ้าน และพูดไปสองสามประโยค อวี้ฉือจ้านมองดูอวี่เหวินเจี๋ยที่เพิ่งจะกลับมายังที่นั่งครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย: “ข้ารู้แล้ว”
จีเฟิงถอยไปอยู่ด้านหนึ่ง กู้ชิวเหลิ่งสังเกตเห็นสายตาของอวี้ฉือจ้าน ก็มองกลับไปทันที เมื่อครู่นี้ใช่ว่านางจะไม่ได้สังเกตว่าตัวเองถูกสะกดรอยตาม เพียงแต่ว่ากับความสัมพันธ์ของอวี่เหวินเจี๋ยช้าเร็วก็ต้องถูกอวี้ฉือจ้านหรือไม่ก็ฝู้จื่อโม่รู้เข้าอยู่ดี ไม่สู้ดำเนินการไปตามสถานการณ์ดีกว่า ทำเป็นไม่รู้การสังเกตอย่างละเอียดในที่แจ้งและสอบถามทำความเข้าใจในที่ลับของอวี้ฉือจ้านก็เท่านั้น
หยินซวงซวงรินสุราให้จวินฉีเซิ่งแก้วหนึ่ง อาศัยช่วงเสียงเพลงดังขึ้น กล่าวว่า: “เมื่อครู่นี้ฝ่าบาทมองดูคุณหนูรองของตระกูลกู้คนนั้นอยู่ตลอด เพราะมีใจอยากจะพานางกลับวังหรือเพคะ?”
จวินฉีเซิ่งเก็บสายตากลับมาหลังจากได้ยินคำพูดของหยินซวงซวง กล่าวว่า: “ข้ามีเจ้าก็เพียงพอแล้ว นังหนูน้อยที่ยังไม่เป็นสาวเต็มวัยคนหนึ่ง พากลับวังไปด้วยสามารถทำอะไรได้?”
มุมปากของหยินซวงซวงแฝงไปด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า: “ถึงแม้ว่าหม่อมฉันจะไม่หึงหวง แต่หากกุ้ยเฟยรู้เข้า จะต้องสอบถามหาต้นตออย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นกุ้ยเฟยก็จะสอบถามหม่อมฉัน ได้รู้ว่าฝ่าบาทจิตใจโลเลไม่แน่นอน ก็จะต้องทะเลาะกับฝ่าบาทอีกแล้ว”
“ขอเพียงแค่เจ้าไม่พูด ใครจะไปรู้ได้?”
จวินฉีเซิ้งมองไปที่กู้ชิวเหลิ่งที่อยู่บนที่นั่งเป็นครู่สุดท้าย ถึงแม้ต่อหน้าหยินซวงซวงจะไม่มองไปอีก แค่ในใจก็ให้ความสนใจขึ้นมาแล้ว
จวินฉีเซิ่งกล่าวว่า: “เจ้าไปที่ตำหนักรับรอง นำเสื้อคลุมจิ้งจอกเงินของข้ามา”
หยินซวงซวงลุกขึ้นช้าๆ กล่าวว่า: “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ”
หลังจากที่หยินซวงซวงจากไปแล้ว จวินฉีเซิ่งถึงได้กล่าวกับฮุยเยาที่อยู่ข้างกายว่า: “เจ้าไปสืบมาให้แน่ชัด ว่าคุณหนูรองของตระกูลกู้คนนี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่”
ฮุยเยาเป็นองครักษ์ลับที่ซื่อสัตย์ภักดีของจวินฉีเซิ่งมาโดยตลอด หลังจากที่ได้รับคำสั่งแล้วก็กล่าวออกมาทันที: “ข้าน้อยจะไปดำเนินการเดี๋ยวนี้”
จวินฉีเซิ่งหรี่ตาลง หลายวันมานี้เขาฝันร้ายอยู่ตลอด มักจะฝันเห็นมู่หรงชิวที่แดงฉานไปด้วยเลือดยืนอยู่ตรงหน้าของเขา ต้องการจะปลิดชีพเขา เมื่อก่อนเขาไม่เคยเชื่อเรื่องผีสางเทวดา แต่ว่าทุกครั้งที่มู่หรงชิวมาเข้าฝัน เขาถึงกับว่ากลัววิญญาณของมู่หรงชิวจะมาเอาชีวิตราวกับมีภูติผีมาสั่งการให้คิดเช่นนั้นโดยไม่รู้ตัว
ไม่ว่ากู้ชิวเหลิ่งกับมู่หรงชิวจะมีความสัมพันธ์กันอย่างไร ยอมที่จะฆ่าผิดคน ก็จะไม่ยอมปล่อยไปเด็ดขาด!
กู้ชิวเหลิ่งสังเกตเห็นนานแล้วว่าฮุยเยาที่อยู่ข้างกายของจวินฉีเซิ่งหายตัวไป ฮุยเยาติดตามอยู่ข้างกายของจวินฉีเซิ่งมาสิบปีแล้ว นับตั้งแต่วันที่นางแต่งงานกับจวินฉีเซิ่ง ฮุยเยาก็เป็นทาสที่ซื่อสัตย์และภักดีที่สุดของจวินฉีเซิ่งแล้ว ตอนที่จวินฉีเซิ่งเห็นนางเมื่อครู่นี้ ในสายตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงและสงสัย จะต้องเกิดความสงสัยขึ้นแล้วอย่างแน่นอน นางก็ไม่ได้หวาดกลัว ประการแรก เดิมทีกู้ชิวเหลิ่งก็เป็นบุตรีของอนุอยู่แล้ว ข่าวลือที่มากที่สุดในเมืองหลวงก็มีเพียงเรื่องหญิงใบ้กับการแต่งงานกับอวี่เหวินหวายเท่านั้น ประการที่สอง แม้แต่คนที่มีอำนาจที่สุดในต้าเยียนอย่างเช่นอวี้ฉือจ้านกับฝู้จื่อโม่ก็ยังสืบไม่ออกว่าฐานะของกู้ชิวเหลิ่งมีอะไรที่ไม่ปกติ ฮุยเยากับจวินฉีเซิ่งที่เป็นคนแคว้นฉีก็ยิ่งไม่สามารถสืบได้อยู่แล้ว
อาศัยดูจากนิสัยยอมที่จะฆ่าผิดคน ก็จะไม่ยอมปล่อยไปของจวินฉีเซิ่งนี้แล้ว จะต้องกำจัดนางในพื้นที่ล่าสัตว์อย่างแน่นอน แต่ว่านี่ก็เป็นโอกาสเพียงหนึ่งเดียวของจวินฉีเซิ่งเช่นกัน ถ้าหากพลาดมันไปแล้ว เช่นนั้นต่อไปโอกาสที่จวินฉีเซิ่งจะฆ่านางก็เท่ากับศูนย์ เพราะหลังจากผ่านการล่าสัตว์ จวินฉีเซิ่งไม่เพียงต้องกลับไปยังแคว้น ยังต้องพาองค์หญิงไปด้วยท่านหนึ่ง
ถ้าหากว่ากู้ชิวเหลิ่งเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ คนที่จวิ้นฉีเซิ่งจะพาไปด้วย น่าจะเป็นอวี่เหวินหมิ่นที่โต้เถียงกับองค์หญิงซีจิ้งเมื่อครู่นี้ท่านนั้น
ตอนที่กู้ชิวเหลิ่งหันหน้า อวี้ฉือจ้านก็กำลังมองนางอยู่เช่นกัน จู่ๆกู้ชิวเหลิ่งก็ยกถ้วยสุราขึ้นมา ดื่มให้กับอวี้ฉือจ้านคำหนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นมา กู้ชิวถางนึกว่ากู้ชิวเหลิ่งรู้สึกเบื่อหน่าย เลยกล่าวว่า: “ที่นี่น่าเบื่อเกินไปใช่ไหม พี่ออกไปเดินเล่นกับเจ้า”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “เมื่อครู่นี้รับลมแล้วรู้สึกสบายขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ข้าออกไปยืนเองครู่หนึ่ง สักพักก็กลับมาแล้ว”
กู้ชิวถางพยักหน้า ก็ไม่ได้ฝืนใจ เมื่อครู่นี้เขาก็รู้สึกได้ตลอดว่ากู้หนานเฉิงที่อยู่ข้างกายมองมาที่เขา คิดว่าคงมีอะไรอยากจะพูด และเมื่อครู่นี้ตอนที่กู้ชิวเหลิ่งจากไป กู้หนานเฉิงก็ตอบคำถามของอวี้ฉือกงอยู่ตลอด ไม่ทันได้คุยกับเขาอย่างละเอียด ตอนนี้กู้ชิวเหลิ่งจากไป กู้หนานเฉิงสามารถถามคำถามเขาได้พอดี
อวี้ฉือจ้านก็วางถ้วยสุราที่อยู่ในมือลงเช่นกัน กล่าวกับจีเฟิงว่า: “เจ้าไปบอกให้ท่านอ๋องรองสนทนากับฮ่องเต้ฉี ข้าไปครู่เดียวก็กลับมา”
จีเฟิงกำลังจะเรียกนายของตัวเองเอาไว้ ใครจะรู้ว่าอวี้ฉือจ้านลุกขึ้นก็เดินจากไป ไม่ได้คิดที่จะหยุดลงเลย
ในฐานะที่เซ่อเจิ้งหวางไม่สามารถเดินไปมาได้ตามใจแท้ๆ ใครจะรู้ว่าทันทีที่ผู้หญิงเขาเรียก ท่านอ๋องของตนเองก็ตามไปแล้ว
จีเฟิงทำได้แต่เข้าไปใกล้ข้างกายของอวี่เหวินเจี๋ย กล่าวว่า: “เซ่อเจิ้งหวางบอกว่าให้ท่านอ๋องรองสนทนากับฮ่องเต้ฉี เขาไปครู่เดียวก็กลับ”
กู้ชิวเหลิ่งยืนอยู่ตรงหัวมุมของทางเดิน และอวี้ฉือจ้านก็เดินเข้ามาช้าๆ ท่าทางใจเย็น: “เรียกข้ามามีเรื่องสำคัญอะไรหรือ?”
“ฮ่องเต้มีใจจะให้องค์หญิงหมิ่นแต่งงานไปแคว้นฉีใช่ไหม?”
อวี้ฉือจ้านขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย: “เจ้าเรียกข้ามา ก็เพื่อเรื่องนี้หรอกหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว อวี้ฉือจ้านกล่าวว่า: “ถูกต้อง ข้ากับฮ่องเต้ต่างก็ความคิดเช่นนี้ องค์หญิงที่มีอายุเหมาะสมในราชวงศ์ก็มีแค่หมิ่นเอ๋อร์คนเดียวเท่านั้น”
กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้าขึ้นมา กล่าวว่า: “จวินฉีเซิ่งผู้นี้เป็นคนโหดเหี้ยมหน้าเนื้อใจเสือ ถ้าหากองค์หญิงหมิ่นแต่งไปที่แคว้นฉี เกรงว่าภายในสามปี จะต้องเสียชีวิตอย่างแน่นอน”
“ฟังจากความหมายของคุณหนูรอง หมิ่นเอ๋อร์ไม่เหมาะจะแต่งงานกับฮ่องเต้ฉี คุณหนูรองมีบุคคลที่เหมาะสมหรือไม่? ลองพูดออกมาให้ฟังหน่อยเป็นไร”
“ข้าไปเอง”
ในดวงตาของอวี้ฉือจ้านตกตะลึง กล่าวว่า: “ไม่ได้”
กู้ชิวเหลิ่งถามกลับว่า: “มีอะไรที่ไม่ได้? ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้อนุญาตให้ข้าเลือกการแต่งงานด้วยตัวเอง นี่ก็เป็นธรรมเนียมปฏิบัติขององค์หญิงแล้ว ฝ่าบาทก็สามารถใช้โอกาสนี้ แต่งตั้งข้าเป็นองค์หญิงเหอชิน แต่งงานไปแคว้นฉี ถึงเวลานั้นข้าจะเป็นหรือตาย ต้าเยียนก็ไม่ต้องซักถามมูลเหตุให้มากความ องค์หญิงหมิ่นก็จะสามารถปลอดภัยทั้งชีวิต”
“ข้าบอกว่าไม่ได้ ก็คือไม่ได้”
ในดวงตาของอวี้ฉือจ้านดำมืด กู้ชิวเหลิ่งมองเห็นความโกรธได้รางๆ
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากับฮ่องเต้ของแคว้นฉีมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน แต่ว่าในต้าเยียน ข้าเป็นใหญ่ ในเมื่อข้าบอกแล้วว่าไม่ได้ ไม่ว่าเจ้าจะทำอย่างไร ก็เดินออกจากเมืองหลวงของต้าเยียนแห่งนี้ไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียว”
“ท่าน!”
กู้ชิวเหลิ่งกำหมัดแน่น อวี้ฉือจ้านเอ่ยปากกล่าวว่า: “ไม่ว่าเจ้าจะไปแก้แค้นเขาก็ดี หรือว่าจะตกหลุมรักเขาจริงๆก็ช่าง ข้าจะบอกกับเจ้า ฐานะของเจ้าแต่งงานไปแคว้นฉี ไร้ญาติขาดมิตร ไร้อำนาจบารมี อย่างเบาก็คือโดดเดี่ยวทั้งชีวิต อย่างหนักคือถูกใส่ร้ายจนตาย กลอุบายในวังหลังพวกนี้ เจ้าในฐานะที่เป็นผู้หญิงจะรู้น้อยกว่าข้าที่เป็นผู้ชายคนนี้หรือ? ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเจ้า ต้าเยียนกับแคว้นฉีต้องเกิดข้อพิพาทขึ้นมาอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้นเจ้ายังสามารถพูดได้อีกหรือว่า ต้าเยียนไม่ต้องซักถามมูลเหตุให้มากความ?”
อารมณ์ของกู้ชิวเหลิ่งถูกคำพูดของอวี้ฉือจ้านทำให้ค่อยๆสงบลงมา นางใจร้อนเกินกว่าเหตุจริงๆ บางทีอาจเป็นเพราะว่าวันนี้เห็นจวินฉีเซิ่ง ดังนั้นจึงรู้สึกร้อนรนในใจ ถึงกับลืมแผนการที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น