ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่231 ความปรารถนาดี
จวินหวาเทียนไออย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าสุขภาพของเขาแย่มากแล้ว แม้ในตำหนักจะจจุดถ่านไว้ก็ตาม แต่ก็ยังคงรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอยิ่งนัก
กู้เจินกล่าวว่า: “ตอนนี้หลิ่วกุ้ยเหรินถูกกักบริเวณและลดตำแหน่ง แต่สำหรับพวกเขาแล้วมันอาจมีการเปลี่ยนแปลงก็ไม่แน่ หรือพวกข้าต้องใช้แผนการที่ร้ายกว่านี้”
“ไม่ต้องรีบร้อน พระชายาของเซ่อเจิ้งหวางมีแผนการอยู่แล้ว เจ้าเพียงแค่ทำเรื่องพิธีศพตามเดิม เมื่อถึงยามจำเป็นก็เผยแพร่เรื่องไสยศาสตร์ ดำเนินการตามแผนเดิม ยังไม่ถึงเวลาวางยาประสาทหลอน ทุกอย่างในนอกวังได้เตรียมการพร้อมหมดแล้ว ข้าเพียงแต่รอโอกาสอยู่ในวัง ส่วนเรื่องอื่นก็ไม่ต้องกังวลแล้ว”
ทันใดนั้นจวินหวาเทียนก็รู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้นั้นมันมีจำกัด แม้ว่าทุกสิ่งในนอกวังนั้นจะได้ทำการเตรียมการเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็หลีกเลี่ยงที่จะมีการเปลี่ยนแปลงอื่นไม่ได้ ขั้นตอนต่อไปก็คงต้องรบกวนกู้ชิวเหลิ่งกับอวี้ฉือจ้านอีกแล้ว
จู่ๆจวินหวาเทียนก็ไอขึ้น กู้เจินหยิบผ้าเช็ดหน้าแล้วยื่นให้จวินหวาเทียน เห็นเพียงแต่ในผ้านั้นเต็มไปด้วยเลือด
“ร่างกายของท่านทรุดโทรมถึงขั้นนี้แล้วรึ?”
“ไม่เป็นอะไร”
แม้ว่าจวินหวาเทียนจะพูดเช่นนั้น แต่ก็ถามว่า“หาคนคนนั้นเจอหรือยัง?”
“เจอแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้ยังไม่สะดวกที่จะประกาศตัวตนที่แท้จริงของเขาออกมา”
จวินหวาเทียนพยักหน้าอย่างอ่อนแรง และกล่าวว่า”ค่ำแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ”
กู้เจินมองดูจวินหวาเทียนอย่างกังวลใจ จวินหวาเทียนกล่าวว่า”ข้าไม่เป็นไร เจ้าไปเถอะ”
หลังกู้เจินจากไป จวินหวาเทียนก็เริ่มคิดเหม่อลอย เมื่อสี่ปีก่อนที่จวินฉีเซิ่งกบฏวังหลวง ตอนนั้นรัชทายาทของพระชายารองได้ตั้งครรภ์แล้ว แม้ว่าสถานการณ์ในตอนนั้นจะวุ่นวายยิ่งนัก แต่ก่อนที่องค์รัชทายาทจะแขวนคอตาย เขาก็คงหาวิธีส่งเชื้อพระวงศ์ออกไปจากวังได้แล้ว ในเมื่อเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เด็กก็คงมีอายุสามขวบแล้วสินะ
อวี้ฉือจ้านกอดกู้ชิวเหลิ่งไว้ในอ้อมแขน ก็ได้ยินกู้ชิวเหลิ่งถามว่า: “วันนี้ต้าเยียนส่งข่าวอะไรมา?ข้าเห็นท่านทำหน้าเคร่งขรึม เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า?”
“ก็ไม่มีอะไร เพียงแต่ว่าเซียวอวิ๋นเซิงหายตัวไป ฝู้จื่อโม่รู้สึกแปลก ดังนั้นจึงถือโอกาสพูดถึงเรื่องนี้”
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกได้เสมอว่าตอนอวี้ฉือจ้านพูดคำเหล่านี้นั้น ในใจของเขานั้นเกิดความหึงหวงเล็กน้อย
“สนใจเซียวอวิ๋นเซิงรึ?เซ่อเจิ้งหวางผู้สูงศักดิ์มีความสนใจต่อเซียวอวิ๋นเซิง?”
อวี้ฉือจ้านเลิกคิ้วและกล่าวว่า“เขาตามจีบเจ้า เหตุใดข้าต้องไม่สนใจด้วย?”
กู้ชิวเหลิ่งหัวเราะจางๆ ก็ได้ยินอวี้ฉือจ้านพูดว่า“เขาคงไปที่แคว้นเป่ยแล้ว ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เขามักจะไปที่นั่นสองสามวันทุกปี”
เมื่อพูดถึงแคว้นเป่ย กู้ชิวเหลิ่งก็หยุดหัวเราะ แคว้นเป่ยเป็นที่ที่ฉู่สวินอยู่ นางรู้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วว่าความสัมพันธ์ระหว่างเซียวอวิ๋นเซิงและฉู่สวินนั้นไม่ธรรมดา แต่คิดไม่ถึงว่าปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะสนิทสนมกันถึงเยี่ยงนี้
อวี้ฉือจ้านเหมือนจะรู้สึกถึงร่างกายที่แข็งทื่อของกู้ชิวเหลิ่ง ถามว่า”เป็นอะไรรึ?”
“ไม่มีอะไร ข้าแค่แปลกใจ ท่านโหวเย๋น้อยคนหนึ่งของต้าเยียนกลับมีความเกี่ยวพันกับแคว้นเป่ย”
“คงไปพบใครสักคนแหละ ได้ยินว่าความสัมพันธ์ของเขากับฉู่สวินนั้นไม่ธรรมดา”
“ตัวประกันของแคว้นเป่ยสินะ?”
“อืม”
“สนใจรึ?”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหัวและพูดว่า”เปล่า แค่รู้สึกง่วงนิดหน่อย”
อวี้ฉือจ้านลูบหัวของกู้ชิวเหลิ่งและพูดว่า”นอนเถอะ”
ผ่านไปสองวันแล้ว มู่หรงอี๋อยู่ในเรือนฉูหรวนที่ปิดสนิท และไม่เคยพบจวินฉีเซิ่งอีกเลย ทันใดนั้นก็มีคนตะโกนอยู่นอกประตู: “หยินเฟยเหนียงเหนียง”
มู่หรงอี๋ก็รีบตั้งสติขึ้น คือหยินซวงซวง? มาเยี่ยมนางในเวลานี้ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่?
ตอนหยินซวงซวงเดินเข้ามา มู่หรงอี๋ก็ได้หงอยเหงาเศร้าซึมอย่างมากแล้ว บนตัวนั้นไม่มีความเย่อหยิ่งแม้แต่นิด แตกต่างกับมู่หรงอี๋ผู้หยิ่งผยองในอดีตนั้นไปอย่างสิ้นเชิง
“พี่สาว ข้ามาเยี่ยมเจ้าแล้ว ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไป?เรือนฉูหรวนนี้กลับทรุดโทรมเช่นนี้”
หยินซวงซวงยิ้มอยู่ แต่มู่หรงอี๋กลับรู้สึกอัปยศเป็นอย่างยิ่ง: “เจ้ามาที่นี่ในเวลานี้ มาดูเรื่องตลกของข้ารึ?”
“พี่สาว น้องจะมาดูเรื่องตลกของพี่ได้อย่างไรกัน? เพียงแค่ได้ยินคนด้านนอกบอกว่าลูกของพี่ไม่มีแล้ว ต้องบำรุงร่างกายดีๆ จึงไม่กล้ามารบกวน แต่คิดไม่ถึงว่าจะบำรุงเป็นสภาพนี้ หมอหลวงเหล่านั้นทำอะไรกัน”
มู่หรงอี๋จ้องมองใบหน้าที่ยิ้มแย้มของหยินซวงซวง นางไม่เชื่อคำเพ้อเจ้อที่หยินซวงซวงพูดแน่นอน
“ตอนนี้เจ้าเห็นแล้ว เจ้าจะไปขอฝ่าบาทยกโทษแทนข้าเหรอ?หยินซวงซวง เจ้าเก็บหน้าที่จอมปลอยของเจ้าซะ เจ้านึกว่าข้าไม่รู้เหรอว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่?ตำแหน่งกุ้ยเฟย เจ้าคิดช่างดีเลยนะ!”
หยินซวงซวงกล่าวว่า: “พี่สาวจะพูดอย่างนี้ได้เยี่ยงไร? ข้าก็เพื่อความปรารถนาแท้ๆ ถือโอกาสบอกข่าวเรื่องหนึ่งให้พี่ละกัน ฝ่าบาทได้เตรียมผ้าแขวนคอให้พี่ไว้ผืนหนึ่งแล้ว ผ่านไปอีกสักสองวันก็จะให้พี่แขวนคอตายที่เรือนฉูหรวนนี้ ดังนั้นข้าก็เพียงแค่มาเยี่ยมพี่……เป็นครั้งสุดท้าย”
บนใบหน้าของมู่หรงอี๋นั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก: “เจ้าพูดอะไรนะ?! เป็นไปไม่ได้!”
หยินซวงซวงกล่าวว่า“ทำไมถึงจะเป็นไปไม่ได้?นี่เป็นสิ่งที่ข้าไปแอบฟังมา ฝ่าบาทไม่อยากเก็บพี่ไว้นานแล้ว อาจเป็นเพราะความลับอะไรบางอย่างสินะ ฝ่าบาทอยากใช้ความตายของเจ้ามาปกป้องพี่วี่เฟยกับเหมียวเจียง ดังนั้นการตายของพี่จึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้ว”
มู่หรงอี๋จะไม่รู้จิตใจของจวินฉีเซิ่งได้อย่างไรกัน เพียงแต่ว่าช่วงนี้ถูกทุกข์ทรมานมาโดยตลอด ดังนั้นจึงเลือกที่จะลืมสิ่งนี้ไป ตอนนี้นึกขึ้นแล้ว จวินฉีเซิ่งจะปล่อยนางไปได้อย่างไร? ประการแรกนางไม่มีอำนาจ ประการที่สองฐานะของนางต้อยต่ำ แถมยังรู้ความลับของเขามาเป็นเวลาหลายปีแล้ว วี่เฟยไม่เหมือนกัน วี่เฟยเป็นองค์หญิงของเหมียวเจียง แถมยังงามยิ่งนัก รู้วิธีการใช้พิษกู่เป็นอย่างดี ยังกำเนิดลูกสาวคนหนึ่งให้กับจวินฉีเซิ่ง เป็นสมบัติที่หาได้ยาก แน่นอนว่าจวินฉีเซิ่งก็ต้องรักษาไว้อย่างดีอยู่แล้ว
มู่หรงอี๋กำหมัดแน่น หยินซวงซวงจึงค่อยกล่าวว่า: “ค่ำแล้ว ข้าก็ควรจากไปแล้ว พี่สาวโปรดรรักษาตัวด้วย”
หลังจากหยินซวงซวงจากไป มู่หรงอี๋ก็อยากจะวิ่งออกไป แต่ก็ถูกองครักษ์นอกประตูห้ามเอาไว้
ตอนนี้นางทำอะไรได้บ้าง? รอตายในเรือนฉูหรวนนี้? ฝีมือของจวินฉีเซิ่งนั้นนางรู้ดี แม้ว่าครั้งนี้หยินซวงซวงมาเพื่อเยาะเย้ยนางก็ตาม แต่ก็นำข่าวดีมาให้กับนาง จวินฉีเซิ่งจะฆ่านาง นางไม่มีวันรอดแน่นอน
หลี่ต้าไห่ที่อยู่นอกประตูพูดว่า: “หลิ่วกุ้ยเหรินบ้าไปแล้วหรือเปล่า?ไม่น่าแปลกใจเลยที่ช่วงนี้ฝ่าบาทไม่อนุญาตให้เซ่อเจิ้งหวางกับพระชายาของเซ่อเจิ้งหวางมาสอบปากคำ สภาพเช่นนี้ จะสามารถสอบสวนอะไรออกมาได้”
“แม้ว่าตอนนี้จะตกอับไปหน่อย แต่รสชาตินั้นก็ช่างเย้ายวนใจคนจริงๆเลย ไม่น่าแปลกเลยที่ได้รับการโปรดปรานมาเป็นเวลาหลายปี”
มู่หรงอี๋ฟังคำเหล่านี้ ในใจก็รู้สึกรังเกียจยิ่งนัก แต่ตอนนี้ สิ่งที่นางพิจารณาได้ก็มีเพียงจะเอาชีวิตรอดได้อย่างไร
มู่หรงอี๋พูดเบาๆว่า”อวี้ฉือจ้านกับกู้ชิวเหลิ่งจะมาสอบปากคำ……”
อวี้ฉือจ้านกับกู้ชิวเหลิ่ง! เซ่อเจิ้งหวางและพระชายาของเซ่อเจิ้งหวางแห่งต้าเยียน จวินฉีเซิ่งไม่ให้พวกเขามาพบนางในเวลานี้ ก็คงเป็นเพราะว่ากลัวนางจะเผยความลับให้กับคนสองคนนี้สินะ ดีมาก! จวินฉีเซิ่ง เจ้าไม่ปล่อยให้ข้ารอด! ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่รอดไปได้เหมือนกัน!