ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่238 ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม
เช่นเดียวกับปีนั้นที่เจ้าฆ่าเด็กในครรภ์ของข้าด้วยมือเอง
ความเศร้าโศกบนใบหน้าของจวินฉีเซิ่งนั้นปะปนไปด้วยความโหดเหี้ยม กู้ชิวเหลิ่งรู้ว่าทำไมจวินฉีเซิ่งถึงต้องฆ่าลูกสาวแท้ๆของตัวเอง สำหรับจวินฉีเซิ่งแล้ว เขายังหนุ่ม และในอนาคตยังสามารถมีลูกได้หลายคน แต่องค์หญิงเฟิงกลับไม่สามารถมีชีวิตอยู่บนใต้หล้านี้ได้ เพราะแม่ของนางถูกคนมากมายตัดสินว่าเป็นปิศาจไปแล้ว
จวินฉีเซิ่งจะปล่อยให้ลูกสาวของปิศาจมีชีวิตอยู่บนใต้หล้านี้ได้อย่างไร? แม้เขาจะรู้ว่านี่ไม่ใช่ความจริง วี่เฟยเหนียงเหนียงไม่ใช่ปิศาจ แต่เขาไม่สามารถปิดปากฝูงชนได้ ทำได้เพียงให้วี่เฟยเหนียงเหนียงลูกของวี่เฟยเหนียงเหนียงตายไปพร้อมกัน และวี่เฟยเหนียงเหนียงก็บ้าคลั้งฆ่าตัวตายเพราะการตายขององค์หญิงเฟิง ก็ถือเป็นเรื่องตามหลักธรรมชาติของมนุษย์อยู่แล้ว เหมียวเจียงก็จะไม่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับจวินฉีเซิ่งเพราะเหตุนี้ นี่ก็ถือเป็นการยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว
ในสายตาของจวินฉีเซิ่ง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าอำนาจและฐานะ เมื่อกู้ชิวเหลิ่งรู้ถึงสิ่งนี้ ก็รู้ชะตากรรมของวี่เฟยเหนียงเหนียงกับองค์หญิงเฟิงแล้ว
ทั้งสองคนตกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็นต้องตาย และนางก็จะไม่ยั้งมือไว้ไมตรีแน่นอน
กู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างเฉยชาว่า“ฮ่องเต้ฉีโปรดไว้อาลัย”
จวินฉีเซิ่งฝืนยิ้ม เขานึกเรื่องเมื่อครู่ขึ้นได้ จู่ๆก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย แม้จะกำจัดสิ่งที่เป็นภัยต่อเขาที่สุดทิ้งแล้ว แต่ก็ไม่อาจดีใจขึ้นได้
เขาส่งคนไปฆ่าลูกสาวตัวเอง และจงใจให้คนไปแจ้งข่าวนี้ให้กับวี่เฟยเหนียงเหนียงทราบในวินาทีแรก เขาสั่งให้คนไปเปลี่ยนยาที่ชิงจวี๋พกติดตัวไว้นั้นเป็นยาทำให้คนบ้าคลั้ง ไม่นาน ผมของวี่เฟยเหนียงเหนียงก็ขาวไปหมดใบหน้าผอมแห้งเหมือนมัมมี่
เมื่อเขาเดินเข้าไปในตำหนัก ก็คือวี่เฟยเหนียงเหนียงในสภาพแบบนี้ สีหน้าของเขาเฉยชาไม่มีอารมณ์ใดๆ ท่าทางของวี่เฟยเหนียงเหนียงดูเหี้ยมโหด: “จวินฉีเซิ่ง! ท่านจงใจมาทำร้ายข้า!”
“เฟิงเอ๋อร์ตายแล้ว เจ้าไว้ใจ ข้าจะประกอบพิธีฝังให้นางตามเกียรติขององค์หญิง เจ้าก็ไปอย่างสงบสุขได้แล้ว”
“ถึงตอนนี้แล้วท่านยังจะมามือถือสาก ปากถือศีลอีก?อย่าคิดว่าข้าจะไม่รู้ว่าในใจของท่านกำลังคิดอะไรอยู่! ต่อให้ท่านฆ่าข้าเดี๋ยวนี้ ความลับเหล่านั้นของท่านก็ซ่อนเอาไว้ไม่ได้นานแล้ว!”
เมื่อจวินฉีเซิ่งได้ยินคำว่า “ความลับ” ก็พุ่งเข้าไปจับปลอกคอของวี่เฟยเหนียงเหนียง และพูดอย่างเย็นชาว่า “มู่หรงอี๋บอกอะไรกับเจ้าบ้าง?เจ้ารู้อะไรแล้วบ้าง?!”
วี่เฟยเหนียงเหนียงกล่าวว่า”สิ่งเหล่านั้น ยังต้องการมู่หรงอี๋มาบอกข้าอีกหรือ?จวินฉีเซิ่ง ท่านจะเสียใจที่ฆ่าข้าทิ้ง ข้าจะใช้วิธีที่โหดร้ายที่สุดจัดการกับท่าน เจ้าคอยดูละกัน ข้าจะให้เจ้าชดใช้ให้เฟิงเอ๋อร์ของข้า!”
จวินฉีเซิ่งโยนวี่เฟยเหนียงเหนียงทิ้ง ใช้ผ้าขาวพันคอของวี่เฟยเหนียงเหนียงเอาไว้แล้วแขวนไว้บนคาน และพูดอย่างเย็นชาว่า“ทหาร! ลงมือ!”
มีองครักษ์ลับคนหนึ่งปรากฏตัวในความมืด ใช้ผ้าขาวพันคอวี่เฟยเหนียงเหนียงเอาไว้ และแขวนไว้บนคาน เดิมทีวี่เฟยเหนียงเหนียงก็ไม่มีแรงอะไรอยู่แล้ว หลังจากดิ้นรนไปสักพัก ดวงตาก็โผล่ออกมา และตายอย่างอนาถไป
เดิมทีนี่เป็นวิธีที่เขาเตรียมให้มู่หรงอี๋ แต่สุดท้ายกลับใช้กับนาง
อวี้ฉือจ้านกล่าวว่า: “ในเมื่อเรื่องได้รับการตรวจสอบอย่างชัดเจนแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไปแจ้งให้ฝ่าบาทได้ทราบ ส่วนเรื่องทั้งหมดในนี้ ก็ต้องรบกวนฮ่องเต้ฉีจัดการแล้ว”
จวินฉีเซิ่งพยักหน้าอย่างหนักแน่ๆ และกล่าวว่า“วี่เฟยเหนียงเหนียงได้ให้กำเนิดองค์หญิง แถมรับใช้ข้ามานานหลายปี แม้จะได้ทำความผิดอันใหญ่ลงไป แต่สุดท้ายก็ได้ฆ่าตัวตายไป ท้ายที่สุดก็ได้รับบาปกรรมที่ตัวเองทำเอาไว้ ข้าอยากจะประกอบพิธีฝังให้ตามเกียรติยศของกุ้ยเฟย ไม่ทราบว่าทั้งสองคิดอย่างไร”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า”นี่เป็นเรื่องครอบครัวของฮ่องเต้ฉี พวกข้าก็ไม่สะดวกที่จะไปยุ่งเกี่ยวอะไร ในเมื่อนางได้จากไปแล้ว พวกข้าก็ไม่มีเหตุผลที่จะมาทรมานนางอยู่แล้ว ฮ่องเต้ฉีเป็นคนตัดสินเองเลย”
หลังจากพูดจบ กู้ชิวเหลิ่งก็ควงแขนของ อวี้ฉือจ้านและกล่าวว่า”พวกข้าขอจากไปก่อน”
จวินฉีเซิ่งทำท่าทางเชิญ และกล่าวว่า”ข้ามีเรื่องต้องยุ่งเยอะ ไม่ไปส่งพวกเจ้าแล้ว”
อวี้ฉือจ้านและกู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า ตอนจากไปก็ต่างส่งสายตาให้กัน
ลมในกลางคืนนั้นเย็นสบายยิ่งนัก
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า”ท่านรู้ตั้งนานแล้วใช่หรือไม่?”
“ก่อนวี่เฟยเหนียงเหนียงกำลังจะตาย ได้พบคนคนหนึ่งไป”
อวี้ฉือจ้านลูบปอยผมของกู้ชิวเหลิ่งเบาๆ และกล่าวว่า”เจ้าวางใจได้ ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุม”
กู้ชิวเหลิ่งเดาออกได้บางส่วนแล้ว กล่าวว่า“วี่เฟยเหนียงเหนียงเป็นคนที่ฉลาดมาก นางคงรู็นานแล้ว ดังนั้นจึงเตรียมวิธีการแก้แค้นเอาไว้ นี่คงเป็นกำลังการช่วยเหลือที่ใหญ่ที่สุดของพวกข้าแล้ว
อวี้ฉือจ้านส่ายหัวและหัวเราะ พูดว่า”เรื่องอะไรก็ปิดบังเจ้าไม่ได้เลยจริงๆ”
“เพียงแต่ว่าหากเรื่องนี้เกิดบนตัวข้า ตราบใดที่ข้าสามารถคาดการได้ ต่อให้ตาย ก็จะไม่ปล่อยให้ผู้ที่มีชีวิตนั้นอยู่ดีเป็นสุขแน่นอน”
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งพูดประโยคนี้ออกมา อวี้ฉือจ้านก็รู้สึกถึงร่างกายที่สั่นสะเทือนเล็กน้อยของกู้ชิวเหลิ่ง บางทีกู้ชิวเหลิ่งเองก็อาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ นางเกลียดจวินฉีเซิ่งเข้าไส้เลย
ความแค้นของการถูกประหารยกทั้งตระกูล ความทุกข์ทรมานที่จวินหวาเทียนได้รับ การดูถูกที่นางได้รับ และลูกที่ยังไม่เกิด นางจะลืมไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
อวี้ฉือจ้านจูบปากของกู้ชิวเหลิ่ง จูบนั้นมันอย่างกะทันหัน กู้ชิวเหลิ่งยังไม่ทันได้ตั้งตัว อวี้ฉือจ้านกก็ได้เริ่มล้อมเมือง ปล้นดินแดนแล้ว ไม่ให้เวลากู้ชิวเหลิ่งตอบสนองเลย
“อวี้……”
“จุ๊ๆ อย่าพูดเลย”
อวี้ฉือจ้านพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่ามีอารมณ์มากมายในการจูบนี้ เหมือนการปลอบโยน และเหมือนปวดใจ หรืออย่างอื่น
คืนนี้ พายุและฝนโปรยมา และในวันที่สอง กู้ชิวเหลิ่งจึงได้เอาเรื่องที่จะไปหาหยินซวงซวงมาเป็นข้ออ้าง โดยปล่อยให้อวี้ฉือจ้านอยู่ในห้องคนเดียว
ในความเป็นจริง กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ไปหาหยินซวงซวง นางไปที่วังเย็นที่กู้เจินอยู่
เนื่องจากไฟไหม้ในครั้งที่แล้ว ตำหนักที่ยังเหลืออยู่นั้นมีเพียงไม่กี่หลังเท่านั้น ช่วยจวินฉีเซิ่งก็งานเยอะ จึงดูแลไม่ถึง หลังจากที่นางจงใจบอกให้หยินซวงซวงแล้ว วังเย็นก็คงสภาพเช่นนี้ไว้ และไม่มีตำหนักอื่นอีกเลย
และเนื่องจากที่มีข่าวลือไฟผี เหล่านางกำนัลและขันทีต่างก็หลีกเลี่ยงและออกห่างจากไป สามารถไม่เห็นก็ไม่เห็น สามารถเดินอ้อมก็เดินอ้อม จะไม่มีความเกี่ยวพันกับวังเย็นเลยแม้แต่นิด
ดังนั้น ทุกวันนี้ นอกจากคนของกู้เจินแล้ว ในนี้ก็ไม่มีคนอื่นอีกเลย
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งเดินเข้าไป ก็ใช้สายตาส่งสัญญาณให้กับกู้เจิน เพราะเป็นคนของกู้เจินหมด แน่นอนว่าก็ต้องเหมาะสมและรอบคอบอยู่แล้ว รอบๆดูเหมือนยืนกันอย่างกระจัดกระจาย แต่ต่างก็เป็นช่องระบายอากาศ รับรองว่าปิดกั้นได้แน่สนิทแน่นอน
“คนอยู่ข้างใน?”
กู้เจินพยักหน้าและพูดว่า“อยู่ข้างใน แต่ปิดปากเอาไว้ เพราะกลัวนางจะกรีดร้องดังเกินไป”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า“ร่างกายของหวาเทียนเป็นอย่างไรบ้าง? อาการยังหนักอยู่หรือไม่?”
“ตอนนี้ไม่เป็นไร”
กู้เจินกล่าวว่า”แต่เช้าวานนี้ วี่เฟยเหนียงเหนียงแอบมาหาเขา”
นี่คงเป็นเส้นทางแห่งการล้างแค้นที่วี่เฟยเหนียงเหนียงเตรียมไว้ให้ตัวเองหลังตายสินะ
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ถามอะไรมาก เพียงแค่เดินไปที่ลานที่ห่างไกลและรกร้างที่สุด
ด้านในทรุดโทรมไปหมด และยังมีฝนที่สะสมได้ในช่วงไม่หลายเดือนที่ผ่านมานี้ ในตำหนักนั้นชื้นและมีควัน ไออากาศก็หนาวมากจนทำให้คนกลัวจนตัวสั่นไปหมด