ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่240 นิทานเรื่องหนึ่ง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่240 นิทานเรื่องหนึ่ง
ตอนกู้ชิวเหลิ่งกลับไป อวี้ฉือจ้านกำลังดูจดหมายที่ต้าเยียนส่งมา และหลังจากที่กู้ชิวเหลิ่งมา อวี้ฉือจ้านจึงค่อยวางสิ่งที่อยู่ในมือลง และถามว่า”วันนี้ข้างนอกร้อน ข้าให้จีเฟิงเตรียมโจ๊กเห็ดหูหนูขาวไว้ ดื่มคลายร้อนหน่อย”
กู้ชิวเหลิ่งมองไปที่โต๊ะ ได้เตรียมไว้ชามหนึ่งแล้วจริงด้วย แถมยังเป็นแบบเย็นด้วย เพียงแค่ดมกลิ่นก็สามารถได้กลิ่นอันแสนหวานนั้นแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า”ได้เวลาเริ่มแผนการของพวกข้าแล้ว”
อวี้ฉือจ้านเห็นกู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างชัดเจนเช่นนี้ ก็กล่าวว่า”ดูเหมือนว่าน้องนางจะเดาออกแล้ว”
“เป็นเพราะคุณชายมู่ลาด เขารู้ว่าตอนนี้วี่เฟยเหนียงเหนียงหมดหนทางแล้ว ดังนั้นข้าจึงได้เตรียมเส้นทางแห่งการแก้แค้นหลังตายเอาไว้แล้วมอบให้กับวี่เฟยเหนียงเหนียง วี่เฟยเหนียงเหนียงทำความเข้าใจได้ดี”
โดยปกติหากอยู่ต่อหน้ากันเอง กู้ชิวเหลิ่งจะเรียกจวินหวาเทียนว่า“คุณชายมู่”ต่อหน้าอวี้ฉือจ้าน แต่แท้จริงแล้วในใจของอวี้ฉือจ้านรู้ดีว่า ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้นไม่ธรรมดาแน่
อีกอย่างโรงเตี๊ยมในวันนั้น เขาได้ยินการสนทนาระหว่างทั้งสองคนแล้ว ตอนนั้นกู้ชิวเหลิ่งเรียกจวินหวาเทียนว่า “หวาเทียน” ซึ่งนี่ก็สนิทสนมกันมากแล้ว
ดวงตาของอวี้ฉือจ้านมืดลง และพูดว่า”จริงๆแล้ว……เจ้าไม่จำเป็นต้องปิดบังข้า”
น้อยนักที่อวี้ฉือจ้านพูดด้วยน้ำเสียงที่เบาเช่นนี้ ทันใดนั้นห้องก็เงียบไป รอยยิ้มของกู้ชิวเหลิ่งแข็งทื่อเล็กน้อย จากนั้นก็ปกปิดมันเอาไว้อย่างดี เหมือนกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ยินอะไรเลย นางกล่าวว่า”เมื่อครู่ท่านพูดอะไรรึ?ข้าได้ยินไม่ชัด”
อวี้ฉือจ้านทำหน้าจริงจังขึ้นมา เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองไม่สนใจ แต่ทุกครั้งที่เห็นกู้ชิวเหลิ่งตื่นจากฝันร้าย ก็อดใจหายไม่ได้ เขารู้แล้วว่าความสัมพันธ์ของกู้ชิวเหลิ่งกับมู่หรงชิวนั้นไม่ธรรมดา แม้กระทั่งรู้สึกว่าทั้งสองเป็นคนเดียวกัน แต่ทั้งหมดนี้ แม้เขาจะกล่าวว่าไม่ถือสา แต่ในใจก็ยังคงหวังว่ากู้ชิวเหลิ่งจะสารภาพเรื่องทั้งหมดนี้ต่อหน้าเขา
ระหว่างสามีภริยากัน หากแม้แต่ความไว้วางใจยังไม่มี แล้วจะอยู่ร่วมกันได้อย่างไร?
กู้ชิวเหลิ่งเห็นความคาดหวังในสายตาของอวี้ฉือจ้าน นางรู้ว่าอวี้ฉือจ้านเดาอะไรบางอย่างได้บ้างแล้ว แต่ต่อให้นางพูดออกมา อวี้ฉือจ้านจะคิดอย่างไร?นางเป็นเพียงดวงวิญญาณที่อาศัยอยู่ในร่างนี้หลังตายแล้วเท่านั้น ส่วนอวี้ฉือจ้าน เขาเป็นเซ่อเจิ้งหวางแห่งต้าเยียน ไม่เชื่อเรื่องผีและเทวดาแถมไม่กลัวเรื่องอะไรสักอย่างด้วย หากรู้ว่าภรรยาของตัวเองนั้นตายไปนานแล้ว จะรู้สึกและคิดอย่างไร?
กู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่คิดแบบนี้ ก็ละทิ้งความคิดที่จะบอกความจริงออกมาแล้ว
ในเวลานี้ อวี้ฉือจ้านก็พูดขึ้นว่า: “จริงๆแล้วเจ้าไม่ต้องปิดบังต่อข้า ข้าเคยบอกว่าจะไม่บังคับให้เจ้าทำอะไร แต่ ……”
แต่ทุกครั้งที่มองดูแผนหลังและสายตาที่หลบหนีของกู้ชิวเหลิ่งนั้น เขาก็จะรู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก
เขาเป็นเทพสงครามแห่งต้าเยียน ไม่เคยคิดถึงห่วงหาอาทรอย่างมากเพราะเรื่องหนึ่งหรือคนคนหนึ่ง สีหน้ากังวล มีเพียงกู้ชิวเหลิ่งคนนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้ใจของเขาวุ่นวายได้ แม้แต่สายตาหนึ่งของกู้ชิวเหลิ่ง เขาก็จะใส่ไว้ในใจ
กู้ชิวเหลิ่งอ้าปากจะพูด ก็ถูกอวี้ฉือจ้านกอดจากด้านหลัง วางโจ๊กเห็ดหูหนูขาวในมือลง กู้ชิวเหลิ่งกล่าวอย่างเฉยชาว่า”ถ้าอย่างนั้นข้าเล่านิทานเรื่องหนึ่งให้เจ้าฟังดีหรือไม่?”
ร่างกายของอวี้ฉือจ้านแข็งทื่อไปครู่หนึ่ง เขารู้ว่าสิ่งที่กู้ชิวเหลิ่งจะพูดถึงในต่อไปก็คือสิ่งที่เขาอยากรู้
“ในแคว้นหนึ่งมีองค์ชายผู้มีอำนาจอยู่สองท่าน คนหนึ่งเป็นถึงองค์รัชทายาทแล้ว คุณธรรมและบารมีสูงส่ง อีกคนหนึ่งถึงจะเป็นท่านอ๋อง แต่ฉลาดมาก ไม่แย่กว่าองค์รัชทายาทแม้แต่นิดเลย แต่เขาไม่มีเจตนาที่จะขึ้นครองบัลลังก์ และยังมีองค์ชายที่ไร้อำนาจท่านหนึ่ง ภายนอกเขาดูเป็นคนธรรมดาและไร้ความสำเร็จใดๆทั้งสิ้น แต่ค่อนข้างเจ้าเล่ห์ เขาแก่ในการปลอมตัว มีปีหนึ่งเขาหลอกความรักของแม่ทัพหญิงคนหนึ่ง ทั้งสองร่วมใจร่วมมือเตรียมเอาชนะองค์รัชทายาท”
“แต่เนื่องจากแม้ทัพหญิงนำกองทหารไปสู้รบและทำงานหนักในจวนมากเกินไป จึงทำให้ลูกได้ไม่ได้สักที หลังแต่งงานมาสาม สี่ปี ในที่สุดแม่ทัพหญิงก็ตั้งครรภ์ แต่สามีกลับล้มป่วย นางจึงต้องไปจำกัดทหารที่ทรยศแคว้นแทนสามี แต่โชคร้ายนางถูกจับตัว แม่ทัพหญิงหลุดพ้นจากความตายกลับมา แต่ลูกกลับโคลงตายบนหลังม้า สามีรู้สึกทุกข์ใจเป็นอย่างมาก ป้อนยาให้นางกินกับมือ และสัญญาว่าจะทั้งชีวิตจะไม่ทอดทิ้งนาง แม่ทัพหญิงเชื่อเขา และในที่สุด ก็รอจนถึงวันที่สามีขึ้นครองบัลลังก์ ท่านเดาดูสิว่าตอนจบเป็นอย่างไร?”
อวี้ฉือจ้านเม้มปากไม่พูดอะไร ก็ได้ยินกู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างเฉยชาว่า: “สามีได้แอบคบชู้กับน้องสาวบุตรีของอนุภรรยานานแล้ว ก่อนคืนขึ้นครองบัลลังก์ นำนางขังเอาไว้ในคุกใต้ดิน น้องสาวบุตรีของอนุภรรยานานนั้นทรมานนางอย่างยิ่ง ณ เวลานี้ นางถึงจะรู้ว่าสภาพการณ์ที่ดีงานในตอนนั้นเป็นเพียงแผนการที่ถูกวางแผนไว้แล้วเท่านั้น แม้แต่เรื่องที่ถูกศัตรูจับ ลูกตายก็ล้วนเป็นฝีมือของสามีเอง สิ่งที่สามีป้อนให้นางกินนั้นไม่ใช่ยากำลัง ร่างกาย แต่เป็นซุปทำให้ตั้งครรภ์ไม่ได้ แม้กระทั่งก่อนขึ้นครองราชย์สามีของนางก็ประหารทั้งตระกูลของนางทิ้ง เมื่อรู้สิ่งเหล่านี้ แม่ทัพหญิงถึงตระหนักได้ว่านางโง่เพียงใด เชื่อผิดคนไม่พอ ยังทำให้เพื่อนๆและตระกูลต้องมาเสียชีวิตเพราะนาง น้องสาวบุตรีของอนุภรรยาหักนิ้วสิบนิ้วของนางทิ้ง นางถูกแทสารตะกั่วเข้าในร่างกายจนตาย นางสาบานว่า ต่อให้กลายเป็นผีอาฆาต ก็จะหาทางแก้แค้นทั้งสองคนให้ได้แน่นอน”
ตั้งแต่เริ่มจนจบ กู้ชิวเหลิ่งก็ไม่ได้แสดงท่าทางใดๆเลย ราวกับว่าสิ่งที่เล่านั้นเป็นเพียงนิทานเรื่องหนึ่ง แต่อวี้ฉือจ้านก็คิดเชื่อมโยงไปยังมู่หรงชิวแล้ว ตอนกู้ชิวเหลิ่งพูดประโยคแรกออกมานั้น เขาก็รู้ความจริงทั้งหมดของเรื่องแล้ว
อวี้ฉือจ้านไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่พูดว่า: “หากข้าเป็นแม่ทัพหญิงคนนั้น ข้าจะทรมานพวกเขาสองคนด้วยวิธีร้อยเท่าพันเท่า จนกว่าพวกเขาจะตาย”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มจางๆ และกล่าวว่า”ฟังนิทานจบแล้ว ให้ข้ากินโจ๊กได้หรือยัง?”
อวี้ฉือจ้านเอาหัวชนกับหน้าผากของกู้ชิวเหลิ่ง แล้วพูดว่า“นิทานน่าฟัง แต่ข้าคิดว่า แม่ทัพหญิงคนนั้นควรบังคับให้เขาสาบาน เหมือนกับคำสัญญาที่ข้ามีต่อน้องนาง เขาคงไม่กล้าแน่”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้วแล้วพูดว่า“ทำไมท่านถึงแน่ใจว่าเขาไม่กล้า?”
“เพราะเขาไม่รัก”
อวี้ฉือจ้านจูบปากของกู้ชิวเหลิ่ง กู้ชิวเหลิ่งหน้าแดงเล็กน้อย พูดว่า”ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน อย่าทำอะไรไปมั่ว”
อวี้ฉือจ้านกัดติ่งหูของกู้ชิวเหลิ่งแล้วพูดว่า”น้องนางจะกินโจ๊ก ข้าป้อนเจ้า”
พูดจบ อวี้ฉือจ้านก็จบรอบๆคอของกู้ชิวเหลิ่งอีกครั้ง ริมฝีปากโดนคอทำให้รู้สึกคันเล็กน้อย ฝ่ามือของอวี้ฉือจ้านร้อนยิ่งนัก เขาอดกลืนลูกลูกกระเดือกไม่ได้ จากนั้นก็อุ้มกู้ชิวเหลิ่งไปวางไว้บนเตียง และจูบกัดไปทีละนิด
แก้มของกู้ชิวเหลิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ เสียงเบาราวกับแมลงวัน: “หยุดเล่นได้แล้ว……”
อวี้ฉือจ้านเหมือนไม่ได้ยิน ปลดผ้าม่านลง เสื้อผ้าของกู้ชิวเหลิ่งถูกอวี้ฉือจ้านถอดทิ้งเกือบหมด และเผยผิวอันขาวนุ่ม
อวี้ฉือจ้านกัดกระดูกไหปลาร้าของกู้ชิวเหลิ่ง ไม่แรง แต่ทิ้งรอยฟันไว้
กู้ชิวเหลิ่งอดถามไม่ได้ว่า”ท่านทำอะไร?”
อวี้ฉือจ้านยิ้มมุมปาก ริมฝีปากของเขาลูบติ่งหูของกู้ชิวเหลิ่งเบาๆ คายกลิ่นไอที่อบอุ่นออกมา
เสียงของอวี้ฉือจ้านทุ่มและน่าฟัง กู้ชิวเหลิ่งได้ยินเขาพูดคำว่า “ข้ารักเจ้า” อย่างชัดเจน