ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 10
ตอนที่ 10 ลูกทรพีถูกลงโทษ
แซ่จื๋อจ้วนล้มงานแต่งเป็นเรื่องที่วางแผนเอาไว้ก่อนอยู่แล้ว ยังไงเสียตระกูลหวาก็ไม่ได้ดีเท่าตระกูลแซ่ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจอะไร
แต่ที่คิดไม่ถึงคือจะดึงเจียงหยู่เข้ามายุ่งเกี่ยวด้วย สำหรับเขาแล้วเป็นผลพลอยได้ที่ไม่คาดคิด
มันมีความรู้สึกว่าของที่เขาแซ่จื๋อจ้วนไม่เอา แต่เจียงหยู่กลับเก็บเอาไป พูดได้คำเดียว สะใจ
แซ่เฟยโม่รู้ความหมายของน้องชายตนเอง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ได้แต่ทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อพาน้องชายกลับบ้าน
คืนนั้นแซ่จื๋อจ้วนถูกตีด้วยแส้
แซ่หยานโกรธจริงจังเขาฟาดแส้ลงไปอย่างไม่ใยดี
สุดท้ายก็มีเพียงคุณนายแซ่ที่รักลูกชายมาขอให้ยกโทษให้
“ลูกที่ไม่รักดีอย่างแกฉันควรจะตีให้ตาย” แซ่หยานถือไม้แส้อยู่ในมือหายใจแรงเฮือก
แซ่จื๋อจ้วนไม่พูดอะไรออกเขากัดฟันแน่นราวกับว่าเขาไม่พอใจ
“งั้นก็ตีให้ตายสิ จะได้ไม่รกตาคุณ”
แซ่จื๋อจ้วนเคยไปอยู่อาศัยกับอาที่เมืองหลงหลายปีทำให้เขาบางทีก็เผลอพูดบทงิ้วออกมาไม่กี่คำแต่ก็ทำให้คนฟังโกรธและโมโหได้
“พูดให้มันน้อยๆ หน่อยไม่ได้หรือไง แกอยากจะทำให้ฉันโกรธจนตายหรือไงห๊ะ” คุณนายแซ่เองก็โมโหเช่นกัน ใช้มือตีไปที่ไหล่ของแซ่จื๋อจ้วน
แต่ใส่แรงไม่เยอะนัก คุณนายแซ่รักลูกคนนี้มากที่สุดแล้ว แน่นอนว่าไม่กล้าลงมือหนัก
“แม่ เรื่องนี้ผมไม่ผิดแม่คิดดูสิพ่อกับแม่จัดหาเมียมาให้ผม แต่ไม่เคยมาถามผม จัดการหาโรงแรมเชิญแขกเอง ขนาดตอนนี้ผมยังไม่รู้เลยว่าหวาเหวินรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร นี่มันคลุมถุงชนชัดๆ อะไรๆก็พ่อแม่จัดการให้ โดยเฉพาะพ่ออยู่ในยุคราชวงศ์ชิงหรือไงเรื่องอะไรๆก็พวกท่านตัดสินใจหมด ผมไม่มีสมองหรอ คบหาคุยกับสาวไม่เป็นหรือ หากให้พวกท่านเลือก แต่งเมียใครแต่ง ผมแต่งหรือพวกท่านแต่งกัน”
ปากของแซ่จื๋อจ้วนไม่เคยปราณีใครไม่ว่าจะเด็กหรือคนแก่
พอได้โอกาสก็พูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้าใคร
นี่ยิ่งทำให้แซ่หยานโมโหเข้าไปอีก ถือแส้คิดจะลงมือตีอีกแต่พอยกแส้ขึ้นก็รู้สึกเวียนหัว
ทันใดนั้นก็ถอยลงไปนั่งที่โซฟา
“พ่อ” แซ่เฟยโม่รีบเข้ามาพยุง
“คุณคะ เป็นอย่างไรบ้าง” คุณนายแซ่รีบเข้ามาถาม
“ดูดูสิ ยังไม่ยอมให้พูดอีก พอพูดก็ความดันขึ้นนี่มันช่างไม่มีอำนาจเสียจริง” แซ่จื๋อจ้วนพูดสถบออกมา
“หุบปากไปเลย จื๋อจ้วนพ่อสุขภาพไม่ดีเรื่องงานแต่งแกไม่เห็นด้วยแกสามารถพูดออกมาก่อนได้ทำไมต้องก่อเรื่องด้วย ก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้พวกเราสองตระกูลมองหน้ากันไม่ติดแล้ว เรื่องนี้แกนั่นแหละที่ผิด แกรีบขอโทษพ่อ ยังจะปากแข็งอีก” แซ่เฟยโม่ตำหนิน้องชาย
แซ่จื๋อจ้วนก้มหน้าไม่พูดอะไร ยังไงก็โดนไม้แส้ไปแล้วงานแต่งนี้คงไม่ต้องแต่งแล้ว
เวลานี้ ณ บ้านตระกูลเจียง
เจียงจู่เหวินและคุณนายเจียงกับเจียงหยู่ทั้งสามคนนั่งอยู่ในห้องรับแขกที่ดูใหญ่โตหรูหราต่างคนต่างเงียบไม่พูดไม่จา
ขณะที่หวาเหวินเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วลงมาข้างล่าง
ทั้งสามคนเงยหน้าขึ้นแล้วมอง
เธอสวมใส่ชุดกี่เพ้ายาวสีแดงอ่อน
แลดูทันสมัยแต่คงความย้อนยุค
ใส่เพียงตุ้มหูไข่มุกสีทองเงินธรรมดาๆคู่หนึ่ง
ผมก็เกล้าขึ้นง่ายๆรัดกับรูปหน้า
จริงๆแล้วปีนี้หวาเหวินพึ่งจะอายุยี่สิบสองปี อายุแค่นี้ก็ต้องแต่งงานมันน่าจะเร็วเกินไป
ในขณะที่ทุกคนมองดูเธอ เธอค่อยๆเดินลงมาทีละก้าวอย่างสง่างาม
จากนั้นก็เดินมาหยุดอยู่หน้าเจียงเหวินและคุณนายเจียง เธอค่อยๆคำนับ “คุณลุงเจียงคุณป้าเจียง”
“เรียกผิดแล้ว ควรเปลี่ยนคำพูดใหม่” เจียงหยู่เตือนขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บนหัวเราะ
หวาเหวินก้มหน้าด้วยความอาย