ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 105
ตอนที่ 105 แฟนคลับคลั่งไคล้
ในโลกของเธอ งานศิลปะกลายเป็นสิ่งที่สามารถนำมาขัดเกลาจิตใจและอารมณ์ของตัวเองได้
ไม่ได้เอามาแข่งขันกับใครสักหน่อยนิ?
ในตอนเด็ก ๆ คุณย่ากลับพาเธอไปเข้าร่วมการแข่งขันเล่นเปียโนและดีดพิณจีนโบราณอยู่เสมอ
แต่หลังที่เธอไปแค่ 1-2 ครั้ง เธอรู้สึกว่าไม่ชอบ ต่อมาคุณย่าเลยไม่พาเธอไปอีกเลย
วันนี้เมื่อได้ยินว่ามีคนจะสู้กับเธอ จึงรู้สึกอยากหัวเราะออกเล็กน้อย
ช่วงพักกลางวัน หวาเหวินต้องไปจัดระเบียบหนังสือ ในขณะที่กำลังเดินไป
เธอก็เกิดอาการตกใจขึ้นมากะทันหัน….
เพราะระเบียงทางเดิน มีคนกว่า 10 คน ผู้ชายล้วน
ต่างยืนออเบียดเสียดกันอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นหวาเหวินออกมา ต่างก็เข้ามาห้อมล้อม
“คนสวย เซ็นชื่อให้ฉันหน่อยได้ไหม?”
“คนสวย เธอมีรูปไหม? ฉันขอสักใบได้ไหม? หลังจากนี้ฉันจะเป็นแฟนคลับของเธอคนเดียวเลย”
“คนสวย เธออยากเป็นดาราบ้างไหม? พี่ชายของฉันเป็นนายหน้าให้บริษัทแห่งหนึ่งอยู่ เก่งมากเลยนะ เขามีเส้นสายเยอะด้วย ฉันแนะนำให้เธอได้นะ”
“องค์หญิงน้อย พรุ่งนี้วันเสาร์ ว่างไหม? ฉันอยากจะชวนเธอไปตีกอล์ฟกับฉันหน่อย”
“เรื่องที่ลู่เสวี่ยนอี้จะแข่งกับเธอ มันน่าตกใจมากจริง ๆ นะ…..เธอเป็นพี่สาวที่สวยที่สุดที่ฉันเคยเห็นมาเลย”
“พี่ครับ ๆ ผมขอเป็นน้องชายของพี่ได้ไหมครับ? ผมรู้ว่าพี่เองก็ไม่ได้ชอบผมหรอก แต่ผมเป็นน้องชายให้พี่ได้นะครับ ….. ช่วยพี่วิ่งเต้นจัดแจงกิจธุระ ทำเรื่องของพี่ได้นะครับ”
“สาวน้อย เธอยังไม่มีเพื่อนใช่ไหม? ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ….เป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายแบบนั้นอ่า”
ผู้ชายที่ออกันอยู่หน้าประตูเหล่านี้ อาจจะได้รับผลกระทบมาจากโซเชี่ยล
ถึงได้ครึกครื้นเริงร่าเป็นพิเศษ อีกทั้งยังกล้าหาญมากอีกด้วย
เมื่อมีคนยืนออกันอยู่หน้าห้องเรียนอย่างโจ่งแจ้งแบบนี้
หวาเหวินเองก็ทำอะไรไม่ถูกในเวลานี้ ไม่รู้ว่าจะต้องจัดการยังไง
บังเอิญ หยวนซ่าวและเพื่อนๆของเขาเดินผ่านมา กำลังจะไปหาของกินที่โรงอาหาร
เมื่อเห็นทางที่หนาแน่นเต็มไปด้วยผู้คนจนไม่สามารถแทรกตัวผ่านไปได้ ก็ตื่นตกใจขึ้นมาในทันที
“ไอโย ดูเหมือนคนขี้แพ้เหล่านี้จะมายืนออกกันหน้าประตูห้องของผู้หญิงคนนั้นนะเนี่ย แบบนี้ ทำให้คนไม่ได้กินข้าวกันพอดี จริง ๆ เลย……. ศีลธรรมจรรยาบรรณไม่มีกันเลย ตอนนี้ฉันเข้าใจพวกดาราเหล่านั้นแล้วนะเนี่ย จะเดินไปทางไหนก็มีแต่กลุ่มของแฟนคลับที่ต่างคลั่งไคล้ ไปห้องน้ำก็ยังลำบากเลย”
เมื่อได้ยินเพื่อพูดแบบนี้ หยวนซ่าวจึงได้เห็นอกเห็นใจผู้หญิงคนนี้ขึ้นมา
ดังนั้นเขาจึงแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนเหล่านั้น………
เพราะรู้ว่าเขาเป็นเดือนมหาลัยแห่งสาขาบัญชี ภูมิหลังยิ่งใหญ่ ไม่มีใครกล้าเย้าแหย่
ดังนั้นพวกเขาต่างก็ทยอยกันเปิดทางให้เขา
ในตอนที่เขาเดินผ่านข้างกายของหวาเหวินไป ผู้หญิงที่ดูผอมๆคนนี้กำลังก้มหน้าลง ในระหว่างที่ถูกล้อม
พริบตาเดียวเขาก็รู้สึกเห็นใจขึ้นมาทันใด
“เธอจะไปกินข้าวไหม?” เขาถาม
หวาเหวินเงยหน้าขึ้นมาด้วยความตกใจ
“ถ้าเธอยังยืนอยู่ที่นี่แบบนี้ ถูกพวกเขาห้อมล้อม ยังไงก็ไม่มีทางรอดออกไปได้นะ”
“ฉัน…..ฉันจะไปกินข้าว”
หวาเหวินรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้น่าจะแตกต่างจากคนอื่นโดยไม่รู้ตัว
“อื้อ งั้นก็ตามฉันมา”
เขาดูเย็นชา แต่ก็มีออร่ามากทีเดียว
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ ผู้ชายเหล่านั้นก็ต่างถอยร่นไปด้านหลัง เพื่อเปิดทางให้เขา
หวาเหวินก้มหน้าลง แล้วตามหลังของหยวนซ่าวไป
เมื่อเดินตามมาจนเกือบ 500 เมตรแล้ว ถึงได้สลัดหลุดพ้นจากคนพวกนั้น
จากนั้นเธอก็หยุดลง “เมื่อกี้ ขอบคุณที่นายช่วยเปิดทางปิดล้อมให้”
“ไม่เป็นไร บังเอิญผ่านมาพอดี”
หยวนซ่าวผ่านมาจริง ๆ ดังนั้นจึงได้พูดออกไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบในตอนที่หวาเหวินได้สติกลับมา
ไม่ใช่เพราะเธอสวย แล้วจะปฏิบัติตัวต่อเธอเป็นพิเศษแต่อย่างใด
แต่ถึงจะเป็นปฏิกิริยาปกติ แต่ก็กลับทำให้หวาเหวินรู้สึกว่า ผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลย อย่างน้อยก็ไม่ใช่แฟนคลับที่ไร้สติปัญญาเหล่านั้น
หลังจากที่หวาเหวินกล่าวขอบคุณแล้ว ก็วิ่งออกไปกินข้างทางประตูข้างทันที เพราะไม่กล้าไปกินข้าวในโรงอาหารแต่อย่างใด
ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างกายของหยวนซ่าวต่างพากันยิ้ม “เพื่อน นายเป็นวีรบุรุษช่วยสาวน้อยเลยนะเนี่ย?”
“แต่จะว่าไปสาวน้อยคนนั้นก็ดูดีมากจริง ๆ นะ ฉันเห็นแล้วยังชอบเลย หยวนซ่าว…..นายไม่จีบหน่อยเหรอ?” เพื่อน ๆ ต่างพากันล้อเขา