ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 122
ตอนที่ 122 ความสกปรกในรั้วมหาวิทยาลัย
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการใส่ร้ายป้ายสี ในใจของหวาเหวินก็ยังคงสงบนิ่งอยู่เช่นเดิม
เธอทำได้เพียงแค่ทอดถอนใจ เดิมทีรั้วมหาวิทยาลัยจะต้องเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ไร้ราคีใด ๆ
ถึงอย่างไรมันก็ต้องไม่วุ่นวายและซับซ้อนเหมือนกับในสังคมข้างนอก
แต่น่าเสียดาย ที่มันไม่มี
มหาวิทยาลัยในตอนนี้เป็นสังคมขนาดเล็ก ภายในปะปนไปด้วยคนดีและคนไม่ดี หลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือว่าผู้หญิง เพียงแค่คุณดูโดดเด่น ก็จะถูกดึงดูดความสนใจและถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าผิดหรือถูกแล้ว
เจตนาเดิมของหวาเหวินคือต้องการปิดบังสถานะของการเป็นภรรยาตระกูลเจียงไว้ เพราะถึงอย่างไรมันก็ดูสะดุดตามากเกินไป
นึกไม่ถึงว่าเธอกลับถูกคนกล่าวหาว่าเป็นเด็กเลี้ยงของเสี่ยรวย และหมกมุ่นในเรื่องแย่ ๆแบบนั้นซะได้
เธอไม่อยากสนใจคนที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเป็นลู่เสวี่ยนอี้ก็ดี หรือว่าจะเป็นเสี้ยเข่อเข่อที่ถูกเธอดูดวงชะตาไปก่อนหน้าคนนั้นก็ดี
ขืนสู้รบปรบมือกับคนเหล่านี้ต่อไป ก็รังแต่จะทำให้ตัวเองไร้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น และตกต่ำมากยิ่งขึ้น
ถึงอย่างไรเธอก็………เป็นถึงปรมาจารย์ด้านการประเมินวัตถุโบราณที่ดังที่สุดในโลก
ในตอนที่เธอกินข้าวเสร็จแล้วและกลับเข้ามาข้างในนั้น หวาฟ้านก็ได้ส่งวีแชทมาหาเธอ
หวาฟ้าน : น้องห้า โพสบนหน้ากระทู้นั้นมันหมายความว่ายังไง?
หวาเหวิน : มีคนตั้งใจจะทำลายชื่อเสียงของฉัน
หวาฟ้าน : น่ารังเกียจมาก ฉันจะไปตรวจสอบให้
หวาเหวิน : ช่างเถอะ พวกปลาตัวน้อยมดตัวน้อยเหล่านี้ พี่ไปทำร้ายมันยังไงมันก็เกิดขึ้นมาใหม่อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก
หวาฟ้าน : ได้ยังไงกัน มันเสียถึงชื่อเสียงของเธอเลยนะ
หวาเหวิน : ฉันไม่สนใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว
หวาฟ้าน : งั้นฉันจะล้างมลทินแทนเธอเอง แสดงจุดยืนสถานะของเธอ พวกเขาจะได้ตะลึงงันไปเลย
หวาเหวิน : ไม่ต้องหรอกคะ มือสะอาดไม่จำเป็นต้องล้าง
หวาฟ้าน : น้องห้า นิสัยของเธอนี่หน่าจริง ๆ เลย
หวาฟ้านตั้งใจจะมาอธิบายให้เธอฟัง แต่หวาเหวินรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนักศึกษาเหล่านี้แต่อย่างใด
ช่วงบ่าย ในตอนที่หยวนซ่าวกำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่ในสนามบาสนั้น ผู้ชายเหล่านั้นต่างก็ถกเถียงพูดคุยถึงประเด็นนี้ขึ้นมา
จากนั้นก็มีคนถามหยวนซ่าวว่า “พี่หยวน พี่คิดยังไงกับเรื่องนี้?”
หยวนซ่าวหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดเหงื่อ “ฉันรู้สึกว่าไม่เห็นจะเหมือนตรงไหนเลย เธอไม่เหมือนคนที่ถูกเสี่ยเลี้ยงอะไรเทือกนั้นเลยด้วยซ้ำ”
ใช่ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้สนิทสนมกันก็ตาม แต่หยวนซ่าวก็คิดว่าเขามองคนออก
เด็กผู้หญิงที่มีนิสัยแปลกๆแบบนั้น ไม่เห็นจะเหมือนกับเด็กเสี่ยสักนิด
ในมหาวิทยาลัยหมินจู จริง ๆ แล้วก็มีเด็กผู้หญิงอีกจำนวนไม่น้อยที่มีเสี่ยใหญ่คอยเลี้ยงดูนะ
แต่พวกเธอก็มักจะโอ้อวดตัวเองทั้งวัน สวมใส่เสื้อผ้ายี่ห้อดัง ๆ ถือกระเป๋าราคาร่วมหมื่น
กลัวคนอื่นไม่รู้รึไงว่าพวกเธอมีเงิน?
แต่เสี่ยวเหวินนั้นแตกต่าง หยวนซ่าวพบปะกับเธอหลายครั้ง
แม้กระทั่งในงานเลี้ยง เธอก็ยังแต่งตัวเรียบง่าย ไม่ใช่ของแบรนด์เนมราคาแพงแต่อย่างใด
กระเป๋าที่ถือก็เป็นแบรนด์ธรรมดาทั่วไป
เขาไม่รู้สึกว่าเด็กผู้หญิงที่ดูโลคลาสแบบนี้ จะเป็นเมียน้อยที่ถูกเสี่ยใหญ่เลี้ยงดูแต่อย่างใดสักนิด
“พี่หยวน พี่ไม่เข้าใจ รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ คนเหล่านี้……….ผิวเผินก็ดูเหมือน ๆ กันนั่นแหละ ความจริงแล้วเมื่ออยู่ต่อหน้ามันกลับกลายเป็นคนละเรื่องเลย บางทีคนที่เลี้ยงดูเธออาจจะเป็นข้าราชาการก็ได้ เลยกลัวถูกคนเห็น ดังนั้นจึงให้เธอทำตัวดูโลคลาสก็ได้? ”
“ไม่มีทาง คนที่สามารถบรรเลงเพลงของ Liszt ได้ ตอนเด็ก ๆ จะต้องได้รับการอบรมสั่งสอนจากครูดีอย่างแน่นอน ฉันคิดว่า เธอน่าจะเป็นคนในครอบครัวที่มีฐานะไม่เลวเลย ไม่น้อยหน้าไปกว่าเสี่ยเหล่านั้นหรอก จะว่าไปคุณสมบัติของเธอ ก็น่าจะไม่สนใจพวกเสี่ยร่ำรวยเงินทองเหล่านั้นหรอก”
หยวนซ่าวยังคงยืนหยัดในวิธีการมองของตัวเอง……
ก่อนจะเลิกเรียน หวาเหวินได้รับข้อความทางวีแชทของเจียงหยู่
“ฉันโทรศัพท์หาชุนเถาแล้วนะ ว่าไม่ต้องไปรับเธอที่มหาวิทยาลัย วันนี้ฉันจะเป็นคนไปรับเธอเอง”
หวาเหวินตอบแค่คำได้กลับมา
เดิมทีเธอคิดว่าจะต้องได้เห็นรถยี่ห้อโรลส์-รอยซ์ โฮลดิงส์รุ่นลิมิเต็ดของเจียงหยู่จอดอยู่ตรงประตูข้างอย่างแน่นอน แต่น่าเสียดาย……ที่เห็นแค่เพียงรถแท็กซี่คันหนึ่งเท่านั้น
เจียงหยู่โบกไม้โบกมือไปมาในรถแท็กซี่ เพื่อเรียกหวาเหวินขึ้นรถ
“ไม่กล้าขับรถโรลส์-รอยซ์ โฮลดิงส์มา กลัวทำให้เธอโดนโจมตี” เขาพูดขึ้น
“นายก็รู้ด้วยเหรอ?” หวาเหวินเข้าใจ เจียงหยู่ต้องเห็นโพสเสีย ๆ หาย ๆ ของเธออย่างแน่นอน
“อื้อ รู้สิ เธอเป็นยังไงบ้าง? ลำบากใจไหม?” เขาเป็นกังวล เลยถามเธอ