ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 124
ตอนที่ 124 ข่าวฉาวของเจียงหยู่
เจียงหยู่พยักหน้า
“ไม่อย่างนั้น? เธอคิดว่าอะไรละ?” เขามองเธอ พร้อมกับยิ้มออกมาบาง ๆ
หวาเหวินก้มหน้าลง เพราะกลัวจะถูกสังเกตเห็น
“ไม่มีอะไร”
เธอพูดออกมาด้วยความเขินอายเล็กน้อย ก็เพราะฉันคิดว่าคำพูดเมื่อสักครู่มันหมายถึงฉันนะสิ ที่ไหนได้ดันเป็นกลอน
“ตอนที่ฉันเรียนอยู่เมืองนอก เพื่อนต่างชาติคนหนึ่งได้เขียนขึ้นมา ฉันเลยแปลมาเป็นภาษาจีน….. คัดลอกขึ้นมา”
“อื้อ ทำนองไม่เลวเลยนี่”
หวาเหวินยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉย ตลอดการระประทานอาหาร ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องความวุ่นวายภายในรั้วมหาวิทยาลัยอีกแต่อย่างใด
หวาเหวินไม่ชอบพูด เจียงหยู่จึงได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นภายในบริษัทเล่าให้เธอฟังแทน
เมื่อรู้สึกสนุก หวาเหวินก็ได้หัวเราะออกมา โดยไม่ได้คำนึงถึงมารยาทแต่อย่างใด
อีกด้านหนึ่ง แซ่จื๋อจ้วนนอนไม่หลับอีกครั้ง
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งวิดีโอให้แก่แซ่หลิงที่อยู่อีกฟากหนึ่งของมหาสมุทร
“พี่สอง พี่คิดจะทำอะไรอีก?”
“หยาวหยาว ฉันจะบอกเธอว่า วันนี้ฉันเห็นเหวินเหวินเล่นเพลงของ Liszt เพลง Ghost Fire เธอรู้จักไหม คือแบบ…….โคตรเจ๋งเลยค่ะ”
แซ่หลิงแสดงสีหน้าโง่เขลาออกมา “เหวินเหวิน? ใคร? ”
เธอไม่ได้แสดงปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ กลับมา
“แน่นอนว่าเป็นหวาเหวิน เธอไม่ได้ตั้งใจฟังนี่?”
“ให้ตายเถอะ พี่ชายสุดที่รักของฉัน พี่สนิทกับเจ้าตัวไหม? พี่ไปเรียกเขาว่าเหวินเหวิน พี่ไม่รู้สึกสะอิดสะเอียน ไม่ชวนอ้วกบ้างเหรอ? พ่อกับแม่จะรู้ไหมว่าพี่นั้นแย่ขนาดนี้เนี่ย?” แซ่หลิงยกโทรศัพท์ห่างออกจากหูพร้อมกับกลอกตาไปมา
“ไอหยา เรื่องนี้มันไม่สำคัญหรอก สิ่งที่สำคัญก็คือ…… ยิ่งฉันสัมผัสรับรู้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งค้นพบว่าเหวินเหวินนั้นเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจประเสริฐขนาดไหน และฉันก็ยิ่งรักเธอมากขึ้นเรื่อย ๆ จะให้ทำไงละ?”
“เยอะจริง”
“พูดให้มันดี ๆ หน่อย แซ่หลิง” คุณชายขุ่นเคืองขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันก็พูดดี ๆ แล้วไง เพราะพี่แย่เองต่างหาก? ทำสะใภ้หลุดมือเองแล้วยังจะไปตามจีบเขาอีก?”
“ฉันก็แค่เลอะเลือนไปชั่วขณะไหมเล่า…….. ดังนั้น ครั้งนี้ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้หลุดลอยไปอีกเด็ดขาด เหวินเหวินเป็นคนเก่ง ฮ่าฮ่า ตอนนั้นอ่า คนที่รังแกเธอในรั้วมหาวิทยาลัยคนนั้นถึงกับหน้าเสียไปเลย บทเพลงของ Liszt จะมีสักกี่คนที่เล่นได้รื่นหูขนาดนั้น”
ในตอนที่แซ่จื๋อจ้วนพูดเรื่องของหวาเหวินให้กับน้องสาวฟังนั้น เขาก็ได้แสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาไม่น้อย
ถึงแซ่หลิงจะค้นพบว่า พี่ชายของตัวเองนั้นมีความสุขมากแค่ไหน
แต่ถึงอย่างไรพ่อแม่ พี่ชาย และพี่สะใภ้ต่างก็ไม่ได้สนับสนุนวิธีคิดของคนที่ชอบทำตัวเว่อร์วังอย่างเขาอยู่แล้ว
ดังนั้นเขาจึงได้ทำตัวเหมือนโพรงไม้ ไม่สนใจอะไร ต้องคอยแขวะสักหน่อย
“เอาละเอาละ ครั้งที่แล้วพี่ก็พูดแบบนี้ตอนถูกแมวข่วน พอมาครั้งนี้เมื่อเห็นเธอเล่นเปียโนพี่ก็มาพูดกับฉันอีก พี่บ้าไปแล้วจริง ๆ พี่…… ไม่คุยด้วยแล้ว ฉันยังมีเรียนต่อ บ๊ายบาย……..”
เมื่อพูดจบแซ่หลิงก็วางสายไป
“ไอเด็กเวรคนนี้ ไร้ประโยชน์จริง ๆ ”
หลังจากที่วางสายไป แซ่จื๋อจ้วนก็กลัดกลุ้มใจขึ้นมาอีกครั้ง
เขามั่นใจว่าตัวเองน่าจะตกอยู่ในห้วงแห่งความรักไปแล้ว……….
แต่ ทัศนคติที่เหวินเหวินมีต่อเข้านั้น จะจริงไหม?
ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปต้องไม่ได้การแน่ ๆ ทำยังไงดีละ?
หรือว่า เขาจะต้องไปเรียนด้วยเหมือนกัน?
ไม่ได้ๆ เขาเป็นนักเรียนท๊อปของสถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ ขืนกลับไปเรียนในมหาวิทยาลัยหมินจู คงได้ถูกคนหัวเราะเยาะแน่
หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าพ่อรู้เข้า คงจะไม่ได้กินแค่รองเท้าแน่
ค่ำคืนที่แสนเงียบงัน
แซ่จื๋อจ้วนได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมานอนเล่นอยู่บนเตียง จนลืมเรื่องแมวการ์ฟิลด์ที่เขาซื้อมาตัวนั้นไปเสียสนิทใจ
จู่ ๆ ก็เขาส่งข้อความหนึ่งเข้าไปในกลุ่มของตระกูลร่ำรวยรุ่นที่สองว่า “ใครมีเรื่องฉาวโฉ่ของเจียงอยู่บ้าง ช่วยส่งมาให้ฉันหน่อย มีค่าตอบแทนให้”
เดิมทีเขาแค่พูดลอย ๆขึ้นมาเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าเมื่อส่งประโยคนี้ไปแล้ว
จะมีคนแอดเข้ามาคุยเป็นการส่วนตัวกับเขาจริง ๆ
คน ๆ นั้นชื่อว่า หวางกาง เป็นลูกหลานในตระกูลเชื้อพระวงศ์ แต่เพราะเป็นแค่ญาติ ก็เลยไม่ได้รับความสนใจเท่าไหร่นัก ปกติแล้วก็มักจะเป็นลูกผู้ดีมีเงินที่ชอบกิน ดื่ม เที่ยวไปวัน ๆ
“พี่รองแซ่ ฉันมีข้อมูล อีกอย่างก็เป็นข่าวที่ฉาวมาก ๆ ของเจียงหยู่ด้วย”
“อ่า? พูดมา…….” แซ่จื๋อจ้วนสนใจอย่างมากทีเดียว จนทำให้เขาไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน
“พี่รองแซ่ พี่ดูนี่ก่อน เงินจำนวนหนึ่งแสนสามหมื่นหยวนในบัตรเครดิตของฉันยังไม่…….” เจ้าเด็กไร้สมองคนนี้ได้พูดประโยคนี้ขึ้นมา
“นายพูดมาก่อนเดี๋ยวนายก็รู้เองแหละ ฉันจะดูว่ามันคุ้มค่ากับหนึ่งแสนสามหมื่นหยวนไหม?”