ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 129
ตอนที่ 129 ความช่วยเหลือเป็นการส่วนตัว
แววตาที่เรียกว่าดุดันอาฆาต คาดว่าน่าจะเป็นตัวของหวาเหวินเอง
ใครจะไปนึกว่าเทพธิดาที่หน้าตางดงามแบบนี้ เวลาโกรธจะสะเทือนทั้งฟ้าดินขนาดนี้
เมื่อผู้หญิงเหล่านั้นตกใจกับอารมณ์โกรธของหวาเหวิน ต่างก็พากันกระจายตัวไม่กล้าเข้ามายุ่งย่ามอีก
ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง พวกเธอเองก็ทำได้เพียงแค่หาเรื่องทะเลาะกับเธอก็เท่านั้น
แต่ผู้หญิงที่ชื่อว่าอวู๋ผิงคนนั้น กลับเกิดความขลาดกลัวขึ้นมา
เธอหันไปขอโทษหวาเหวินอีกครั้ง ด้วยการโค้งตัวลง
“เสี่ยวเหวิน ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะที่ทำให้เธอต้องวุ่นวาย แต่ฉันไม่ได้คับแค้นใจเธอเลยนะ รางวัลชิ้นนี้เป็นของเธอ ฉันเคารพเธอด้วยใจจริง ส่วนฉัน ก็ต้องพยายามต่อไป ขยันเรียน เพื่อช่วงชิงรางวัลนั้นกลับมาให้ได้อีกครั้ง”
ทัศนคติของอวู๋ผิงคนนี้ทำให้หวาเหวินชื่นชมมาก
ถึงแม้ว่าฐานะทางบ้านจะค่อนข้างยากจนก็ตาม แต่คนจนก็มีจิตใจที่หยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเองเช่นเดียวกัน ไม่ต้องมาทำเรื่องที่ไร้ซึ่งศีลธรรมเหล่านี้หรอก
หวาเหวินพยักหน้า นั้นถือว่าเป็นคำตอบ
หลังจากแสดงพลังอำนาจในครั้งนี้แล้ว เพื่อนร่วมชั้นเรียนต่างก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้เธออีกแต่อย่างใด เพราะพวกหล่อนยังคงกลัวอยู่ไม่น้อย
แต่กลับมีผู้หญิงที่ชื่อว่าจูฉ่ายหลิงคนหนึ่งเข้ามาแสดงเจตนาที่ดีกับเธอ เพียงแต่น่าเสียดายที่หวาเหวินไม่ได้สนใจ
เมื่อถึงเวลาเลิกเรียนในช่วงพลบค่ำ หวาเหวินก็ยังคงขึ้นรถอ้าวดี้ A8 โดยไม่ได้สนใจคำซุบซิบนินทาเหล่านั้นแต่อย่างใด
แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้ขึ้นรถตรงประตูข้างอีกแต่อย่างใด เพราะถึงอย่างไรทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว เธอจึงขึ้นรถหรูคันนั้นให้เห็นกันซึ่ง ๆ หน้าไปเลย
ดังนั้นหวาเหวินจึงให้ชุนเถามารับหน้าประตูมหาวิทยาลัย เพื่อให้ทุกคนได้เห็นเพิ่มขึ้น
หยวนซ่าวและเพื่อน ๆ เหล่านั้นที่กำลังเดินออกไปกินข้าว ก็เห็นเข้ากับภาพนี้พอดี
เสียงซักถามที่ยากที่จะหลีกเลี่ยงก็ได้ดังขึ้นมาจากรอบตัวเขา
มีคนพูดขึ้นว่า : ใช่ ๆ ดูไม่ออกเลยว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้ น่าสงสารมากจริง ๆ ไม่รู้ว่าเสี่ยคนนั้นเป็นตาเฒ่าที่มีท้องใหญ่โตอะไรแบบนั้นด้วยหรือเปล่าเนอะ
และก็มีคนพูดขึ้นว่า : เป็นไปได้ไหมว่าบางทีเทพธิดาน้อยคนนั้นจะเป็นลูกสาวตระกูลมั่งคั่ง บางทีพ่อกับแม่ของเธออาจจะมีเงินก็ได้นะ?
หลังจากนั้นก็มีคนโต้แย้งกลับไปว่า “เป็นไปไม่ได้หรอก เสื้อผ้าและรองเท้าที่เธอสวมใส่ก็ดูแสนจะธรรมดา ไม่เหมือนคุณหนูที่ร่ำรวยเงินทองเลยสักนิด แต่อาจจะพึ่งหน้าตาสะสวยของตัวเอง จนทำให้ตัวเองร่ำรวยเงินทองก็ได้นะ ถ้าเป็นฉันฉันก็เอานะ ถึงอย่างไรเงินก็เป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด ทุกคนอย่ามัวแต่อิจฉาอยู่เลย ไปกันเถอะ”
อีกด้านหนึ่ง หลี่เผิงได้ถามหยวนซ่าวขึ้น
“หยวนซ่าว นายคิดว่าไง?”
“ฉันเพิ่งสังเกตเห็น ว่าคนที่ขับรถมานั้นเป็นผู้หญิง ไม่ใช่เสี่ยอะไรนั้น”
“มันก็ไม่เกี่ยวกันป่ะ บางทีอาจจะเป็นคนขับรถที่ตระกูลจ้างมาก็ได้ โพสก่อนหน้านั้นก็มีคนเอาไปพูดซุบซิบนินทากันแล้วใช่เหรอ? ว่าบางทีเสี่ยที่เลี้ยงดูเธออาจจะเป็นข้าราชการในรัฐบาลก็ได้ คนพวกนั้นไม่สะดวกที่จะเปิดเผยหน้า ดังนั้นถึงให้คนขับรถมารับยังไงละ แต่รถอ้าวดี้ A8 ก็เป็นรถที่หรูหรามากจริง ๆ นะ เธอใส่รองเท้าคู่ละ 300-500 หยวน ไม่ค่อยเหมาะสมที่จะเป็นคนมีฐานะร่ำรวยเลยสักนิด”
ผู้ชายเหล่านี้ค่อย ๆ เชื่อข่าวลือมากขึ้น คิดว่าหวาเหวินต้องมีเสี่ยเลี้ยงดูอย่างแน่นอน ถึงได้มีของเหล่านี้ใช้
แต่หยวนซ่าวกลับมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง
เขาก็ไม่ได้ชี้แจ้งข้อเท็จจริงอะไรมากนัก ถึงอย่างไรเขาและหวาเหวินก็ไม่เคยพูดคุยกันเกิน 8 คำเลยด้วยซ้ำ
อีกทั้งเธอยังปฏิเสธคำเชื้อเชิญก่อนหน้านั้นของเขา โดยไม่ไว้หน้าเขาอีกด้วย
เมื่อกลับมาถึงเฟิงหวาหลี่ในช่วงเวลาพลบค่ำ หวาเหวินไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น แม้แต่เค้กก็ไม่อยากสักนิด
เธอสั่งหยินซิ่งว่า “ไปช่วยตรวจสอบเด็กผู้หญิงที่ชื่อว่าอวู๋ผิงเพื่อนร่วมห้องของฉันคนนี้ให้หน่อยสิ”
“ทำไมเหรอคะ? คุณหนู หล่อนล่วงเกินคุณหนูเหรอคะ?”
“เปล่า ฉันแค่อยากตรวจสอบให้ละเอียดหน่อย”
หลังจากนั้นหวาเหวินก็เดินเข้าไปอาบน้ำภายในห้องนอน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นชุดอยู่บ้านสีขาวออกมา
เมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่าง ชุนเถาก็ได้หั่นผลไม้ และชงชาให้เธอเรียบร้อยแล้ว
“คุณหนูคะ ตรวจสอบเรียบร้อยคะ ครอบครัวของอวู๋ผิงค่อนข้างลำบากมากจริง ๆ คะ ไม่มีเรื่องปกปิดซ่อนเร้นแต่อย่างใด” หยินซิ่งพูดขึ้น
“อื้อ เธอช่วยไปหามาหน่อยว่าหล่อนได้เข้าร่วมกิจกรรมจับรางวัลอะไรเหล่านั้นในช่วงนี้บ้างไหม จากนั้นก็เอาเงินจำนวน 20,000 หยวนนี้ไปให้เธอ”