ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 150
ตอนที่ 150 เสน่ห์ส่วนบุคคล
คน ๆนั้นพยักหน้า “น่าจะเป็นแบบนี้แหละครับ แบบนี้เป็นคำอธิบายที่เหมาะสมที่สุดแล้ว”
“ดีมาก หาต่อไป ให้ดีก็หาสถานะ ครอบครัว ที่อยู่ของผู้หญิงคนนั้นมาด้วยเลย ต้องการหลักฐาน ฉันต้องการหลักฐานมากกว่านี้”
“ได้ครับ เถ้าแก่แซ่”
แซ่จื๋อจ้วนตั้งใจที่จะจัดการกับเจียงหยู่
หลายปีมานี้ ชื่อเสียงของคุณชายอันดับหนึ่งของตระกูลเจียงคอยแต่กดอยู่บนหัวของเขามาตลอด
ราวกับภูเขาลูกใหญ่ เจียงหยู่ดีเลิศมาตั้งแต่เด็ก ๆ จนกระทั่งตอนโต ไม่มีข่าวเสียหายเลยสักนิดเดียว
มันไม่ง่ายที่เขาจะจับหางน้อยนี้ได้ เขาจะปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไง?
ไม่ว่าผู้หญิงคนก่อนของเจียงหยู่จะตายหรือว่ายังไม่ตายก็ตาม เพียงแค่หาเจอ งั้นก็เท่ากับเป็นบททดสอบอย่างหนึ่งระหว่างเขากับหวาเหวิน
เฟิงหวาหลี่
หลังจากที่หวาเหวินและเจียงหยู่ทะเลาะกัน สภาพจิตใจของตัวเองก็แย่ลงอย่างมาก แล้วก็พูดน้อยลงมากกว่าปกติด้วย
หลังจากหมดประจำเดือน เธอก็ยังคงไปเรียนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับชุนเถาแล้ว คุณหนูของพวกเธอนั้นเป็นนักศึกษาชาวพุทธ
อยากไปก็ไป ไม่อยากไปก็ไม่ไป เอาแต่ใจตัวเองแบบสุด ๆ
แต่ไม่ว่าจะยังไง ใคร ๆ ต่างก็หาว่าพวกเราเป็นนักเรียนกที่ย้ายมากลางคัน? เจ้าตัวเองก็ไม่ได้ใบรับรองการศึกษาหรอก
ดังนั้นตอนพักกลางวัน หวาเหวินจึงนอนหลับได้เพียงครึ่งชั่วโมงแล้วตื่นขึ้นมา
หลังจากกินผลไม้ไปแล้ว เธอก็นั่งลงบนโซฟา นั่งบนเฟอร์นิเจอร์ทำมือ
ในตอนนั้นเอง เสียงวีแชทในโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
ที่บ้านส่งมา แม่ของหวาเหวิน คุณนายหวา
“อาเหวิน เจียงหยู่ให้สัมภาษณ์พิเศษ ลูกรีบดูเร็ว ช่องเศรษฐกิจการคลัง”
หวาเหวินแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมา แต่หลังจากนั้น 5 วินาที
เธอก็หยิบรีโมทขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว แล้วแสร้งทำเป็นดูทีวี จากนั้นก็แสร้งทำเป็นเปลี่ยนเป็นช่องเศรษฐกิจการคลังโดยไม่ใส่ใจนัก
และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ……….
หลังจากเปลี่ยนเป็นช่องเศรษฐกิจการคลัง ใบหน้าหล่อเหลาไม่ธรรมดาก็ได้ปรากฏขึ้นมาบนทีวีจอ 100 นิ้ว เป็นภาพที่ให้ความรู้สึกสบายใจมากจริง ๆ
“พระเจ้า นั้นมันคุณผู้ชายนี่น่า” หยินซิ่งกำลังจะถูพื้น แล้วเมื่อเห็นเจียงหยู่ ก็ตื่นตกใจขึ้นมาในทันที
ชุนเถาเองก็วิ่งออกมาจากในห้องครัว ดูคึกคักมากทีเดียว
หวาเหวินทำได้เพียงแค่จ้องมองไปทางทีวีอย่างเงียบ ๆ
ในทีวี เจียงหยู่ใส่ชุดสูทเข้ารูปสีน้ำเงิน และกำลังคุยอยู่กับพิธีกรดำเนินรายการอย่างสง่างาม
“ประธานเจียง คุณช่วยบอกพวกเราหน่อยนะคะ ว่าตอนเด็ก ๆ คุณอยากจะทำอะไร?”
เอาจริง ๆ เรื่องนี้หวาเหวินเองก็อยากรู้เช่นเดียวกัน
เธออยากรู้ ว่าคนที่มีนิสัยแบบนี้อย่างเจียงหยู่ ความฝันในวัยเด็กอยากเป็นอะไร?
เมื่อได้เจียงหยู่ได้ยินก็ก้มหน้าแล้วยิ้มออกมา
รอยยิ้มนี้สามารถฆ่าสาว ๆ นับพันได้ในชั่วพริบตาเดียว เพราะเป็นรอยยิ้มที่แสนบริสุทธิ์ ราวกับได้กลับไปในช่วงวัยรุ่นอีกครั้ง
“ตอนเด็ก ๆของผมนั้นง่ายมากครับ ถึงแม้จะรู้ว่าหลังจากที่โตมา ตัวเองต้องรับช่วงกิจการต่อจากครอบครัวก็ตาม แต่ก็ยังมีความฝันที่อยากจะทำเรื่องที่ตัวเองชอบอยู่ไม่น้อย ตอนที่ผมเห็นข่าวว่าได้มีการค้นพบศพของคุณนายชินจวยในหลุมศพหม่าหวางตุย ผมก็เริ่มมีความสนใจในด้านโบราณคดีขึ้นมาในทันทีผมรู้สึกว่าพวกเราได้ค้นพบร่องรอยของคนในสมัยโบราณที่หลงเหลือทิ้งไว้เพื่อพิสูจน์ถึงการมีตัวตนของพวกเขา และก็เป็นเรื่องราวที่น่าสนใจมากทีเดียวครับ ผมเคยฝันว่าอยากเป็นหัวหน้ากลุ่มนักโบราณคดี จากนั้นออกตามหาหลุมฝังศพของเจงกี๊สข่าน”
เมื่อพูดจบ เจียงหยู่ก็ยิ้มให้กับพิธีกรสาวคนนั้น
“ประธานเจียงในตอนนั้นช่างไร้เดียงสามากจริง ๆ นะคะเนี่ย ดูเป็นเด็กที่ไม่เกรงกลัวอะไรเลยนะคะ แต่อุดมคติก็ควรค่าแก่การเคารพ ตอนนี้ประธานเจียงพอจะมีไอดอลที่มีชื่อเสียงที่ตัวเองชอบบ้างไหมคะ? ตัวอย่างเช่นดาราค้างฟ้า หรือไม่ก็อัจฉริยะนักลงทุนในวอลสตรีท ก็ได้ทั้งนั้นคะ คำถามนี้เป็นคำถามจากแฟนคลับนะคะ พวกเขาอยากรู้มากจริง ๆว่าคนที่ดีเลิศขนาดนี้จะชอบคนแบบไหน?บูชาคนแบบไหน? ชื่นชมคนแบบไหน?”
สายตาของเจียงหยู่ได้ปรากฏแววตาชื่นชมออกมา เขาลังเลอยู่ราว 15 นาที ก่อนจะเอ่ยปากขึ้นว่า “พูดไปทุกคนก็อาจจะไม่ค่อยเข้าใจ เพราะเธอค่อนข้างไม่ได้รับความนิยม แต่ผมก็ชื่นชมจากใจจริงนะครับ เธอเป็นปรมาจารย์ด้านการประเมินวัตถุโบราณในความลับ และก็เป็นคนแรกที่สามารถประเมินวัตถุโบราณในระยะไกลได้ ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากจะเจอสักครั้งครับ”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ชุนเถาและหยินซิ่งก็ชำเลืองมองไปทางหวาเหวิน ถึงแม้ว่าใบหน้าของหวาเหวินจะยังคงเรียบเฉยก็ตาม แต่ภายในใจของเธอเต้นระทึกด้วยความดีใจไม่น้อย