ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 151
ตอนที่ 151 คนเสเพลกลับตัว
เพราะเธอคิดไม่ถึงว่า เจียงหยู่จะชอบปรมาจารย์
ปัญหาคือเธอเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าความฝันของเจียงหยู่คือการเป็นนักโบราณคดี ช่างเหลือเชื่อมากจริง ๆ …….
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นที่นิยมก็ตาม แต่ก็ไม่อยากจะพูด ว่าช่างมีนิสัยที่คล้ายคลึงกับหวาเหวินจริง ๆ
หวาเหวินชอบประเมินค่าวัตถุโบราณ และสะสมของเก่า ส่วนเจียงหยู่ก็ชอบกลุ่มนักโบราณคดี นี่อาจจะเป็นสายสัมพันธ์ลับบางอย่างก็ได้?
“คุณหนูคะ ได้ยินไหมคะ คุณผู้ชายชอบปรมาจารย์” ชุนเถาจงใจยิ้มออกมา
หยินซิ่งจึงยิ่งโม้เข้าไปใหญ่ “คุณหนูคะ งั้นคุณหนูไม่ต้องใส่หน้ากากแล้ว ให้คุณผู้ชายได้เห็นดีไหมคะ? ดูสิว่าเขาจะตกใจไหม?”
“ฉันไม่ได้อนุญาตให้พวกเธอสองคนมาพูดจาล้อเล่นกับฉันนะ หลังจากนี้ก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก ฉันไม่อยากให้ใครรู้ และก็ยิ่งไม่อยากให้เจียงหยู่รู้ด้วย”
วินาทีที่หวาเหวินเป็นปรมาจารย์ เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผยสถานะให้ใครรับรู้อยู่แล้ว
ที่เจ้าตัวทำแบบนี้ ก็เพื่อเก็บเงิน ให้ตัวเองได้มีทางออก
เพราะตอนนั้นเธอคิดว่าถ้าคุณย่าจากไป ตัวเองก็จะไม่มีที่พึ่งพิง จะให้ตระกูลหวาเลี้ยงดูเธอไปตลอดชีวิต มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้
ดังนั้นเธอจึงทำแบบนี้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าจะมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาในชั่วพริบตาเท่านั้น
ภายในระยะเวลาสั้น ๆ เธอก็กลายเป็นอาจารย์ใหญ่ไปโดยปริยาย
แน่นอนว่าเรื่องนี้ เธอตั้งใจจะเก็บเอาไว้เป็นความลับ เจียงหยู่ชอบปรมาจารย์ แต่เธอเป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ดูมีเสน่ห์ในตอนที่สวมหน้ากากเพื่อทำการประเมินค่าวัตถุโบราณเท่านั้น
ในเวลาปกติ เธอก็เป็นเพียงแค่หวาเหวิน
เมื่อคิดได้ถึงเรื่องนี้ หวาเหวินก็หยิบรีโมทขึ้นมา จากนั้นก็ทำการปิดโทรทัศน์ทันที
“ปิดทำไมละคะ คุณหนู การสัมภาษณ์ยังไม่จบเลย?” หยินซิ่งไม่เข้าใจ
หวาเหวินไม่พูดอะไร นอกจากเดินขึ้นไปข้างบนอย่างเงียบ ๆ
“นิสัยนี้ของคุณหนู เธอเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้นี่ เคร่งขรึมแบบนี้ แสดงว่าคุณหนูต้องมีเรื่องให้คิดมากอยู่ในใจอย่างแน่นอน” ชุนเถากลับเข้าใจหวาเหวิน
เพราะเธอเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ รู้สึกอะไรก็ไม่ยอมพูดออกมา
แต่ถ้ามีเรื่อง มีสิ่งที่ต้องพูด เธอก็ทำการทบทวนหลายร้อยรอบอยู่ภายในใจ
หลังจากที่แซ่จื๋อจ้วนสืบหาจนมาเจอเบาะแสบางอย่าง ครั้งนี้เขาไม่ได้รีบร้อนบอกเรื่องนี้กับหวาเหวินแต่อย่างใด
เพราะเขาจำเป็นต้องมีหลักฐานที่น้ำหนักมากกว่านี้ สุดท้ายก็โยนใส่หน้าของหวาเหวิน ให้เจียงหยู่ไม่สามารถหมุนตัวหนีได้
เมื่อคิดได้ถึงเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกเบิกบานใจขึ้นมาในทันที
ด้วยความที่เขานอนไม่หลับมาตลอดทั้งคืน เลยตัดสินใจไปขับรถเล่น
ณ ยามค่ำคืนที่งดงามที่สุดในประเทศ ภายในห้องพัก VIP
แซ่จื๋อจ้วนกำลังดื่มเหล้าร้องเพลงอยู่กับลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์รุ่นที่สองกว่า 10 คน และเด็กนั่งดริ้งอีกกว่า 10 คน
แต่เขาเป็นเพียงคนเดียวในนี้ที่ไม่มีเพื่อนสาวมาด้วย นี่เป็นครั้งแรกในรอบประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
“คุณชายแซ่ นายเป็นอะไรไปเหรอ? ไม่สนุกรึไง?” เพื่อนคนหนึ่งถามเขา
“ฉันอ่า เป็นเสเพลที่กลับตัวแล้ว ตั้งแต่นี้ต่อไปมันจะกลายเป็นเพียงแค่ตำนานในยุทธภพเท่านั้น”
แซ่จื๋อจ้วนยังอยากบอกอีกว่า หลังจากนี้ต่อไปตัวเองจะสลัดคราบความเจ้าชู้ทิ้งไป และจะกลายเป็นสุนัขที่จงรักภักดีต่อความรัก
แต่เขาก็ไม่อยากพูดต่อหน้าคนที่ไม่เข้าใจอย่างลึกซึ้งเหล่านี้ ถ้าอยากพูดก็ต้องไปพูดต่อหน้าของหวาเหวิน ถึงจะดูมีความหมาย
หลังจากที่เล่น ๆ กิน ๆ มาร่วมสองชั่วโมง แซ่จื๋อจ้วนก็เกิดง่วงขึ้นมา เขาจึงลุกขึ้นพร้อมกับกล่าวลา ก่อนจะหยิบกุญแจรถเดินออกไป
เมื่อพ้นประตูมา ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินออกมา
ซึ่งก็คือพริตตี้คนหนึ่ง สูง 175 รูปร่างเซ็กซี่ หน้าตาก็พอดูได้ ไม่ถึงกับศัลยกรรมทั้งหน้า
“คุณชายแซ่” เธอเอ๋ยปากพูดขึ้นด้วยเสียงเล็ก ๆ
แซ่จื๋อจ้วนหมุนตัวกลับไป “มีอะไรเหรอครับ?”
แซ่จื๋อจ้วนไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ คนที่ดื่มกินอยู่ภายในห้องนั้น ล้วนแล้วแต่มีใบหน้าที่คุ้นเคยทั้งนั้น เพียงแต่ไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อเท่านั้น
“คุณชายแซ่คะ คุณกลับไปทางถนนเว้ยเซาน ไหมคะ? คือบ้านของฉันก็อยู่ทางถนนเว้ยเซานพอดีชื่อว่าชุมชนจิ่วซิ่วตงฟาง ฉันรบกวนให้คุณไปส่งฉันที่นี่หน่อยได้ไหมคะ?”
เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนี้แสดงท่าทีเกรงใจ แซ่จื๋อจ้วนก็เลยไม่ได้ปฏิเสธกลับไปแต่อย่างใด
เขาพยักหน้า จากนั้นก็ให้เด็กสาวขึ้นรถเฟอร์รารี่ของตัวเองไป
หลังจากที่ถึงจุดหมาย เด็กสาวก็แสดงท่าทางลังเลไม่อยากลงจากรถ
ริมถนนแห่งนั้นไม่มีผู้คน พูดได้ว่าทางสะดวกมากทีเดียว
เธอก้มหน้าลง จากนั้นก็มองไปทางแซ่จื๋อจ้วนด้วยความเขินอายเล็กน้อย “คุณชายแซ่คะ ขอบคุณนะคะที่มาส่ง เอ่อคือว่า คุณจะเข้าไปดื่มกาแฟในบ้านฉันก่อนไหมคะ? ฉันอยู่คนเดียวคะ”