ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 152
ตอนที่ 152 อุ้มแมวมาขอขมา
จนถึงขั้นบอกว่าตัวเองนั้นอาศัยอยู่คนเดียว และยังเชิญให้ไปดื่มกาแฟข้างบนอีก นี่เป็นการบอกนัย ๆ ที่ไม่อยากให้ชัดเจนมากเกินไป
แซ่จื๋อจ้วนเป็นใคร มือโปรเรื่องความรักเชียวนะ คิดว่าเขาจะไม่เคยเจอผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเหรอ?
“ไม่ดีกว่า ดึกมากแล้ว เธอเข้าบ้านเถอะ”
“คุณชายแซ่……ฉัน…….ฉันทำได้ทุกอย่างนะคะ ฉันรับประกันเลยว่าคุณจะต้องพอใจอย่างแน่นอน …….. ฉันไม่ได้อยากได้เงิน ฉันไม่ได้เห็นแก่เงิน ฉันแค่ชื่นชมคุณเท่านั้น”
เด็กสาวไม่ยอมแพ้ จนกระทั่งใช้หน้าอกคัพ 36D มาคลอเคลียแนบชิดบนร่างกายแซ่จื๋อจ้วน
แต่ทว่า เธอก็ถูกเขาผลักออก ด้วยการกระทำที่หยาบคายมาก
“ฉันไม่มีอารมณ์ เธอก็อย่ามาทำอะไรทุเรศ ๆ แบบนี้ ช่วยทำตัวให้เหมาะสม ยับยั้งชั่งใจหน่อยก็ดี”
เมื่อพูดจบ แซ่จื๋อจ้วนก็กวาดตามองไปทางใบหน้าของเธอด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะขับรถสปอร์ตออกไปทันที
เด็กสาวรู้สึกผิดหวังมาก นี่เป็นโอกาสเดียวที่เธอจะได้กลับตัว ผู้หญิงภายในแวดวงต่างก็รู้ดี
ถ้าได้พึ่งพิงแซ่จื๋อจ้วนละก็ ต่อให้ได้นอนกับเขาเพียงแค่ครั้งเดียว ก็สามารถเป็นข่าวประเด็นร้อนได้ทั้งนั้น เผลอ ๆ อาจจะโด่งดังรุ่งโรจน์มากกว่านั้นก็ได้
เดิมทีเธอคิดว่าการที่แซ่จื๋อจ้วนไม่พาเพื่อนผู้หญิงมาด้วย จะเป็นโอกาสดีที่เธอจะได้ลงมือแล้ว
แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวกลับไม่มีอารมณ์ร่วมด้วย แล้วเธอจะทำยังไงต่อดีละ? เธอจึงทำได้เพียงแค่ทอดถอนใจกับความซวยของตัวเอง ที่มาได้ผิดเวลา
ความจริงแล้ว หลังจากที่แซ่จื๋อจ้วนตัดสินใจที่จะเริ่มต้นใหม่กับหวาเหวิน เขาก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นอีกเลย
ต่อให้มีความต้องการด้านร่างกาย จนทำให้เขาต้องแบกภาระอันหนักอึ้งก็ตาม
เขาก็ไม่อยากไปหาคนอื่นมาระบายอารมณ์แต่อย่างใด แต่ความเด็ดเดี่ยวในครั้งนี้ของเขา
ช่างเป็นค่ำคืนที่เงียบเหงาจริง ๆ
ในตอนที่เจียงหยู่กลับมาถึงบ้าน แต่กลับไม่เห็นหวาเหวิน
เธอออกไปข้างนอก กลับมาก็เป็นเวลา 3 ทุ่มแล้ว
เจียงเลยนั่งรอเธออยู่ในห้องรับแขก
“เหวินเหวิน กลับมาแล้วเหรอ?”
หวาเหวินพยักหน้า แต่ไม่ตอบอะไร
“เหวินเหวิน วันนี้เธอ…….” เจียงหยู่ยังพูดไม่ทันจบ หวาเหวินก็เดินขึ้นไปข้างบนแล้ว ไม่ให้โอกาสให้เขาพูดจบก่อนแต่อย่างใด
ชุนเถาและหยินซิ่งเองก็ต่างพากันก้มหน้าลงอย่างเงียบ ๆ โดยไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมา
นี่ยังอยากจะเล่นสงครามเย็นกันต่อใช่ไหม?
เมื่อมาคิด ๆ ดู ความจริงแล้วมันก็ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลย เขาไม่ได้เป็นคนเรียกปาปารัสซี่เหล่านั้นมา
แต่หวาเหวินน่าจะไม่พอใจเรื่องที่เขาบังคับพาเธอไปโรงพยาบาล จนถูกปาปารัสซี่แอบถ่ายเข้า และก็กลายเป็นข่าวว่าเธอกำลังตั้งท้อง
ดังนั้นความใกล้ชิดที่ไม่ได้มีกันง่าย ๆ ก็เลยกลับมาอยู่ในรูปแบบเดิม
เจียงหยู่ทอดถอนใจออกมาเบา ๆ ……. เขาจะทำยังไงดี?
เขาเองก็ง้อเด็กผู้หญิงไม่เป็นด้วยอ่า? ประสบการณ์ก็ไม่มีสักนิด สงสัยจะต้องถามฉินชุงเจี้ยนซะแล้วมั้ง?
แต่แล้วเขาก็เห็นเจ้าโคกเดินกลับเข้ามาจากด้านนอกด้วยท่าทางเกียจคร้าน
ย่างก้าวของมันคล้ายกับนางแบบ บิดไปบิดมา
เจ้าโคกเป็นแมวสีดำบริสุทธิ์ตัวหนึ่ง ไม่มีสีอื่น ๆ มาแทรกแซงด้วยเลยสักนิดเดียว ดวงตาที่เปล่งประกายแวววับ ไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าใกล้ เพราะมันจะดุร้ายมาก
“มานี่มา เจ้าโคก มาหาฉันมา”
เมื่อเจียงหยู่เห็นเจ้าโคก เขาก็ดูกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาในทันที
เจ้าโคกเองก็เชื่อฟังมาก มันเดินอย่างเกียจคร้านเข้ามาในอ้อมแขนของเจียงหยู่
เจียงหยู่อุ้มมันขึ้นมา จากนั้นก็พาขึ้นไปด้านบน
จากนั้นก็เคาะประตู แล้วก็เข้าไปในห้องนอนของหวาเหวิน
ยังไงซะเขาก็มีข้ออ้างแล้ว
“นายมีอะไร?” หวาเหวินกำลังหวีผม
ใบหน้าของเธอยังคงแสดงความเย็นชาออกมาผ่านกระจก
“อ่า เจ้าโคกกลับมาแล้ว ฉันเลยคิดว่า……. จะพามันขึ้นมาส่งให้เธอ ฉันเห็นว่าเธอชอบอุ้มมันมาก”
“วางลงเถอะ แล้วนายก็ออกไปได้แล้ว”
“แล้ว……”
“ยังมีเรื่องอื่นอีกเหรอ?”
“ความจริงแล้ว……..ฉันอยากจะพูดกับเธอหน่อย ดั่งคนโบราณว่าไว้แบกหนามมาขอขมา ฉันเจียงหยู่ก็เลยตั้งใจจะอุ้มเจ้าโคกมาขอขมา ……. ท่านเทพธิดาหวาเหวินได้โปรดทรงเมตตา ผู้ใหญ่อย่าถือสาเอาความเด็ก อย่าโกรธเคืองฉันเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามเย็น ดังนั้นได้โปรดเห็นแกหน้าของเจ้าโคกด้วย ให้อภัยฉันได้ไหม?” ในขณะที่พูด เจียงหยู่ก็ใช้สองมือชูเจ้าโคกขึ้นมา
เจ้าโคกแสดงสีหน้าโง่เขลา พร้อมกับส่งเสียงร้อง เมี๊ยว ๆ จนเกือบทำให้หวาเหวินหลุดขำออกมา
อุ้มแมวมาขอขมา ? เขาก็คิดได้เนอะ……..