ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 153
ตอนที่ 153 ไม่พูดเรื่องเหตุผล
ความจริงแล้วผู้ชายที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองดูน่ารักก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีนะ เพียงแต่ท่าทางน่ารักแบบนี้ของเจียงหยู่ ทำให้เธอตื่นตกใจไม่น้อย
ถึงอย่างไรเมื่อตอนกลางวัน เขาก็ยังให้สัมภาษณ์กับผู้นำเศรษฐกิจการคลังเอเชียคนนั้นด้วยท่าทางจริงจังอยู่เลย
แต่พอกลับมาถึงบ้านก็ดันอุ้มแมวมาขอเจรจาสงบศึกเสียอย่างนั้น ใครจะไปคิดละว่าประธานใหญ่จะแสดงท่าทางน่ารักได้ขนาดนี้?
สำหรับเรื่องที่ทำให้หวาเหวินเข้าใจผิดนั้น เขาคิดว่าเธอกับเขาเป็นสามีภรรยากันจริง ๆ ซึ่งก็คือทั้งหมดของกันและกันอยู่แล้ว
หลังจากที่ได้สติกลับมา เธอจึงค่อย ๆ ปรับอารมณ์ของตัวเอง
จากนั้นก็มองไปทางเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ต้องมาทำแบบนี้หรอก ระหว่างเราสองคนก็เป็นการทำธุรกิจกันอยู่แล้ว บอกไม่ได้หรอกว่าใครผิด?”
“ถึงจะเป็นการทำธุรกิจกัน ฉันก็หวังว่าเราจะทำธุรกิจกันได้อย่างราบรื่นสมบูรณ์โดยที่ไม่รู้สึกเสียใจ เหวินเหวิน ถ้าเธอไม่เชื่อฉัน เธอตรวจสอบดูก็ได้นะ ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้มันไม่ยากอะไรสำหรับเธออยู่แล้ว ประจำเดือนของเธอมานั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหัน ฉันไม่สามารถไปคาดการณ์ล่วงหน้าได้ จะไปรู้ได้ยังไงว่าประจำเดือนเธอจะมาเมื่อไหร่ถูกไหม? โรงพยาบาลฉันก็ไหว้วานให้ฉินชุงเจี้ยนช่วยติดต่อให้กับฉัน ฉันคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีกลุ่มปาปารัสซี่ดักรออยู่ อีกอย่างยังสร้างข่าวมั่ว ๆ ว่าเธอท้องอีก หลังจากนั้นฉันเลยให้คนไปทำการตรวจสอบ แล้วก็ได้รู้ว่าปาปารัวซี่เหล่านั้นไม่ได้มาที่นั้นเพื่อแอบถ่ายพวกเรา แต่ดันถ่ายด้วยความบังเอิญ พวกเขารอดาราสาวในแวดวงบันเทิงคนหนึ่ง ว่ากันว่าเธอทำผิดจารีตประเพณี และยังมีลูกกับชายชู้คนนั้นอีก วันนั้นดาราสาวตั้งใจจะไปทำแท้งที่โรงพยาบาล เพียงแต่ว่ามีคนทำให้รั่วไหลออกไป ดาราสาวคนนั้นก็เลยไม่มา ดังนั้นพวกเราทั้งสองคนเลยกลายเป็นแพะรับบาดไปโดยปริยาย ”
เรื่องที่เจียงหยู่พูดเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น และก็คิดทบทวนมาอย่างรอบคอบแล้ว
หลังจากที่หวาเหวินฟังจบ มีหน้าของเธอก็ไม่ได้แสดงความลำบากใจอะไร ความจริงแล้วตอนนั้นเธอเพียงแค่สงสัยขึ้นมาชั่วขณะเท่านั้น
แต่หลังจากที่กลับมาคิด ๆ ดูแล้ว เจียงหยู่ทำเรื่องเหล่านี้ไปแล้วจะได้อะไร?
ท้องก็ไม่ได้ท้อง สำหรับเจียงหยู่แล้ว ก็ไม่ได้สร้างผลประโยชน์อะไรให้กับเขาอยู่แล้ว ถ้าโกหกว่าท้อง แล้วไปแก้ข่าวลือมันไม่เป็นการตบหน้าตัวเองมากกว่าเหรอ?
หลักเหตุผลหวาเหวินล้วนเข้าใจทั้งสิ้น เธอเพียงแค่ไม่อยากต่อว่าต่อขานเท่านั้น
เคยมีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าเกิดทะเลาะกับแฟนสาว คุณต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้
เพราะถ้าคุณชนะ เท่ากับคุณจะเสียเธอไป และกลายเป็นคนโสดในที่สุด
ดังนั้นเลยพูดได้ว่าผู้หญิงนั้นเป็นพันธุ์สิ่งมีชีวิตที่น่ามหัศจรรย์มาก ขนาดผู้เชี่ยวชาญยังเคยบอกเลยว่า พวกเราห้ามเข้าไปยุแหย่สิ่งมีชีวิตที่มีเลือดออกเป็นจำนวนมากทุกเดือน แต่ก็ยังกระโดดโลดเต้นได้ เพราะนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไร้ศัตรูเทียบเทียมที่สุดในวงจรชีวิต
“เหวินเหวิน เธอได้ยินไหม?”
“ฉันไม่ได้หูหนวก”
“อื้อ แค่เธอฟังคำอธิบายของฉันก็พอแล้ว เธออย่าโกรธฉันเลย ประจำเดือนเธอเพิ่งจะมา ร่างกายยังไม่ค่อยแข็งแรง อย่าพึ่งอารมณ์ฉุนเฉียวเลย”
“เจียงหยู่ ตอนเด็ก ๆ นายเคยรู้สึกหงุดหงิดไม่สบอารมณ์บ้างไหม?”
หวาเหวินอยากรู้ ดังนั้นก็เลยถามขึ้นโดยไม่มีที่มาที่ไป
เจียงหยู่เป็นคนที่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีมากจริง ๆ ไม่ว่าจะคุยธุรกิจกับใครเขาก็มักจะสุภาพอ่อนน้อมตลอด แน่นอนว่ายกเว้นแค่เพียงการยั่วยุของแซ่จื๋อจ้วนเท่านั้น
ดังนั้นหวาเหวินเลยอยากรู้ว่าเขาเป็นคนที่อ่อนโยนแบบนี้มาตั้งแต่เกิดเลยเหรอ?
เจียงหยู่ยิ้มออกมาด้วยแววตาสับสนเล็กน้อย “เมื่อก่อนฉันไม่ใช่แบบนี้หรอก เมื่อก่อนฉันเป็นคนที่ค่อนข้างเย็นชามาก ไม่สนใจใครทั้งนั้น ต่อมาฉันก็ประสบอุบัติเหตุ จนเกือบตาย และนอนหลับใหลอยู่ในโรงพยาบาลกว่าสามเดือน หลังจากที่ตื่นขึ้นมา ก็ดูเหมือนจะมองทุกอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ชีวิตคนเรามีแค่ชีวิตเดียว ต้นไม้ใบหญ้าเติบโตได้เพียงแค่ในฤดูใบไม้ผลิ ดังนั้นจงใช้ชีวิตให้ดี ๆ จะมัวเสียเวลาทำไม?”
เมื่อหวาเหวินฟังจบ ก็รู้สึกสะเทือนใจมากขึ้น
ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะไม่โกรธกระฟัดกระเฟียดกับเขาแล้ว
เธอยืนขึ้น จากนั้นก็รับเจ้าโคกมาไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับลูบมันด้วยความอ่อนโยน
“เอาละ เรื่องนี้ช่างมันเถอะ ไม่ต้องไปรื้อฟื้นมันแล้ว” หวาเหวินพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ขอบพระทัยพะยะคะองค์หญิงที่ให้อภัย”เจียงหยู่ล้อเล่นต่อ
หวาเหวินก้มหน้าลงก่อนจะหัวเราะตาม แต่แล้วในตอนนั้นเอง เจียงหยู่ก็ได้ยื่นมือข้างหนึ่งออกมาประคองท้ายทอยของเธอไว้ พร้อมกับยื่นมืออีกข้างหนึ่งออกมาจับคางของเธอ
จากนั้นก็ก้มลงไปประทับจูบบนริมฝีปากสีแดงของเธอเบา ๆ อย่างไม่ให้สัญญาณล่วงหน้า
เป็นการจูบที่เบามากจริง ๆ จากนั้นก็รีบสลายตัวไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่หวาเหวินจะระเบิดความโกรธออกมา
นี่มัน……..ถูกจูบอีกแล้วเหรอ? หวาเหวินแตะริมฝีปากด้วยความงุนงง เธอบอกไม่ถูกว่ามันรู้สึกยังไง แต่มันมหัศจรรย์มากสำหรับเธอ
บริษัทเครื่องประดับAILA นี่คืออาณาจักรกิจการค้าของตระกูลแซ่
หลังจากที่เสร็จการประชุมในช่วงเช้า แซ่หยานก็ได้ถามลูกชายคนโตแซ่เฟยโม่ว่า “ช่วงนี้ไอลูกอกตัญญูคนนั้นเป็นยังไงบ้าง? รู้จักความยากลำบากจนคิดจะล้มเลิกแล้วรึยัง?”