ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 159
ตอนที่ 159 การกระทำที่น่าทึ่ง
ความจริงแล้วหยวนซ่าวก็เป็นคนที่มีเหตุผลมากคนหนึ่งทีเดียว ถึงแม้ว่าในหลายปีมานี้เขาจะมีชื่อเสียงของการเป็นเดือนมหาวิทยาลัยหมินจูก็ตาม แต่กลับไม่ได้ทำตัวหวือหวาแต่อย่างใด
นอกจากจะเล่นบาสเป็นงานอดิเรกแล้ว เขาก็แทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนไหนเลย
และก็ไม่เคยมีข่าวอื้อฉาวกับใครโดยไม่มีสาเหตุด้วย
แต่ครั้งนี้ เขาทนไม่ไหวจริง ๆ
เขาสามารถเข้าใจเหวินเหวินได้ที่ยอมศิโรราบให้กับผู้ชายก็เพื่อชีวิตและเพื่อเงินทอง แต่ผู้ชายคนไหนก็ได้ ยกเว้นเพียงแซ่จื๋อจ้วนคนเดียว
เธอไปอยู่กับแซ่จื๋อจ้วนได้ยังไง?
สำหรับที่ว่าทำไมหยวนซ่าวถึงได้มีทัศนคติแบบนี้กับแซ่จื๋อจ้วนนั้น นั้นเป็นเพราะเรื่องเมื่อสองปีก่อน
ตอนนั้นหยวนซ่าวมีเพื่อนที่โตมาด้วยกันอยู่หนึ่งคน พวกเขาเล่นด้วยกันมาตลอด
ซึ่งเพื่อนที่โตมาด้วยกันคนนี้มีพี่สาวอยู่หนึ่งคน เธอมีหน้าตาที่สวยมาก และเป็นเน็ตไอดอลที่ฮอตฮิตมาก ซึ่งตัวเธอเองนั้นมีร้านออนไลน์ ขายเสื้อผ้าเป็นปกติอยู่แล้ว
ต่อมาไม่รู้ทำยังไง ถึงได้จับพลัดจับผลูหลงเข้าไปในแวดวงคนรวย ว่ากันว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับแซ่จื๋อจ้วนด้วย
แต่ทว่าไม่นาน ก็ได้ยินมาว่าพี่สาวของเขาได้กรีดข้อมือฆ่าตัวตายไปเหตุเพราะความรัก
เรื่องนี้ไม่ได้ถูกเปิดเผยออกไป จนกระทั่งถูกตระกูลร่ำรวยเหล่านั้นใช้เงินสยบข่าวไว้
แต่หลังจากนั้น เพื่อนที่โตมาด้วยกันของเขาก็หายตัวไปภายในคืนนั้นทั้งบ้าน และก็ไม่รู้ว่าย้ายไปอยู่ที่ไหน หรือว่าเป็นยังไงบ้าง? และเขาก็ไม่ได้รับข่าวคราวอะไรจากเขาอีกเลย
และในเวลาต่อมาอีกครั้ง โพสบางโพสก็ยังคงเป็นข่าวลือที่แพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง
ว่ากันว่าพี่สาวของเพื่อนที่โตมาด้วยกันคนนั้นมีความสัมพันธ์กับแซ่จื๋อจ้วนได้เพียงไม่นาน ก็พลาดจนตั้งครรภ์
หลังจากนั้นก็ถูกบีบให้ทำแท้ง แต่พี่สาวของเขาไม่ยอม เลยถูกเขาทอดทิ้งไป ซึ่งเธอแบกรับการโจมตีนี้ไม่ไหว จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า และหลังจากนั้นก็กรีดข้อมือฆ่าตัวตายไปในที่สุด
ส่วนครอบครัวของเพื่อนที่โตมาด้วยกันของเขา มีคนบอกว่าเพราะตระกูลแซ่ได้ใช้เงินอุดปากไว้ จากนั้นก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศอย่างเงียบ ๆ
แล้วก็ยังมีคนบอกว่า ตระกูลแซ่นั้นได้ฆ่าเรียบ ด้วยการตัดแขนตัดของพวกเขา จนทำให้พวกเขาหายสาบสูญไปทั้งหมด
แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไง ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา เขาก็ตัดสินว่า แซ่จื๋อจ้วนลูกหลานของตระกูลผู้สูงศักดิ์คนนี้เป็นปลาเน่า เป็นคนชาติชั่วของสังคม และไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในโลกใบนี้แต่อย่างใด
ดังนั้นหยวนซ่าวจึงไม่สามารถกลั้นอารมณ์โกรธได้ จึงเดินตรงมายังสาขาประวัติศาสตร์อย่างไม่รอช้าทันที
ซึ่งสาขาประวัติศาสตร์ในตอนนี้กำลังเป็นเวลาเรียน และเป็นวิชาการเมืองวิชาหนึ่ง
อาจารย์ผู้ชายที่สวมแว่นกำลังพูดอธิบายบางอย่างด้วยความหลงใหล
หยวนซ่าวถลันเข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะประตูแต่อย่างใด จากนั้นก็เดินตรงไปด้านหลังสุดของห้อง แล้วดึงหวาเหวินให้ลุกขึ้นจากที่นั่ง
หวาเหวินมีปฏิกิริยาตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นจึงใช้แรงทั้งหมดสะบัดมือใหญ่ของเขาออก
“มากับฉัน ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ” อารมณ์ของเขาไม่ดีเอามาก ๆ สีหน้าก็เคร่งเครียด
“ไม่ว่าง กำลังเรียน”
หวาเหวินยังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เพราะเดิมทีเธอก็ไม่ได้สนิทกับหยวนซ่าวอยู่แล้ว อีกทั้งเพื่อน ๆ ในห้องก็เห็น ถ้าเธอออกไป ไม่เป็นการเพิ่มข่าวลือเรื่องเธอกับเขามากเข้าไปอีกเหรอ?
“อย่าวุ่นวาย ฉันมีเรื่องสำคัญมากจริง ๆ ”
“นายนั่นแหละอย่าวุ่นวาย นายถลันเข้ามารบกวนเพื่อน ๆ ในห้องเรียนของฉัน” หวาเหวินพูดอย่างมีเหตุผล พร้อมกับมองไปทางเขาด้วยสายตาเย็นชา
หยวนซ่าวสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ พยายามที่จะทำให้ตัวเองนั้นสงบลง
ก่อนที่เขาจะพูดด้วยเสียงต่ำ ๆ ว่า “แซ่จื๋อจ้วน เธอรู้จักเขาไหม?”
“อื้อ” หวาเหวินไม่ปฏิเสธ
“เธอ…….กับเขาทำไมถึงได้……..?” หยวนซ่าวรู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาทันใด
หวาเหวินไม่รู้ว่าเขาไปถูกใครปั่นหูมา จึงไม่พูดอะไรออกไป
“เลิกกับเขาซะ เขาเป็นคนชั่วอันดับต้น ๆ เลยรู้ไหม?” หยวนซ่าวพยายามยับยั้งความโกรธไว้
“นักศึกษา นายไม่คิดว่า นายเข้ามายุ่งเรื่องของฉันมากเกินไปเหรอ?” หวาเหวินโต้แย้งกลับไป เห็น ๆ อยู่ว่าเธอกับเขาไม่ได้สนิทมากมายขนาดนั้น แล้วยังจะมาทำตัวเป็นคนชี้มือชี้ไม้สั่งการคนอื่นอีกเหรอ
เธอไม่รู้ว่าที่หยวนซ่าวดีต่อเธอขนาดนี้นั้นเป็นเพราะสถานการณ์ภายในนี้มันบีบบังคับรึเปล่า
ดังนั้นคำพูดนี้จึงค่อนข้างก้าวร้าวมากทีเดียว
เมื่อเห็นสีหน้าเย็นชาของหวาเหวิน แล้วก็สายตาเหยียดหยามของเธอ
หยวนซ่าวก็มีความคิดชั่วร้ายขึ้นมาในทันที เขา อยากจูบเธอ ต่อหน้าของทุกคนในสาขาประวัติศาสตร์
ดังนั้นเขาที่สูญสิ้นซึ่งสติสัมปชัญญะ ก็ได้ก้มหน้าลง แล้วโน้มตัวลงไปเพื่อจูบเธอ
แต่ยังไม่ทันได้สัมผัส ก็เห็นภาพสุดคลาสสิกที่สุดเสียก่อน
ในเวลาเดียวกันกับที่เขาได้เข้ามาใกล้ หวาเหวินก็ใช้มือข้างเดียวยกเก้าอี้ข้างกายขึ้นมา
จากนั้นก็ฟาดลงไปบนหัวของเขาอย่างเต็มแรง
หลังจากนั้น……..หัวของหยวนซ่าวก็แตก เลือดไหล งุนงง
ทุกคนในห้องเรียนต่างก็พากันตะลึงไปไม่แพ้กัน …… นี่ ……การกระทำนี้ มันรุนแรงเกินไปหน่อยไหม? การโต้กลับของนางฟ้าคนนี้ มากเกินไปหน่อยไหม?
เมื่อก่อนเคยคิดว่าเวลาที่ผู้หญิงเหล่านั้นคุ้มคลั่งนั้นก็คือว่าสุด ๆ แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะมีการออกแรงฟาดอย่างเต็มแรงแบบนี้อีกด้วย