ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 175
ตอนที่ 175 รัศมีดารา
“อื้อ ดังนั้นฉันถึงได้บอกไงว่าอย่ากลับบ้านดึกเกินไป มันอันตราย”
หวาฟ้านไม่ได้พูดอะไรออกไป นอกจากเม้มปาก
“หลังที่เด็กคนนี้ถูกจับเลยมีโอกาสได้พูดคุยกับเขา เขาเองก็รู้สึกเสียใจมากทีเดียว เราเอาของกลับมาให้เธอ เลยควบคุมตัวของเขาเอาไว้ชั่วคราว จะพิพากษายังไงนั้น คงต้องรอให้เรารายงานต่อกรมอัยการก่อน จากนั้นก็ค่อยฟ้องศาล ส่งให้ศาลเป็นคนจัดการ แต่เขาเพิ่งจะฉลองวันเกิดอายุครบ 18 ปีไป ดังนั้นจึงถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว การชิงทรัพย์เป็นคดีใหญ่ คาดว่ากว่าจะได้ออกไปก็อย่างต่ำ 8 ปี” ป๋ายห้าวพูดเน้นย้ำที่ละคำอย่างชัดเจน
หวาฟ้านเองก็ได้แต่ทอดถอนใจ “เพิ่งจะฉลองวันเกิดอายุครบ 18 ปีไป เขา……โครตโชคร้ายจริง ๆ”
“ใช่ ถ้ายังไม่เป็นผู้ใหญ่ละก็ ก็ยังพอได้เข้าไปยังสถานพินิจเยาวชน ซึ่งมันไม่ได้มีกฎที่เข้มงวดแบบนี้ อย่างมากสุดก็แค่ 3-5 ปีเท่านั้น”
“แล้วถ้าฉันอยากจะช่วยเขาละ ไม่เอาความละก็ เขาก็จะไม่ต้องเข้าไปในนั้นใช่ไหม?” หวาฟ้านรู้สึกว่า ถ้าให้โอกาสเด็กคนนี้อีกครั้ง เพราะกุศลกรรมของตัวเอง บางทีอาจจะเปลี่ยนชีวิตเขาไปทั้งชีวิตเลยก็ได้
ป๋ายห้าวอึ้งงันไป เขานึกไม่ถึงว่าหวาฟ้านจะใจดีมากขนาดนี้ เธออยากช่วยโจรที่ชิงทรัพย์ของเธอจนทำให้เธอได้รับบาดเจ็บคนนี้
“คงไม่ได้ เสี่ยวหลิน ตอนนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เธอจะเอาความหรือไม่เอาความนะ ทางด้านตำรวจอย่างเราได้ยื่นเรื่องไปแล้ว และรายงายตรงต่อสำนักอัยการแล้วด้วย รอแค่ให้ศาลเปิดพิจารณาคดีเท่านั้น”
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง” หวาฟ้านก้มหน้าลง โดยไม่พูดอะไร
ความจริงแล้วเธอไม่ได้กินอาหารมื้อนี้เลยด้วยซ้ำ สภาพจิตใจของหวาฟ้านไม่ดีนัก ป๋ายห้าวเองก็ไม่ได้แตะต้องเลยสักนิดเช่นเดียวกัน
เมื่อทานข้าวเสร็จเขาก็ไปส่งหวาฟ้านที่อพาร์ทเม้นท์ แล้วก็จากไป
หวาฟ้านเก็บของที่ได้รับมา แล้วก็พบว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
เงินในกระเป๋า มันไม่ถูกต้อง
ถึงแม้ว่าจะเป็นจำนวนเงิน 2000 ก็ตาม แต่ก็ไม่ได้มีแบงก์ย่อยมากขนาดนั้น
ในตอนที่หวาฟ้านหยิบเงินสดออกมานับนั้น เธอจำได้อย่างชัดเจนว่า เงินสดเหล่านั้นของเธอมีตัวเลขของธนบัตรที่เริ่มต้นด้วย 70 ทุกใบ
แต่เงินจำนวนนี้เริ่มต้นด้วย 29 ถึงจำนวนจะถูกต้องก็ตาม นี่มัน………เรื่องอะไรกันแน่?
ในตอนที่หวาเหวินกลับมาถึงบ้านในเวลาพลบค่ำ เธอก็ได้นั่งดื่มชาอยู่ในห้องรับแขกกับเจียงหยู่
ส่วนเจ้าโคกก็เล่นของเล่นที่หวาเหวินซื้อมาให้ เพียงแค่ปลาไม่กี่ตัว ก็ยังสนุกและสนใจมากขนาดนี้
เจียงหยู่รู้สึกได้ว่าภาพเหตุการณ์แบบนี้มันช่างอบอุ่นมาทีเดียว มีบ้าน มีภรรยาคู่ชีวิต แล้วก็มีแมว
ในตอนนั้นเอง ก็มีภาพของหวาผิงปรากฏขึ้นมาบนโทรทัศน์อย่างฉับพลัน
หยินซิ่งและชุนเถาก็ได้ชี้ไปทางโทรทัศน์นั้น “คุณหนูดูนี่สิคะ คุณหนูสามคะ”
เจียงหยู่และหวาเหวินต่างก็หันไปมองพร้อมกัน และก็เป็นหวาผิงจริง ๆ สวยจนน่าตกตะลึงมาก
การเป็นดาราใหญ่ ต้องมีรัศมีและกลิ่นอายแบบนี้แหละ
ซึ่งภาพถ่ายทอดสดนี้เป็นงานมอบรางวัลงานหนึ่ง ในฐานะที่หวาผิงเป็นแขกผู้มีเกียรติ เธอได้สวมชุดราตรีสีขาวเปิดไหล่ เผยให้เห็นต้นขาที่เนียนขาว ดูแล้วเซ็กซี่และไฮคลาสมากจริง ๆ
เมื่อเห็นหวาผิง หวาเหวินก็นึกถึงเรื่องที่เธอด่าทอในวันนั้นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“นายน่าจะถามหวางเซียวอี้หน่อยนะว่าทำอะไรพี่หวาผิงบ้าง?”
“เอามาจากไหน?” เจียงหยู่แสดงท่าทางโง่งันในทันที
“ในสองวันมานี้พี่หวาผิงเอาแต่พูดจาแขวะกับฉันอยู่ตลอด บอกว่าหวางเซียวอี้ทำกับหล่อนเกินไป ฝากฉันไปบอกนายด้วยว่าอย่าให้หวางเซียวอี้มายุ่งกับหล่อนอีก”
เจียงหยู่อึ้งงันไปอีก “ไม่น่ามั้ง เมื่อวานฉันยังโทรศัพท์หาเขาอยู่เลย เขาบอกว่าทั้งสองคนเป็นไปได้อย่างราบรื่น คุณย่าของตระกูลหวางก็ชอบหวาผิงมากด้วย”
เมื่อทั้งสองพูดเรื่องนี้จบ ก็ต่างรู้สึกว่ามันมีบางอย่างแปลก ๆ ไป
คำพูดเหล่านี้มันฟังดูขัดแย้งกันมากทีเดียว แล้วหวาผิงกับหวางเซียวอี้มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ? ใครรู้บ้าง?
ในตอนนั้นเอง ในงานพิธีมอบรางวัล หวาผิงก็กำลังมอบรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมให้กับนักแสดงชายในแวดวงบันเทิงคนหนึ่ง
นักแสดงชายคนนั้นเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดี ดวงตาทั้งสองข้างได้มองไปทางหวาผิงด้วยความหลงใหล “พี่หวาผิง ผมศรัทธาพี่มานานแล้วครับ หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับพี่นะครับ และหวังว่าพี่จะให้โอกาสนี้กับผม”
เขาได้ประกาศออกไปกลางเวทีและต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ หวาผิงย่อมไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างแน่นอน
ดังนั้นหวาผิงจึงได้ยิ้มอย่างพราวเสน่ห์ออกมา “ได้ค่ะ ไม่มีปัญหา หวังว่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันคะ”
ใครจะไปรู้ว่าเด็กผู้ชายคนนั้นจะไม่หยุดแค่นี้ เขายังพูดเพิ่มอีกว่า “พี่หวาผิง ผมอยากแสดงบทคู่รักกับพี่ด้วยครับ”
ความฮือฮาด้านล่างเวทีได้เกิดขึ้นมาทันใด …….นี่เป็นการสารภาพรักใช่ไหม? หรือว่าเป็นการโปรโมตกันแน่?