ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 181
ตอนที่ 181 แผนการร้าย
หวาเหวินไม่ได้โกรธเคืองที่เขาล้อเล่นแต่อย่างใด ดูเหมือนว่าเธอจะเคยชินกับการเย้าแหย่แบบนี้ไปแล้ว
“นายคิดมากเกินไปแล้ว คุณชายเจียง”
เมื่อหยินซิ่งและชุนเถาเห็นเจียงหยู่เดินออกมาจากห้องของหวาเหวิน พวกเธอต่างก็พากันตื่นตกใจกันไม่น้อย
คุณผู้ชายเดินออกมาจากห้องของคุณหนูในเวลานี้ แสดงว่า……….
หลังจากนั้นภาพที่ปรากฏขึ้นมาในหัวก็แปรเปลี่ยนเป็นสิ่งที่ไร้คำอธิบายและเป็นเรื่องไม่เหมาะสมสำหรับเด็กในทันที
เมื่อเห็นเจ้าเด็กน้อยสองคนกำลังมองมาทางพวกเขาทั้งสองด้วยอาการอ้าปากค้าง
หวาเหวินจึงรีบอธิบายในทันทีว่า “ไม่ใช่อย่างที่พวกเธอคิดนะ”
“ฮ่า ไม่เป็นไรหรอกคะ คุณหนู คุณหนูกับคุณผู้ชายเป็นสามีภรรยากัน ถึงจะมีอะไรกันก็เป็นเรื่องปกติคะ” หยินซิ่งแอบยิ้ม
ประโยคนี้ทำให้เจียงหยู่รู้สึกดีมากทีเดียว เขาพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาเล็กน้อย และคิดในใจว่าหยินซิ่งคนนี้ช่างรู้จักคิดจริง ๆ
หลังจากที่กินข้าวด้วยกันแล้ว หวาเหวินก็พาเด็กสาวทั้งสองคนไปเฝ้าธุรกิจค้าขายที่แสนเงียบสงัดที่ร้านขายวัตถุโบราณ
ด้านเจียงหยู่ก็ขับรถไปบริษัท แล้วยุ่งวุ่นวายอยู่ที่บริษัทจนถึงช่วงพักกลางวัน
เขาไม่ได้รอเวลาทานข้าว แต่รอสายโทรศัพท์จากฉินชุงเจี้ยนและหวางเซียวอี้
ดังนั้นเจียงหยู่จึงขับรถไปตามที่นัดหมายไว้ ซึ่งก็คือร้านหม้อไฟที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
ทางตอนเหนือของเมืองเจียง อากาศหลังเดือนกันยายนค่อย ๆ หนาวเย็นมากขึ้น มีฝนตกเป็นครั้งคราว ซึ่งทำให้คนเหน็บหนาวถึงไม่น้อยเลยทีเดียว
ในช่วงเวลานี้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็ชอบกินหม้อไฟที่แสนอบอุ่นและอร่อยมากที่สุด
ร้านวูลาน่าลาของชาวแมนจูเป็นหนึ่งในร้านหม้อไฟที่โด่งดังที่สุดในย่านนี้
หลังจากที่เจียงหยู่จอดรถแล้ว เขาก็เดินเข้าไปภายในร้าน
จากนั้นก็เข้าไปหาเถ้าแก่ทั้งสองคนที่นั่งในตำแหน่งที่อยู่ติดกับหน้าต่างทันที
ทั้งสามคนกล่าวทักทายถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“ทำไมไม่โทรศัพท์หาเสี่ยวเห้อด้วยละ?” เจียงหยู่ถามพวกเขาทั้งสอง
“ไอ้คุณนั้นไม่ได้อยู่ในประเทศหรอก” ฉินชุงเจี้ยนพูดขึ้น
หวางเซียวอี้พยักหน้า “นายไม่เห็นที่เขาโพสในวีแชทเหรอ? เขาไปอินโดนีเซียตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”
เจียงหยู่ยิ้ม “เมื่อคืนฉันทำงานอยู่ในห้องสมุดตลอด เลยไม่ได้ดูวีแชท”
“แล้วภรรยานายละ? ไม่มาด้วยเหรอ?” ฉินชุงเจี้ยนถามขึ้น
“พวกนายทั้งสองไม่บอกล่วงหน้าเล่า ตอนฉันมาบริษัท เธอก็คงจะกินอิ่มไปแล้ว แต่ถึงเธอจะยังไม่กิน ก็ไม่มีทางมาหรอก ที่นี่มีทั้งเนื้อวัวเนื้อแกะ ภรรยาของฉันไม่กินเนื้อ เธอกินมังสวิรัติมาหลายปีแล้ว” เจียงหยู่อธิบาย
ความจริงแล้ว หวาเหวินไม่ชอบหม้อไฟต่างหาก
“พระเจ้า กินมังสวิรัติมาหลายปีไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะทำได้นะ ช่างมีเสน่ห์มากจริง ๆ ” ฉินชุงเจี้ยนพูดจากใจ
เจียงหยู่มองไปทางหวางเซียวอี้แวบหนึ่ง
“ช่วงนี้นายกับหวาผิงเป็นยังไงบ้าง?”
“ก็ตามนั้นแหละ”
“อ่า? นายกับหวาผิง? ทำไมฉันไม่รู้เลยละ?” ฉินชุงเจี้ยนหันไปมองหวางเซียวอี้ด้วยสีหน้าตื่นตกใจไม่น้อย
“พวกเราสองคนก็แค่แกล้งแสดง เพื่อจัดการคุณย่าของฉันเท่านั้น”
“งั้นนายก็ช่างเลือกเกินไปแล้วปะ ? หวาผิง? ฮ่าฮ่า ฉันละอยากรู้จริง ๆ ว่านายไปขอให้เธอช่วยได้ยังไง?” ฉินชุงเจี้ยนไม่ใช่ว่าจะไม่รู้จักหวาผิง นั้นเป็นคุณหนูผู้มั่งคั่งที่เอาแต่ใจที่สุดในตระกูลใหญ่ทั้งสี่เลยทีเดียว ไม่มีใครกล้าไปยุ่งด้วยหรอก ดัชนีด้านการสู้รบระดับ 5 ดาวเชียวนะ ในแวดวงบันเทิงก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาฉีกหน้าเธอซึ่ง ๆ หน้าเลยสักคนเดียว
“ใช้เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ ” เมื่อพูดจบ หวางเซียวอี้ก็มองไปทางเจียงหยู่ ทั้งสองคนยิ้มเป็นอันรู้กัน ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะเรื่องที่หวาผิงดื่มเหล้าเมาในวันเกิดของเธอ
ฉินชุงเจี้ยนเลยพูดแขวะออกไปว่า “หวาผิงก็ไม่เลว แต่โหดเกินไปหน่อย ผู้ชายทั่วไปทนไม่ได้กันทั้งนั้น ถ้าจะอธิบายความเป็นเธอด้วยภาพยนตร์สักเรื่องละก็ ก็น่าจะเหมาะสมกับเรื่อง และ ”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ ทั้งสามคนต่างพากันหัวเราะขึ้นมา
“ท่านฉิน ถ้านายไปพูดประโยคนี้ต่อหน้าหวาผิงสักครั้ง ฉันจะเคารพนายในฐานะผู้ชายคนหนึ่งเลย” เจียงหยู่พูดเยาะเย้ย
ฉินชุงเจี้ยนแสดงท่าทางหวาดกลัวไปสองสามวินาที “ฉันไม่กล้า ฉันไม่ใช่ผู้ชาย”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างสนุกสนานต่อไป จนกระทั่งถูกเสียงจ้อกแจ้กจอแจกลุ่มหนึ่งรบกวน
ทั้งสามคนเลยหันไปมอง แล้วก็เห็นว่าเป็นแซ่จื๋อจ้วน นอกจากนี้ก็ยังมีคนตามหลังมาอีกกว่า 10 คนด้วย แต่คนเหล่านั้นล้วนไม่ใช่ผู้มั่งคั่งร่ำรวยรุ่นสองของแวดวงภายในแต่อย่างใด เป็นแค่คนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งเท่านั้น
แซ่จื๋อจ้วนเองก็เห็นพวกเขาเช่นเดียว แต่ไม่ได้เข้ามาทักทายแต่อย่างใด เดิมทีก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับที่คนเหล่านี้อยู่แล้ว
ฉินชุงเจี้ยนมองไปทางเจียงหยู่ “ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้คุณชายคนนี้กำลังวางแผนการร้ายบางอย่างอยู่ ไม่รู้ว่าจะมาเล่นงานนายไหม เป็นห่วงก็แต่ภรรยาของนายนั้นแหละ นายต้องเตรียมรับมือเอาไว้ดี ๆ ละกัน”