ลิขิตรักส่งฉันมาเป็นคู่เธอ - ตอนที่ 186
ตอนที่ 186 เสียดสีเก่งจริง ๆ
ในตอนที่พูดนั้น คุณนายหวาได้ให้ชุนเถาและพี่เลี้ยงคนอื่นแยกตัวออกไปแล้ว
ภายในห้องรับแขก จึงเหลือเพียงแค่แม่ลูก 3 คนเท่านั้น
ดูท่าคุณนายหวาน่าจะเตรียมให้ลูกสาวคนที่สองมาพูดโน้มน้าวหวาเหวินไว้เรียบร้อยแล้ว
“อาเหวิน พี่สองมีเรื่องดี ๆ อยากจะคุยกับลูก แม่คิดว่าถ้าลูกได้ยินก็น่าจะตอบตกลงอย่างแน่นอน” คุณนายหวายิ้มรับ
หวาเหวินไม่พูดอะไร นอกจากมองไปทางหวาหรุง พูดจริง ๆ นะ ตั้งแต่เล็กจนโต หวาเหวินไม่ชอบพี่สาวคนที่สองคนนี้เป็นที่สุด
เธอมีความปรารถนาที่ค่อนข้างมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระทำเธอไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันต่อใคร มีเพียงแค่ผลประโยชน์เท่านั้น ถึงแม้ว่าพี่ใหญ่จะเป็นแบบนั้นก็ตาม แต่พี่ใหญ่ก็ไม่ได้พูดจากโหดร้ายใจดำเหมือนกับพี่สอง
“อาเหวิน คืออย่างนี้ เรื่องที่พี่เป็นห่วงในตอนนี้ก็คือเรื่องของโรงพยาบาลศัลยกรรมภายใต้เครือของตระกูลของเรา? เธอเองก็รู้ว่าในหลายปีมานี้ศัลยกรรมนั้นกลายเป็นที่นิยมขนาดไหน ธุรกิจในโรงพยาบาลของเราก็ดีมากด้วย แต่ก็ใช่ที่เรายังขาดการโฆษณาอยู่ ซึ่งมีการพูดคุยเรื่องนี้กันในที่ประชุมวันนี้ ถ้าหากว่าสามารถเชิญดาราหญิงอันดับหนึ่งมาเป็นตัวแทนในการโฆษณาได้ละก็ ค่าตัวย่อมสูงมากอย่างแน่นอน ภายในระยะเวลา 1 ปีก็ใช้เงินไปกว่า 50 ล้านหยวนแล้ว มันไม่คุ้ม ผลลัพธ์ก็ไม่เหมือนกัน ดังนั้นเราเลยคิดว่าให้น้องห้ามาช่วยเป็นพรีเซ็นเตอร์ธุรกิจของเราดีกว่า เธอก็มีหน้าตาสะสวย ถ้ามีรูปภาพของเธอมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ได้ละก็ คนที่ลังเลไม่ตัดสินใจสักทีต้องตัดสินใจที่จะมาทำศัลยกรรมกับโรงพยาบาลของเราอย่างแน่นอน แล้วถ้าเป็นแบบนี้ ธุรกิจของเราก็จะดังระเบิดแน่นอน”
“อ่อ แล้วพวกพี่ๆ จะให้ค่าตัวพรีเซ็นเตอร์กับฉันเท่าไหร่คะ?” หวาเหวินถามขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
หวาหรุงอึ้งงั้นไป คุณนายหวาก็อดที่จะถามลูกสาวไม่ได้ว่า “อาเหวิน ธุรกิจของครอบครัวเราเอง ลูกยังจะต้องการค่าตัวอะไรอีก?”
หวาเหวินพูดด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “แต่ตอนนี้หนูไม่ใช่คนของตระกูลหวาแล้วนะคะ โดยหลักเหตุผลแล้วหนูเป็นคนของตระกูลเจียงแล้ว สถานะของหนูก็คือภรรยาของคุณชายเจียง แม่สามีก็ไม่ค่อยชอบเปิดเผยตัวเท่าไหร่ ถ้าพวกพี่ ๆ ยืนยันว่าจะใช้หนูจริง ๆ งั้นก็ต้องให้ค่าจ้างหนูสิคะ หนูจะได้นำเงินนี้ไปคุยกับแม่สามีให้ หนูคิดว่าถ้าค่าตัวของดาราสาวอันดับหนึ่งคือ 50 ล้าน งั้นหนูก็คงจะแพ้ดาราหญิงพวกนั้น น้อยสุดก็น่าจะอยู่ที่ราคา 40 ล้านหยวนละกัน?”
ใบหน้าของหวาหรุงในตอนนั้นหน้าดำค่ำเครียดเลยทีเดียว เพราะเธอไม่อยากเอาเงินจำนวนนี้มาจ่ายให้กับค่าพรีเซ็นเตอร์ เลยคิดถึงหวาเหวิน นึกไม่ถึงว่าหวาเหวินจะเอ๋ยปากบอกว่าต้องการค่าจ้าง 40 ล้านหยวนเสียได้
“น้องห้า เธอพูดได้ยังไง ถึงเธอจะแต่งงานแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นลูกสาวของพ่อกับแม่นะ เธอเป็นน้องสาวของพวกเรา จะว่าไปแล้วตระกูลเจียงก็เป็นตระกูลมั่งคั่งอันดับต้น ๆ ทำไมถึงต้องมาแคร์ค่าตัวพรีเซ็นเตอร์อะไรนี้ด้วยละ?”
ถึงแม้ว่าหวาหรุงจะเกิดความไม่พอใจอยู่ในใจก็ตาม แต่ก็ยังแสดงท่าทางใจเย็นต่อไป
“พี่สองคะ ทำไมพี่ถึงไม่ให้พี่สามมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้ละคะ? เธอเองก็ทั้งสวยและก็เป็นดาราที่มีชื่อเสียงด้วย มีอิทธิพลมากกว่าฉันอยู่แล้ว” หวาเหวินถามแบบนี้กับหวาหรุงอีกครั้ง
ความจริงแล้วหวาหรุงนั้นได้โทรไปหาเธอแล้ว แค่พอพูดเรื่องพรีเซ็นเตอร์จบ หวาผิงก็วางสายในทันที ต่อมาก็ให้ผู้ช่วยโทรกลับมา บอกว่าหวาผิงไม่รับโฆษณาศัลยกรรม เพราะไม่อยากให้คนพูดว่าเธอทำศัลยกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น การมีรอยตำหนิไปตลอดชีวิตย่อมลบเลือนยากอย่างแน่นอน อีกอย่างความเอาแต่ใจของหวาผิง เธอเองก็ไม่อยากพูดต่อด้วย จึงทำได้เพียงแค่คิดถึงหวาเหวินเท่านั้น
“อ่า ฉันโทรไปหาแล้ว หวาผิงมีสัญญาอยู่แล้ว เธอเป็นพรีเซ็นเตอร์พร้อมกันหลายตัวในตอนนี้ ถ้ารับอีกตัวจะถือว่าผิดสัญญา ดังนั้นการร่วมมือกันจะทำให้มีปัญหา” เธอโกหกเอาหน้ารอด
“อาเหวิน นี่เป็นเรื่องของครอบครัวนะ ลูกก็ช่วยครอบครัวหน่อยละกัน พี่สองเองก็หมดหนทางแล้ว หนูลองคิดในมุมมองของบริษัทสักหน่อยนะลูก” คุณนายหวาพูดโน้มน้าวลูกสาวต่อไป เพื่อให้หวาเหวินนั้นใจเย็น ๆ ลง เธอหมดคำพูดกับครอบครัวนี้จริง ๆ
หวาเหวินยิ้มเล็กน้อย “พี่สอง เอาแบบนี้ละกันนะคะ งั้นพี่ก็โทรศัพท์ไปพูดกับแม่สามีของฉันดู หลังจากที่ฉันแต่งงานกับตระกูลเจียงไป มีเรื่องราวมากมายที่ฉันต้องเชื่อฟังแม่สามี ถ้าเธอตกลง ฉันก็จะช่วยพี่ พี่คิดว่าไง?”
หวาหรุงเกือบจะโมโหออกมาแล้ว เธอนึกไม่ถึงว่าหวาเหวินจะนำเรื่องนี้ไปขึ้นตรงต่อคุณนายเจียง ปัญหาก็คือเธอกล้าโทรศัพท์ไปหาคุณนายเจียงไหม?
ความเอาแต่ใจของคุณนายเจียง จะไว้หน้าเธอไหม? จะยอมให้ลูกสะใภ้ของตัวเองไปเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับโรงพยาบาลศัลยกรรมไหม? แล้วเธอจะไม่ด่ากลับมาใช่ไหม? หวาหรุงเองก็รู้ว่าคุณนายเจียงไม่กล้าเข้ามาก้าวก่ายหวาเหวินหรอก เธอตั้งใจจะใช้แม่สามีมาเป็นข้ออ้าง เธอแอบด่าทอเสียดสีหวาเหวินอยู่ในใจ เมื่อก่อนทำไมถึงไม่รู้ว่าเธอนั้นจัดการยากขนาดนี้เนี่ย
“น้องห้า เรื่องนี้ เราสองคนไม่เคยพูดเรื่องนี้กันมาก่อนนะ?” หวาหรุงยิ้มอย่างเย็นชา ด้วยความรู้สึกโกรธอย่างมาก